ครัวรักษ์อาหาร เสริมภูมิต้านทานชุมชนหลังวิกฤติโควิด-19

ครัวรักษ์อาหาร เป็นครัวชุมชนเพื่อชุมชนที่รับวัตถุดิบอาหารส่วนเกินจากระบบตลาด แต่ยังมีคุณภาพดี สามารถรับประทานได้ แทนที่จะถูกนำไปทิ้ง แต่นำมาปรุงสุกแล้วไปแจกจ่ายให้กับกลุ่มคนตกงานที่ได้รับผลกระทบระยะยาวจากโควิด-19 และกลุ่มผู้เปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ในชุมชนรายได้ต่ำ ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ จำนวน 6 ชุมชน ซึ่งมีประชากรผู้ได้รับผลประโยชน์รวมทั้งสิ้น 9,500 คน แต่ละคนจะได้รับการสนับสนุนอาหารอย่างน้อย 1 มื้อต่อเดือนตลอดการดำเนินงานของโครงการ
ระยะเวลาโครงการ 3 เดือน (พฤษภาคม - กรกฏาคม 2564) พื้นที่ดำเนินโครงการ 6 พื้นที่ ภายในจังหวัดกรุงเทพมหานคร
ยอดบริจาคขณะนี้
891,000 บาทเป้าหมาย
891,000 บาทสำเร็จแล้ว
ความคืบหน้าโครงการ
ครัวรักษ์อาหารในจังหวัดกรุงเทพฯ 6 ชุมชน ระยะเวลา 3 เดือน
ครัวรักษ์อาหารช่วยเหลือกลุ่มคนตกงานที่ได้รับผลกระทบระยะยาวจากโควิด-19 และกลุ่มผู้เปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ในชุมชนรายได้ต่ำ ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ จำนวน 6 ชุมชน ซึ่งมีประชากรผู้ได้รับผลประโยชน์รวมทั้งสิ้น 9,500 คน เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกรกฏาคม 2564
1. ครัวรักษ์อาหารย่านนางเลิ้ง (ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,500 คน) จำนวน 4 ครั้ง/เดือน
2. ครัวรักษ์อาหารคอยรุดดีน (ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,400 คน) จำนวน 4 ครั้ง/เดือน
3. ครัวรักษ์อาหารมีนบุรี (ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,400 คน) จำนวน 5 ครั้ง/เดือน
4. ครัวรักษ์อาหารแพรกษา (ประชากรได้รับความช่วยเหลือ 2,400 คน) จำนวน 4 ครั้ง/เดือน
5. ครัวรักษ์อาหารบางพลัด (ประชากรได้รับความช่วยเหลือ 2,000 คน) จำนวน 6 ครั้ง/เดือน
6. ครัวรักษ์อาหารซอยพระเจน (ประชากรได้รับความช่วยเหลือ 800 คน) จำนวน 6 ครั้ง/เดือน
รวมทั้งสิ้นมูลนิธิฯได้ส่งต่อมื้ออาหารให้แก่ชุมชนทั้งหมด 6 ชุมชนนี้เป็นจำนวน 211,237 มื้อตลอดสามเดือนที่ผ่านมา
ความประทับใจจากคนในชุมชน
ครัวรักษ์อาหารย่านนางเลิ้ง (ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,500 คน) จำนวน 4 ครั้ง/เดือน
ภาพการทำอาหารภายใน มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ ที่อาคาร FREC Bangkok เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ชุมชนวัดโสมนัส เพื่อบรรเทาความเดือดให้แก่คนในชุมชน โดยกลุ่มเป้าหมายจะเป็น กลุ่มผู้กักตัว ผู้ติดเชื้อตกค้าง และผู้ที่ได้รับผลกระทบ
การนำอาหารพร้อมทานไปแจกจ่ายในชุมชนเป็นการควบคุมโรคระบาดทางหนึ่ง เนื่องจากทำให้กลุ่มผู้กักตัวไม่ต้องออกมา ซื้ออาหารภายนอกสถานที่กักตัว และช่วยลดค่าใช้จ่ายไปอย่างน้อย 1 มื้อ เพื่อจะนำเงินเหล่านี้ ไปซื้ออุปกรณ์ป้องกันตนเองจากโรคระบาด เช่น หน้ากากอนามัย หรือ แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ
ภาพการแจกจ่ายอาหารปรุงสุกภายในชุมชนวัดโสมนัส ให้แก่กลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อแบ่งเบาค่าครองชีพ โดยก่อนเข้ามารับอาหารจะต้องล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ และใส่หน้ากากอนามัยมาด้วยทุกครั้ง โดยอาหารที่นำไปแจกจ่ายจะมีปริมาณแจกเพียงพอต่อความต้องการในแต่ละครั้ง อีกทั้งผู้รับสามารถรับอาหารไปเผื่อแผ่คนในครอบครัวที่ไม่สามารถมารับได้ด้วย
ครัวรักษ์อาหารแพรกษา (ประชากรได้รับความช่วยเหลือ 2,400 คน) จำนวน 4 ครั้ง/เดือน
ภาพครัวรักษ์อาหารที่ตำบลแพรกษา ชุมชนทองสุข ซึ่งการจัดตั้งครัวรักษ์อาหารในพื้นที่นี้ ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากหลายหน่วยงานเช่น มูลนิธิ SOS, บริษัท เอ็ม เค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จํากัด(มหาชน) และที่สำคัญคือ จิตอาสาชุมชนทองสุขทุกคน พี่แหม่มคนที่สามจากซ้ายในรูปผู้นำชุมชนทองสุข กล่าวว่า
“รู้สึกดีมาก มันบอกไม่ถูก ไม่เคยได้รับการแบ่งปันแบบนี้มาก่อน รู้สึกดีที่ได้เป็นสะพานบุญ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ได้ลิ้มลองอาหารที่ไม่เคยได้ชิมมาก่อน ใหม่ๆอาจจะวุ่นวายนิดหน่อย แต่ด้วยความช่วยเหลือจากคนในชุมชนก็สามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างลงตัว อีกทั้งโครงการครัวรักษ์อาหาร ทำให้รู้จักคุณค่าของอาหาร อาหารบางอย่างที่ไม่เป็นที่ต้องการของคนบางกลุ่ม แต่เป็นที่ต้องการของคนแถวนี้ ซึ่งเราสามารถนำมารับประทานได้อย่างเอร็ดอร่อย และสามารถนำไปฝากครอบครัว ตอนนี้ครัวรักษ์อาหารชุมชนทองสุขเป็นที่รู้จัก และเป็นที่พึ่งของคนในตำบลแพรกษาเป็นอย่างมาก ต้องขอขอบคุณครัวรักษ์อาหาร และผู้บริจาคทุกท่าน ที่ให้โอกาสชุมชนทองสุขได้จัดตั้งครัวรักษ์อาหาร และให้โอกาสพี่ได้ลองผิด ลองถูก ตอนนี้พี่เหมือนเป็นเชฟเลย”
พี่แหม่มพูดพร้อมหัวเราะท่ามกลางวิกฤติที่เกิดขึ้น เนื่องจากการทำอาหารเพื่อคนที่กำลังเดือดร้อนเป็นสิ่งที่ทำให้พี่แหม่มมีความสุข
ครัวรักษ์อาหารบางพลัด (ประชากรได้รับความช่วยเหลือ 2,000 คน) จำนวน 6 ครั้ง/เดือน
ภาพของกลุ่มจิตอาสาจากครัวชุมชนบางพลัด ภาพนี้จะเกิดขึ้นสัปดาห์ละครั้งทางชุมชนจะส่งทีมอาสาสมัครชุมชนเข้ามารับวัตถุดิบของสัปดาห์นั้นๆเพื่อนำไปประกอบอาหารในครัวชุมชน การเดินทางของทีมอาสาสมัครจะเป็นการขับรถมอเตอร์ไซต์เนื่องจากครัวชุมชนนั้นตั้งอยู่ลึกเข้าไปภายในซอย จรัญ57/1 ซึ่งเป็นจุดที่รถยนต์เดินทางเข้าไปลำบาก ในส่วนของเนื้อสดทางทีมอาสาจัดนำลังโฟมพร้อมน้ำแข็งมาบรรจุไปเพื่อให้เนื้อสดยังคงคุณภาพดีอยู่จนกระทั่งนำไปปรุงอาหาร
คุณสุกัญญา บัวอ่อน อาสาสมัครหน้าเตา แม่ครัวชุมชนบางพลัด กล่าวว่า
“การเป็นจิตอาสาทำครัวมันเหนื่อยเหมือนกันนะ แต่มันมีความสุข เราทำเพราะเรามีความสุขที่ได้แบ่งปัน วันไหนมีมากเราก็แบ่งมาก วันไหนมีน้อยเราก็แบ่งน้อย โครงการครัวรักษ์อาหาร เป็นโครงการที่ดีมาก ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบได้เยอะมาก ลองคิดดูนะคนที่เค้ารับจ้างขับวินมอเตอร์ไซต์ตอนนี้เค้าไม่มีลูกค้าเลยนะ รายได้เป็นศูนย์เลยไม่ใช่รายได้น้อย เค้าต้องซื้อข้าวไปให้ลูกเมียเค้าอีก มื้อนึงก็ต้องมีอย่างน้อยๆ 100 บาท แล้วเค้าจะเอาเงินจากไหนซื้อ พอมีครัวรักษ์อาหารในชุมชนเค้าก็จะมารอเพื่อรับอาหารไปให้คนในครอบครัวเค้า มันประหยัดไปเยอะเลยนะ อย่างน้อยเค้าไม่ก็ไม่ต้องกังวลว่าวันนี้จะกินอะไรดี ครอบครัวจะมีกินไหม คนในชุมชนก็มีความสุขขึ้นนะ คนบางคนเราเห็นกันมานานแต่ไม่เคยรู้จักกัน พอมีครัวชุมชนเค้าก็เดินมาช่วยได้คุยกัน ได้รู้จักกันก็ลดความเครียดไปได้เยอะนะ ต้องขอขอบคุณผู้บริจาคทุกคนที่มีส่วนร่วมในโครงการดีๆแบบนะ”
ภาพหนึ่งในผู้กักตัวที่รับอาหารจากครัวรักษ์อาหาร อาสาสมัครครัวรักษ์อาหารกล่าวว่า
“การทำอาหารแจกให้ผู้กักตัวในชุมชนนี่มันช่วยลดการแพร่ระบาดได้นะ คิดดูถ้าเค้ากักตัวแล้วไม่มีคนดูแลเค้า เค้าก็ต้องออกมาซื้อหาอาหารในชุมชน ซึ่งมันก็แพร่ระบาดจากตรงนี้ด้วย แต่จะผู้นำชุมชนทำฝ่ายเดียวก็ไม่เพียงพอ หลังจากมีครัวรักษ์อาหารมันก็ช่วยได้เยอะ อาหารมันก็ไปถึงคนได้มากขึ้น ขอบคุณที่ช่วยเหลือชุมชนมาตลอด”
ครัวรักษ์อาหารมีนบุรี (ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,400 คน) จำนวน 5 ครั้ง/เดือน
นางสาว พรทิพย์ กอเซาะ เป็นประธานกลุ่ม ทีมจิตอาสา10 เพื่อนยุ้ย ที่ประจำการ ณ ชุมชนสุกาทองโครง2 งานหลักของเธอคือการช่วยประสานช่วยเหลือคนยากจน เด็กกำพร้า แม่ม้าย และผู้ยากไร้ ได้กล่าวว่า
“ทางทีมประทับใจมูลนิธิ S0S เป็นอย่างมาก ช่วยแบ่งเบาภาระและช่วงวิกฤตได้เป็นอย่างดี มีอาหารมาแบ่งปันกับทีมและตามหน่วยงานอาสาสมัครที่เขาช่วยเหลือคนตามจุดฝ้ายระวังได้เป็นอย่างดีและคอยดูแลและสอบถามความลำบากของพี่น้องตามชุมชนค่ะ สิ่งที่ประทับใจที่สุดพนักงานทุกท่านคอยดูแลและติดต่อประสานงานดีและมูลนิธิเป็นที่คอยมาช่วยกันตลอดมาไม่เคยขาดค่ะ”
ภาพประกอบ
คุณลุงคุณป้าในชุมชนบางพลัดร่วมกันทำอาหารมื้ออาหารจากวัตถุดิบส่วนเกินที่ SOS ได้รับบริจาคจากบริษัทอาหารที่เป็นพันธมิตรกับเรา เช่น MK Restaurant Group และโครงการหลวง เป็นต้น
ตัวแทนอาสาสมัครส่งมอบมื้ออาหารปรุงสุกให้กับพี่ที่คอยเสียสละดูแลความสะอาดบ้านเมืองในยามวิกฤตินี้
พี่อุ้ยครัวบางพลัดกำลังล้างผักให้สะอาดก่อนปรุงอาหาร
ผู้รับอาหารนำภาชนะมารับอาหารเองด้วยรอยยิ้ม (มีการคัดกรองผู้ป่วยทุกครั้งเมื่อตั้งแถว)
ชาวชุมชนคอยรุดดีนเข้ามารับอาหารในพื้นที่ส่วนกลางและแบ่งปันกัน
อ่านต่อ »
ความขาดแคลนอาหารหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 และปัญหาขยะอาหาร
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลกนั้นส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและอัตราการว่างงานของประชาชนในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนผู้จัดว่าอยู่ในกลุ่มชุมชนที่เปราะบาง หรือรายได้ต่ำที่ยังไม่สามารถหารายได้เลี้ยงชีพ และครอบครัวตามปกติได้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้จัดแถลงภาวะสังคมไตรมาสแรกของปี 2563 มีการคาดการณ์ต่อสัญญาณของผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อการจ้างงานไว้ว่า แรงงานมีความเสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้างทั้งสิ้น 8.4 ล้านคน กลุ่มคนเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อความขาดแคลนอาหารอันเนื่องมาจากการขาดรายได้เลี้ยงชีพและครอบครัว แต่ในทางกลับกันกว่าร้อยละ 64 ของปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นในประเทศไทยต่อปีนั้นคือขยะอาหาร ซึ่งในจำนวนนั้นประกอบไปด้วยอาหารส่วนเกินจำนวนมากที่ภาคธุรกิจไม่สามารถขายได้แล้วถูกทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย และกลายเป็นขยะอาหารที่ก่อให้เกิดมลพิษ ทั้งที่จริงแล้วอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่มีคุณภาพดีและสามารถบริโภคได้ เพียงแต่เป็นปริมาณส่วนเกินในระบบตลาดเท่านั้น ในขณะเดียวกันยังมีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามาถเข้าถึงอาหารคุณภาพดีเหล่านี้ได้ เนื่องจากปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยประชาชนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้เปราะบางทางสังคม เช่น กลุ่มผู้ด้อยโอกาส กลุ่มผู้พิการ กลุ่มเด็กกำพร้า กลุ่มผู้มีรายได้น้อย เป็นต้น
แนวทางการแก้ไข
เพื่อให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้เปราะบางเหล่านี้ พร้อมลดปัญหาขยะอาหารจากอาหารส่วนเกิน โครงการครัวรักษ์อาหารของ Thai SOS จึงเกิดขึ้น โดยการสร้างระบบการถ่ายโอนอาหารส่วนเกินซึ่งก็คือ “อาหารส่วนที่เกินจากความต้องการของตลาด” ไปยังกลุ่มผู้เปราะบางต่างๆ พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมของคนชุมชน ผ่านการวางแผนระบบการขนส่งอาหารจากกลุ่มผู้บริจาคซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตอาหารในระบบตลาดไปยังครัวชุมชนที่ตั้งอยู่ภายใน 6 ชุมชนรอบจังหวัดกรุงเทพฯ เพื่อนำไปประกอบอาหารถูกหลักโภชนาการ และท้ายที่สุดนำส่งมอบให้กับกลุ่มผู้รับอาหารในชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้เปราะบางทางสังคมที่ไม่สามารถเข้าถึงอาหารที่ดีได้เท่าที่ควร

ตัวแทนผู้พิทักษ์รักษ์อาหารกำลังรับอาหารส่วนเกินบริจาคจากซูเปอร์มาร์เก็ต
และเก็บในรถห้องเย็นเพื่อกรักษาอุณหภูมิในการส่งต่อ

การแจกจ่ายมื้ออาหารที่ลานหน้าวัดโสมนัส ย่านชุมชนนางเลิ้ง

บรรยากาศการทำอาหารร่วมกันระหว่างตัวแทนชุมชนและกลุ่มอาหารสมัคร ภายในครัวรักษ์อาหารนางเลิ้ง
ประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ด้านสังคม
- บรรเทา เยียวยา คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนกลุ่มเปราะบางในการเข้าถึงอาหารที่ดีถูกหลักโภชนาการอย่างเท่าเทียม
- การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านอาหารแก่กลุ่มผู้ขาดแคลน
- สร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนในสภาวะเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19
ด้านสิ่งแวดล้อม
- ลดปัญหาขยะอาหารในระบบห่วงโซ่อุปทานอาหารในประเทศไทย
- การลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ที่มาจากอาหารส่วนเกิน
แนวการต่อยอดโครงการเพื่อให้เกิดความยั่งยืน
เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการรักษ์อาหารไปได้อย่างต่อเนื่อง ทางมูลนิธิฯจำเป็นที่จะต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบการรับและการบริจาคอาหาร รวมไปถึงการได้รับเงินสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากภาคส่วนต่างๆ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จะชี้วัดการดำรงอยู่ของโครงการให้คงอยู่ต่อไป
แนวทางการต่อยอดโครงการในอนาคตนั้นจะเกิดเป็นรูปแบบการเปิดรับอาสาสมัครจากภาคองค์กรเอกชน เพื่อให้บุคคลทั่วไปได้มาเรียนรู้ปัญหาสังคม และสิ่งแวดล้อม ได้ทำความเข้าใจชุมชนมากขึ้น นอกจากนี้เพื่อหาโอกาสขอรับการสนับสนุนจากภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับบริจาคสินค้าอาหารส่วนเกินมากขึ้น และการเปิดรับบริจาคเงินสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการมากขึ้นเพื่อร่วมกันเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารร่วมกัน
ขั้นตอนการดำเนินโครงการ
ระบบการทำงานของมูลนิธิในทุกๆวันโดยปกติแล้วจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
- ระบบจัดการผู้รับบริจาคอาหาร หรือชุมชนผู้รับ และ
- ระบบการรับบริจาคอาหารส่วนเกินดังภาพข้างต้น ในส่วนของโครงการครัวรักษ์อาหารนั้นเป็นโครงการส่วนขยายจากระบบการทำงานข้างต้นโดยจะเป็นส่วนที่อยู่ก่อนการบริจาคอาหารให้แก่ชุมชนโดยตรง ซึ่งจะเกิดขึ้นอาทิตย์ละ 3-5 ครั้ง ดังนั้นขั้นตอนการดำเนินงานของครัวรักษ์อาหาร จึงมีดังนี้
- ติดต่อหัวหน้าชุมชนที่เป็นผู้รับบริจาคอาหารจากทางมูลนิธิฯอยู่แล้ว และมีความเข้าใจเรื่องอาหารส่วนเกินเป็นอย่างดี เพื่อแนะนำให้เปิดครัวชุมชนเพื่อช่วยเหลือชุมชนในพื้นที่
- ตรวจสอบความพร้อมของชุมชนว่ามีสถานที่ และอุปกรณ์ในการจัดตั้งครัวชุมชนครบครันหรือไม่ หากมีความพร้อมเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยทางอาหารของมูลนิธิฯจะเข้าไปแนะนำการจัดตั้ง และความปลอดภัยให้กับชุมชน
- ประสานงานกับทีมรถรับบริจาคอาหารส่วนเกินเพื่อนำวัตถุดิบส่วนหนึ่งมาส่งให้กับครัวในวันที่นัดหมายไว้
- รวบรวมอาสาสมัครทั้งภายในชุมชน และบุคคลภายนอกเพื่อจัดเตรียมการทำครัว
- ประสานงานกับหัวหน้าชุมชนเพื่อจัดเตรียมจำนวนผู้รับอาหารที่มีความเดือนร้อน และจัดเตรียมด้านการสื่อสาร
- เมื่อถึงวันนัดหมาย อาสาสมัครร่วมทำอาหารด้วยกัน
- เมื่อทำอาหารเสร็จแล้วอาสาสมัครจึงลงพื้นที่นำไปแจกจ่ายให้กับชุมชน
- อาสาสมัครกลับมาที่ครัวเพื่อช่วยกันจัดเก็บ ทำความสะอาดด้วยกัน
ทั้งนี้ครัวรักษ์อาหารในแต่ละชุมชนจะมีจำนวนครั้งของการทำอาหารเพื่อมอบอาหาร 1 มื้อ/คน/ครั้งดังนี้
- ครัวรักษ์อาหารย่านนางเลิ้ง (ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,500 คน) จำนวน 4 ครั้ง/เดือน
- ครัวรักษ์อาหารคอยรุดดีน (ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,400 คน) จำนวน 4 ครั้ง/เดือน
- ครัวรักษ์อาหารมีนบุรี (ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,400 คน) จำนวน 5 ครั้ง/เดือน
- ครัวรักษ์อาหารแพรกษา (ประชากรได้รับความช่วยเหลือ 2,400 คน) จำนวน 4 ครั้ง/เดือน
- ครัวรักษ์อาหารบางพลัด (ประชากรได้รับความช่วยเหลือ 2,000 คน) จำนวน 6 ครั้ง/เดือน
- ครัวรักษ์อาหารซอยพระเจน (ประชากรได้รับความช่วยเหลือ 800 คน) จำนวน 6 ครั้ง/เดือน
รวมทั้งสิ้น 45,000 มื้อ/เดือน
เรื่องราวของ 6 ชุมชน ที่ครัวรักษ์อาหารให้ความช่วยเหลือ
1. ครัวรักษ์อาหารย่านนางเลิ้ง
มี 497 ครัวเรือน ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,500 คน
ประกอบไปด้วย 3 ชุมชน คือ ชุมชนวัดสุนทรธรรมทาน ชุมชนวัดโสมนัส และชุมชนจักรพรรดิพงษ์ “นางเลิ้ง เป็นย่านชุมชนที่เก่าแก่ มีจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 497 หลังคาเรือน คนในชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย ทำงานรับจ้าง มีกลุ่มผู้สูงอายุมากที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งมีกลุ่มแกนนำชุมชนที่ขับเคลื่อนการทำงานจิตอาสาเพื่อร่วมกันพัฒนาชุมชนอย่างเข้มแข็ง ครัวรักษ์อาหารนางเลิ้งเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างมูลนิธิฯ ที่มีวัตถุดิบให้พร้อมสำหรับการปรุงอาหาร และคนในชุมชนที่มีภูมิปัญญาการทำอาหาร ใช้งานวัฒนธรรมด้านอาหารเป็นเครื่องมือที่ชักชวนคนในชุมชน และผู้สูงอายุครูภูมิปัญญา มาร่วมกันทำอาหารใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ โดยการได้พบปะ และรังสรรค์เมนูจากวัตถุดิบที่ได้รับการบริจาคมาด้วยกัน ปัจจุบันครัวรักษ์อาหารนางเลิ้งได้ส่งต่ออาหารที่ชุมชนได้ปรุงขึ้นไปให้คนในชุมชนได้เดือนละ 1,500 คน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ แม่และเด็ก ผู้ที่ไม่มีงานทำที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนในชุมชนสามารถลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ครัวรักษ์อาหารนางเลิ้งยังคงดำเนินการต่อไปให้สามารถกระจายอาหารได้ทั่วถึง และให้อาหารเป็นเครื่องมือในการรักษาภูมิปัญญาของชุมชนด้วย

คุณยายยิ้มเข้ารับอาหารสำหรับมื้อเย็น ย่านชุมชนนางเลิ้ง
2. ครัวรักษ์อาหารคอยรุดดีน
มี 135 หลังคาเรือน ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,400 คน
ชุมชนแผ่นดินทองคอยรุดดีน เขตหนองจอก ได้รับการก่อตั้งเป็นชุมชนในปี 2537 โดยมีคณะกรรมการ 7 คน เป็นชุมชนชานเมืองมี 135 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีมัสยิดคอยรุดดีนเป็นมัสยิดประจำชุมชน ประชากรส่วนใหญ่ในชุมชนประกอบอาชีพรับจ้างและเกษตรกรรม จบชั้นประถมศึกษา มีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนต่ำกว่า 5,000 บาท มีผู้ที่มีบ้านที่อยู่อาศัยของตนเอง 91 หลัง และเช่าที่ดินอยู่ 46 หลัง ในเรื่องการแจกอาหารในชุมชน โดยปกติแล้ว ชุมชนจะมีการทำอาหารแจกให้กับเด็กๆที่เรียนศาสนาทุกวันพฤหัสบดี การเข้าร่วมโครงการครัวรักษ์อาหารจะทำให้ชุมชนสามารถแจกอาหารให้กับผู้ใหญ่ในชุมชนได้ด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับชุมชน และชวนคนในชุมชนมาร่วมกันปรุงอาหาร และร่วมกันส่งเสริมลดการลดพลาสติก ให้ใช้ภาชนะจากครัวเรือนมาใส่อาหาร หรือใช้วัสดุจากธรรมชาติมาเป็นภาชนะ ครัวรักษ์อาหารชุมชนคอยรุสดีนจึงเป็นครัวรักษ์อาหารที่ส่งเสริมความสามัคคีทางศาสนาและส่งเสริมสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆกัน ปัจจุบันทางมูลนิธิฯ สามารถแจกจ่ายมื้ออาหารจากโครงการนี้ครอบคลุมแล้วถึง 1,400 คนต่อเดือน ซึ่งในจำนวนนี้มีประชาชนที่เป็น ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ และผู้ยากไร้ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างมากโดยด่วนด้วย

ครัวรักษ์อาหารคอยรุดดีน นำร่องการงดใช้พลาสติกในการแจกจ่ายอาหารให้คนในชุมชน
3. ครัวรักษ์อาหารมีนบุรี
มี 2,000 ครัวเรือน ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,400 คน
ชุมชนในเขตมีนบุรีมีทั้งหมด 2,000 ครัวเรือนอยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณ 50 กิโลเมตร ระยะทางที่ห่างไกลทำให้การช่วยเหลือดูแลจากภาครัฐ หรือองค์กรต่างๆ ค่อนข้างยากลำบาก แต่ชุมชนก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาวัฒนธรรมทางศาสนาอิสลามอย่างเข้มแข็ง มีการขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชน ดูแลชุมชนของตนเองด้วยกิจกรรมอาสาสมัครโดยการทำทีมกลุ่มจิตอาสาเพื่อนยุ้ย ที่จะคอยประสานงานขอรับการสนับสนุน สิ่งของ อุปกรณ์ และอาหาร เพื่อให้คนในชุมชนได้มีอาหาร เพียงพอ ในการร่วมกิจกรรมทางศาสนา เช่น การเรียนศาสนาทุกเย็นๆ กิจกรรมกีฬา และยังแบ่งปันให้กับชุมชนอื่นๆ การเข้าร่วมโครงการครัวรักษ์อาหารที่ทำอาหารแจกให้กับคนในชุมชนที่ตกงาน มีรายได้ไม่เพียงพอ ผู้สูงอายุ และเด็ก ซึ่งปัจจุบันครัวรักษ์อาหารมีนบุรีได้ให้ความช่วยเหลือคนจำนวน 1,400 คนต่อเดือนในชุมชนเขตมีนบุรีให้มีอาหารที่เพียงพอมากขึ้น และช่วยลดค่าใช้จ่ายในครอบครัวมากขึ้น

กลุ่มแม่ครัวอาสาร่วมกันทำอาหารที่ครัวรักษ์อาหารมีนบุรี
4. ครัวรักษ์อาหารแพรกษา
มีประชากรได้รับความช่วยเหลือ 2,400 คน
ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ เป็นชุมชนชานเมืองที่มีการย้ายถิ่นมาจากการไล่รื้อ แกนนำชุมชนจึงเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการจัดการที่อยู่อาศัยในเครือข่ายสลัมสี่ภาค นอกจากที่อยู่อาศัยที่เป็นเรื่องสำคัญแล้ว “อาหาร” ก็เป็นปัจจัยหนึ่งสิ่งสำคัญกับทุกคนเช่นกัน แกนนำชุมชน จึงพยายามรวบรวมเงินบริจาคจากคนในชุมชนเพื่อจัดตั้งครัวชุมชน แม้จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเพราะด้วยระยะทางที่ห่างไกล แต่ชุมชนก็ยังคงทำอาหารแจกให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด การที่มูลนิธิฯได้เข้าไปสนับสนุนวัตถุดิบสำหรับการทำครัวของชุมชนและจัดตั้งเป็นครัวรักษ์อาหาร ทำให้ชุมชนมีวัตถุดิบในการปรุงอาหารมากขึ้น และเป็นการลดค่าใช้จ่ายของคนในชุมชน การทำอาหารในหนึ่งเดือนจะสามารถแจกจ่ายได้ถึง 2,400 คน การแจกจ่ายอาหารนี้เป็นการแจกเพื่ออิ่มท้องสามารถอิ่มได้ทั้งครอบครัว ทางครัวที่ชุมชนแพรกษาเองยังอยากที่จะทำอาหารให้คนในชุมชนได้อิ่มท้องต่อไป เพราะคนในชุมชนก็ยังคงยากลำบาก และต้องการการสนับสนุนมากขึ้น
5. ครัวรักษ์อาหารบางพลัด
มีประชากรได้รับความช่วยเหลือ 2,000 คน
ตั้งอยู่ที่ชุมชนบ้านมั่นคงบางพลัด ลักษณะเป็นชุมชนแออัดที่มีการจัดการตัวเองในลักษณะเคหะชุมชน โดยมีผู้นำชุมชนที่เข้มแข็งมีคณะกรรมการบริหารชุมชนที่ขับเคลื่อนกิจกรรมพัฒนาชุมชน ครัวรักษ์อาหารบางพลัด คือโครงการที่ชุมชนได้ร่วมมือกับทางมูลนิธิฯ ชุมชนได้ใช้ “อาหาร”เป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงคนในชุมชน ชุมชนใกล้เคียง และหน่วยงานภาครัฐ เข้ามามีส่วนร่วมให้การส่งต่ออาหารอย่างเป็นรูปธรรมให้กลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วยติดเตียง และผู้ได้รับผลกระทบหลังจากสถานการณ์โควิด 19 ให้มีอาหารเพียงพอเพื่อให้เกิดการลดรายจ่าย และเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของชุมชน ปัจจุบันครัวรักษ์อาหารบางพลัดกระจายอาหารให้กับคนในพื้นที่ 8 ชุมชนย่อยในเขตบางพลัดกว่า 2,000 คนต่อเดือน ชุมชนมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมแรงร่วมใจกระจายอาหารให้กับชุมชนมากที่สุด ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารได้อย่างทั่วถึง

พี่วินมอร์ไซต์อาสานำอาหารจากครัวรักษ์อาหารบางพลัด ไปส่งต่อให้ชุมชนในพื้นที่ที่ไกลกว่าระยะการเดิน
6. ครัวรักษ์อาหารซอยพระเจน
เจ้าของโครงการ

มูลนิธิ สโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (Scholars of Sustenance Foundation) หรือ Thai SOS
- Website: https://www.scholarsofsustenance.org/sos-thailand
- Facebook: https://www.facebook.com/sosfoundationthai
- Instagram: https://www.instagram.com/thaisosfoodrescue/
ภาคี
- ภาคีผู้บริจาคอาหารมากว่า 50 ที่ ยกตัวอย่างเช่น Tesco Lotus, Tops Supermarket, Central Food Hall, Big C, โรงแรมในเครือ Hilton, โรงแรมในเครือ Mariott, และผู้ประกอบการด้านอาหารอีกมากมาย
- กลุ่มเครือข่ายจิตอาสาในชุมชน เช่น กลุ่มจิตอาสาเพื่อนยุ้ยจากชุมชนมีนบุรี เป็นต้น
ครัวรักษ์อาหารทำอาหารปรุงสุกจำนวน 15,000 กล่อง ไปให้ผู้คนรายได้ต่ำ ไม่ว่าจะเป็นที่ชุมชนบางพลัด บางกอกน้อย วัดโสมนัส จักรพรรดิพงศ์ ดอนเมือง และคลองลัดพาชี ซึ่งในการแจกจ่ายอาหารครั้งนี้
จากสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน กรุงเทพมหานครเป็นจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงสุด ผู้คนในชุมชนหลายแห่งที่มีรายได้ต่ำก็ยิ่งพบกับความยากลำบากที่จะต้องต่อสู้กับการไม่มีงานทำ ขาดรายได้และอาหาร ครัวรักษ์อาหารของ SOS หลายแห่งจึงดำเนินงานตามโครงการ “รักษ์อาหารเพื่อชุมชน” อย่างต่อเนื่องโดยทำอาหารปรุงสุกจำนวน 15,000 กล่อง ไปให้ผู้คนรายได้ต่ำ ไม่ว่าจะเป็นที่ชุมชนบางพลัด บางกอกน้อย วัดโสมนัส จักรพรรดิพงศ์ ดอนเมือง และคลองลัดพาชี ซึ่งในการแจกจ่ายอาหารครั้งนี้ บริษัท Goodwill Retail ได้ช่วยบริจาคกล่องบรรจุอาหารที่ย่อยสลายได้ถึง 30,000 กล่อง ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยเหลือผู้คนให้ได้รับอาหารที่สะอาดปลอดภัยแล้ว ยังเป็นการลดการใช้พลาสติกและช่วยสิ่งแวดล้อมตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติอีกด้วยค่ะ
สามารถติดตามการดำเนินงานของมูลนิธิฯ ทุกวันได้ที่ Facebook: https://www.facebook.com/sosfoundationthai
ครัวรักษ์อาหารในจังหวัดกรุงเทพฯ 6 ชุมชน ระยะเวลา 3 เดือน
ครัวรักษ์อาหารช่วยเหลือกลุ่มคนตกงานที่ได้รับผลกระทบระยะยาวจากโควิด-19 และกลุ่มผู้เปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ในชุมชนรายได้ต่ำ ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ จำนวน 6 ชุมชน ซึ่งมีประชากรผู้ได้รับผลประโยชน์รวมทั้งสิ้น 9,500 คน เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกรกฏาคม 2564
1. ครัวรักษ์อาหารย่านนางเลิ้ง (ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,500 คน) จำนวน 4 ครั้ง/เดือน
2. ครัวรักษ์อาหารคอยรุดดีน (ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,400 คน) จำนวน 4 ครั้ง/เดือน
3. ครัวรักษ์อาหารมีนบุรี (ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,400 คน) จำนวน 5 ครั้ง/เดือน
4. ครัวรักษ์อาหารแพรกษา (ประชากรได้รับความช่วยเหลือ 2,400 คน) จำนวน 4 ครั้ง/เดือน
5. ครัวรักษ์อาหารบางพลัด (ประชากรได้รับความช่วยเหลือ 2,000 คน) จำนวน 6 ครั้ง/เดือน
6. ครัวรักษ์อาหารซอยพระเจน (ประชากรได้รับความช่วยเหลือ 800 คน) จำนวน 6 ครั้ง/เดือน
รวมทั้งสิ้นมูลนิธิฯได้ส่งต่อมื้ออาหารให้แก่ชุมชนทั้งหมด 6 ชุมชนนี้เป็นจำนวน 211,237 มื้อตลอดสามเดือนที่ผ่านมา
ความประทับใจจากคนในชุมชน
ครัวรักษ์อาหารย่านนางเลิ้ง (ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,500 คน) จำนวน 4 ครั้ง/เดือนภาพการทำอาหารภายใน มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ ที่อาคาร FREC Bangkok เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ชุมชนวัดโสมนัส เพื่อบรรเทาความเดือดให้แก่คนในชุมชน โดยกลุ่มเป้าหมายจะเป็น กลุ่มผู้กักตัว ผู้ติดเชื้อตกค้าง และผู้ที่ได้รับผลกระทบ
การนำอาหารพร้อมทานไปแจกจ่ายในชุมชนเป็นการควบคุมโรคระบาดทางหนึ่ง เนื่องจากทำให้กลุ่มผู้กักตัวไม่ต้องออกมา ซื้ออาหารภายนอกสถานที่กักตัว และช่วยลดค่าใช้จ่ายไปอย่างน้อย 1 มื้อ เพื่อจะนำเงินเหล่านี้ ไปซื้ออุปกรณ์ป้องกันตนเองจากโรคระบาด เช่น หน้ากากอนามัย หรือ แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ
ภาพการแจกจ่ายอาหารปรุงสุกภายในชุมชนวัดโสมนัส ให้แก่กลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อแบ่งเบาค่าครองชีพ โดยก่อนเข้ามารับอาหารจะต้องล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ และใส่หน้ากากอนามัยมาด้วยทุกครั้ง โดยอาหารที่นำไปแจกจ่ายจะมีปริมาณแจกเพียงพอต่อความต้องการในแต่ละครั้ง อีกทั้งผู้รับสามารถรับอาหารไปเผื่อแผ่คนในครอบครัวที่ไม่สามารถมารับได้ด้วย
ครัวรักษ์อาหารแพรกษา (ประชากรได้รับความช่วยเหลือ 2,400 คน) จำนวน 4 ครั้ง/เดือน
ภาพครัวรักษ์อาหารที่ตำบลแพรกษา ชุมชนทองสุข ซึ่งการจัดตั้งครัวรักษ์อาหารในพื้นที่นี้ ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากหลายหน่วยงานเช่น มูลนิธิ SOS, บริษัท เอ็ม เค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จํากัด(มหาชน) และที่สำคัญคือ จิตอาสาชุมชนทองสุขทุกคน พี่แหม่มคนที่สามจากซ้ายในรูปผู้นำชุมชนทองสุข กล่าวว่า
“รู้สึกดีมาก มันบอกไม่ถูก ไม่เคยได้รับการแบ่งปันแบบนี้มาก่อน รู้สึกดีที่ได้เป็นสะพานบุญ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ได้ลิ้มลองอาหารที่ไม่เคยได้ชิมมาก่อน ใหม่ๆอาจจะวุ่นวายนิดหน่อย แต่ด้วยความช่วยเหลือจากคนในชุมชนก็สามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างลงตัว อีกทั้งโครงการครัวรักษ์อาหาร ทำให้รู้จักคุณค่าของอาหาร อาหารบางอย่างที่ไม่เป็นที่ต้องการของคนบางกลุ่ม แต่เป็นที่ต้องการของคนแถวนี้ ซึ่งเราสามารถนำมารับประทานได้อย่างเอร็ดอร่อย และสามารถนำไปฝากครอบครัว ตอนนี้ครัวรักษ์อาหารชุมชนทองสุขเป็นที่รู้จัก และเป็นที่พึ่งของคนในตำบลแพรกษาเป็นอย่างมาก ต้องขอขอบคุณครัวรักษ์อาหาร และผู้บริจาคทุกท่าน ที่ให้โอกาสชุมชนทองสุขได้จัดตั้งครัวรักษ์อาหาร และให้โอกาสพี่ได้ลองผิด ลองถูก ตอนนี้พี่เหมือนเป็นเชฟเลย”
พี่แหม่มพูดพร้อมหัวเราะท่ามกลางวิกฤติที่เกิดขึ้น เนื่องจากการทำอาหารเพื่อคนที่กำลังเดือดร้อนเป็นสิ่งที่ทำให้พี่แหม่มมีความสุข
ครัวรักษ์อาหารบางพลัด (ประชากรได้รับความช่วยเหลือ 2,000 คน) จำนวน 6 ครั้ง/เดือน
ภาพของกลุ่มจิตอาสาจากครัวชุมชนบางพลัด ภาพนี้จะเกิดขึ้นสัปดาห์ละครั้งทางชุมชนจะส่งทีมอาสาสมัครชุมชนเข้ามารับวัตถุดิบของสัปดาห์นั้นๆเพื่อนำไปประกอบอาหารในครัวชุมชน การเดินทางของทีมอาสาสมัครจะเป็นการขับรถมอเตอร์ไซต์เนื่องจากครัวชุมชนนั้นตั้งอยู่ลึกเข้าไปภายในซอย จรัญ57/1 ซึ่งเป็นจุดที่รถยนต์เดินทางเข้าไปลำบาก ในส่วนของเนื้อสดทางทีมอาสาจัดนำลังโฟมพร้อมน้ำแข็งมาบรรจุไปเพื่อให้เนื้อสดยังคงคุณภาพดีอยู่จนกระทั่งนำไปปรุงอาหาร
คุณสุกัญญา บัวอ่อน อาสาสมัครหน้าเตา แม่ครัวชุมชนบางพลัด กล่าวว่า
“การเป็นจิตอาสาทำครัวมันเหนื่อยเหมือนกันนะ แต่มันมีความสุข เราทำเพราะเรามีความสุขที่ได้แบ่งปัน วันไหนมีมากเราก็แบ่งมาก วันไหนมีน้อยเราก็แบ่งน้อย โครงการครัวรักษ์อาหาร เป็นโครงการที่ดีมาก ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบได้เยอะมาก ลองคิดดูนะคนที่เค้ารับจ้างขับวินมอเตอร์ไซต์ตอนนี้เค้าไม่มีลูกค้าเลยนะ รายได้เป็นศูนย์เลยไม่ใช่รายได้น้อย เค้าต้องซื้อข้าวไปให้ลูกเมียเค้าอีก มื้อนึงก็ต้องมีอย่างน้อยๆ 100 บาท แล้วเค้าจะเอาเงินจากไหนซื้อ พอมีครัวรักษ์อาหารในชุมชนเค้าก็จะมารอเพื่อรับอาหารไปให้คนในครอบครัวเค้า มันประหยัดไปเยอะเลยนะ อย่างน้อยเค้าไม่ก็ไม่ต้องกังวลว่าวันนี้จะกินอะไรดี ครอบครัวจะมีกินไหม คนในชุมชนก็มีความสุขขึ้นนะ คนบางคนเราเห็นกันมานานแต่ไม่เคยรู้จักกัน พอมีครัวชุมชนเค้าก็เดินมาช่วยได้คุยกัน ได้รู้จักกันก็ลดความเครียดไปได้เยอะนะ ต้องขอขอบคุณผู้บริจาคทุกคนที่มีส่วนร่วมในโครงการดีๆแบบนะ”
ภาพหนึ่งในผู้กักตัวที่รับอาหารจากครัวรักษ์อาหาร อาสาสมัครครัวรักษ์อาหารกล่าวว่า
“การทำอาหารแจกให้ผู้กักตัวในชุมชนนี่มันช่วยลดการแพร่ระบาดได้นะ คิดดูถ้าเค้ากักตัวแล้วไม่มีคนดูแลเค้า เค้าก็ต้องออกมาซื้อหาอาหารในชุมชน ซึ่งมันก็แพร่ระบาดจากตรงนี้ด้วย แต่จะผู้นำชุมชนทำฝ่ายเดียวก็ไม่เพียงพอ หลังจากมีครัวรักษ์อาหารมันก็ช่วยได้เยอะ อาหารมันก็ไปถึงคนได้มากขึ้น ขอบคุณที่ช่วยเหลือชุมชนมาตลอด”
ครัวรักษ์อาหารมีนบุรี (ประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือ 1,400 คน) จำนวน 5 ครั้ง/เดือน
นางสาว พรทิพย์ กอเซาะ เป็นประธานกลุ่ม ทีมจิตอาสา10 เพื่อนยุ้ย ที่ประจำการ ณ ชุมชนสุกาทองโครง2 งานหลักของเธอคือการช่วยประสานช่วยเหลือคนยากจน เด็กกำพร้า แม่ม้าย และผู้ยากไร้ ได้กล่าวว่า
“ทางทีมประทับใจมูลนิธิ S0S เป็นอย่างมาก ช่วยแบ่งเบาภาระและช่วงวิกฤตได้เป็นอย่างดี มีอาหารมาแบ่งปันกับทีมและตามหน่วยงานอาสาสมัครที่เขาช่วยเหลือคนตามจุดฝ้ายระวังได้เป็นอย่างดีและคอยดูแลและสอบถามความลำบากของพี่น้องตามชุมชนค่ะ สิ่งที่ประทับใจที่สุดพนักงานทุกท่านคอยดูแลและติดต่อประสานงานดีและมูลนิธิเป็นที่คอยมาช่วยกันตลอดมาไม่เคยขาดค่ะ”
ภาพประกอบ
คุณลุงคุณป้าในชุมชนบางพลัดร่วมกันทำอาหารมื้ออาหารจากวัตถุดิบส่วนเกินที่ SOS ได้รับบริจาคจากบริษัทอาหารที่เป็นพันธมิตรกับเรา เช่น MK Restaurant Group และโครงการหลวง เป็นต้น
ตัวแทนอาสาสมัครส่งมอบมื้ออาหารปรุงสุกให้กับพี่ที่คอยเสียสละดูแลความสะอาดบ้านเมืองในยามวิกฤตินี้
พี่อุ้ยครัวบางพลัดกำลังล้างผักให้สะอาดก่อนปรุงอาหาร
ผู้รับอาหารนำภาชนะมารับอาหารเองด้วยรอยยิ้ม (มีการคัดกรองผู้ป่วยทุกครั้งเมื่อตั้งแถว)
ชาวชุมชนคอยรุดดีนเข้ามารับอาหารในพื้นที่ส่วนกลางและแบ่งปันกัน
แผนการใช้เงิน
รายการ | จำนวน | จำนวนเงิน (บาท) |
การประกอบอาหารในครัวรักษ์อาหาร 3 เดือน (มื้อละ 6 บาท) ระยะเวลา 3 เดือน | 135,000 มื้อ | 810,000 |
ค่าดำเนินงานเทใจดอทคอม 10% (ค่าธรรมเนียมธนาคารและ payment gateway ระบบตรวจสอบติดตามโครงการ และดูแลแพลตฟอร์ม) | 81,000 | |
รวม | 891,000 |