เงินบริจาคของคุณจะส่งต่อมื้ออาหารคุณภาพดีถูกหลักโภชนาการให้กับชุมชนเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน144ชุมชน
ภารกิจส่งต่อมื้ออาหารคุณภาพดีถูกหลักโภชนาการจำนวน 1 ล้านมื้อระหว่างมูลนิธิ สโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ และบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ให้แก่ 144 ชุมชนเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนใน 4 จังหวัดของประเทศไทย ได้แก่ กทม. ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต และเชียงใหม่ รวมไปถึงพื้นที่ตามแนวชายแดนซึ่งชุมชนส่วนมากประกอบไปด้วยผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ แรงงานข้ามชาติ แม่และเด็ก ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางและได้รับความลำบากในการดำรงชีวิต ในโครงการนี้แต่ละชุมชนจะได้รับอาหาร 900-1,000 มื้อ/เดือน เป็นเวลา 7 เดือน
ข้อมูลจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติหรือ UNFAO ได้ระบุไว้ว่า มีอาหารจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของโลกถูกทิ้งลงหลุมฝังกลบทั้งที่ยังกินได้ในทุก ๆ ปีซึ่งหากคิดตามปริมาณน้ำหนักนั้นจะมีปริมาณมากถึง 1,300 ล้านตัน/ปี โดยขยะอาหารเหล่านี้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 3,300 ล้านตัน/ปีซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน ในขณะที่ยังมีผู้ขาดแคลนอาหารที่รอคอยความช่วยเหลืออยู่อีกถึง 815 ล้านคนทั่วโลก
ในส่วนของประเทศไทย ปริมาณขยะมูลฝอยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปีโดยข้อมูลจากสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ (สวพ.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยมีปริมาณขยะมูลฝอยกว่า 26.77 ล้านตัน/ปีในจำนวนนี้มีขยะอาหารปนเปื้อนมากถึง 64% มากไปกว่านั้นประเทศไทยยังมีความสามารถในการกำจัดขยะไม่ถึง 70% ของขยะที่เกิดขึ้น จึงก่อปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรงจากการที่ขยะอาหารปนเปื้อนลงสู่ดิน แหล่งน้ำทั้งบนดินและใต้ดินอันเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์พาหะนำโรค อีกทั้งยังผลิตก๊าซมีเทนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเป็นอันดับที่ 3 รองจากการขนส่งภาคพื้นดินและการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ซึ่งถือเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนอย่างรุนแรงในปัจจุบัน
อีกด้านหนึ่งสัดส่วนผู้ขาดแคลนอาหารและขาดสารอาหารในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มจาก 8.6% ในปีพ.ศ. 2559 เป็น 9.3% ในปี พ.ศ.2561 ซึ่งหากคิดเป็นจำนวนประชากรจะมีจำนวนมากถึง 6.475 ล้านคนทั่วประเทศที่ประกอบไปด้วยกลุ่มผู้เปราะบางทางสังคมกลุ่มต่างๆ เช่น เด็กด้อยโอกาส คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้อพยพ คนไร้บ้าน ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ลี้ภัย และผู้มีรายได้น้อย เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนในประเทศไทยอีกจำนวนมากถึง 6.89 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 9.9% ของประชากรทั้งประเทศ โดยตัวเลขดังกล่าวนี้นับรวมผู้สูงอายุ อพยพเข้ามาในประเทศไทย คนพิการที่ไม่มีงานทำที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนไปด้วย ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เดิมทีมีภาวะสุ่มเสี่ยงที่จะขาดแคลนอาหารในการดำรงชีวิตในระยะยาวอยู่แล้ว เนื่องจากไม่มีช่องทางในการสร้างรายได้ที่แน่นอนในขณะที่ต้องเผชิญกับปัญหาหลายๆด้านในชีวิต และในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยซบเซาอย่างรุนแรง ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมกลุ่มคนเหล่านี้ให้มีความเสี่ยงที่จะขาดแคลนอาหารเพิ่มสูงขึ้นไปอีก
ตั้งแต่การก่อตั้งในปี 2016 ตลอดมามูลนิธิฯได้ส่งมอบอาหารให้แก่กลุ่มเปราะบางในพื้นที่สาขา (ที่มีอยู่) ตามชุมชนรวมถึงสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ มากกว่า 500 แห่ง ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 กลุ่มเปราะบางเหล่านี้ล้วนแต่มีความเป็นอยู่ที่ลำบาก ผู้รับบริจาคอยู่ในภาวะขาดแคลนอาหารและไม่สามารถเข้าถึงคุณภาพดีได้ บางส่วนนอกจากจะมีรายได้น้อยแล้ว ยังมีผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ แม่และเด็ก แรงงานข้ามชาติ ภายหลังการระบาดของโควิด กลุ่มเปราะบางยิ่งมีจำนวนมากขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของผู้ที่ไม่มีงานทำและผู้ที่ถูกลดเงินเดือน ซึ่งส่วนหนึ่งประกอบอาชีพด้านการบริการ เช่นพนักงานโรงแรม ร้านนวด และพนักงานรับจ้างทั่วไป
สาขามูลนิธิฯ ในปัจจบันประกอบด้วย
1. SOS สาขากรุงเทพ (HQ) จัดตั้งในปี 2016
o ผู้ได้รับผลประโยชน์คลอบคลุมจังหวัดกรุงเทพฯ และปริมณฑล
2. SOS สาขาภูเก็ต จัดตั้งในปี 2019
o ผู้ได้รับผลประโยชน์คลอบคลุมจังหวัดภูเก็ต
3. SOS สาขาหัวหิน จัดตั้งในปี 2020
o ผู้ได้รับผลประโยชน์คลอบคลุมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และเพชรบุรี
4. SOS สาขาเชียงใหม่ กำลังจัดตั้ง (2021)
o ผู้ได้รับผลประโยชน์คลอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่
นอกจากนี้เรายังมีภาคีเครือข่าย เช่น ทหารกองทัพบก ศูนย์ประสานงานช่วยเหลือประชาชนและกลุ่มจิตอาสาต่างๆ ที่ช่วยส่งมอบอาหารสู่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม และพื้นที่ในเขตชายแดน เช่นจังหวัด แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี นราธิวาส เป็นต้น
ในพื้นที่สาขาของมูลนิธิฯ นอกจากกรุงเทพ (HQ) ที่ปฏิบัติการ 7 วันต่อสัปดาห์แล้ว สาขาภูเก็ตและหัวหินปฏิบัติการ 5 วันต่อสัปดาห์เนื่องจากมีบุคลากรน้อยกว่า ระบบการทำงานของมูลนิธิในทุกสาขามีลักษณะเหมือนกัน และพนักงานทุกคนที่ต้องสัมผัสอาหารจะได้รับการเทรนจากผู้เชี่ยวชาญ ในวันๆหนึ่งโครงการรักษ์อาหารจะเป็นปฏิบัติการหลัก
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว มูลนิธิจึงได้ดำเนินการกอบกู้อาหารส่วนเกินไปพร้อมกับการให้ความช่วยเหลือผู้ขาดแคลนอาหารในประเทศไทยเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี โครงการทั้งหมดของมูลนิธิฯถูกพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพอยู่เสมอ ตั้งแต่ด้านการจัดระบบผู้บริจาค การปฏิบัติการเข้ารับอาหาร การจัดระบบผู้รับ และการเก็บจัดสรรข้อมูล ตั้งแต่ก่อตั้ง มูลนิธิให้ความสำคัญโครงการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 โครงการหลักได้แก่
“โครงการรักษ์อาหาร” ซึ่งระบบโลจิสติกส์มีความสำคัญเป็นอย่างมาก รถบรรทุกที่ใช้จำเป็นต้องติดตั้งตู้เย็นเพื่อคงสภาพของอาหารให้ปลอดภัยจนกว่าจะถึงมือผู้รับในแต่ละวัน รวมถึงการวางแผนเส้นทางเข้ารับอาหารจากผู้บริจาคประจำวันและการจัดการของบริจาคที่มีปริมาณมาก กระทั่งส่งต่อให้ผู้รับอย่างมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงการใช้พลังงานน้ำมัน ปริมาณอาหารและความต้องการของผู้รับ
“โครงการครัวรักษ์อาหาร” ซึ่งเป็นอีกโครงการที่สำคัญที่สร้างระบบการถ่ายโอนอาหารส่วนเกิน ไปยังกลุ่มผู้เปราะบาง พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมของคนชุมชนผ่านครัวชุมชน วัตถุดิบอาหารจะถูกกระจายสู่ครัวชุมชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อนำไปประกอบอาหารปรุงสุกที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และท้ายที่สุดนำส่งมอบให้กับกลุ่มผู้รับอาหารในชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้เปราะบางทางสังคมที่ไม่สามารถเข้าถึงอาหารที่ดีได้เท่าที่ควร
“โครงการรักษ์อาหารเพื่อชุมชนห่างไกล” ด้วยความช่วยเหลือจากภาคีเครือข่ายกลุ่มอาสากู้ภัยและทหาร ทำให้อาหารถูกส่งต่อไปถึงผู้ขาดแคลนที่อาศัยอยู่ในชุมชนตามแนวชายแดนของประเทศ และพื้นที่ห่างไกลยากแก่การเข้าถึงเช่นในป่า และบนดอยสูง
นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังมีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการจัดการอาหารส่วนเกินอย่างง่าย ๆ ได้ที่บ้าน และจัดงานอีเวนท์ต่าง ๆ เพื่อแบ่งปันความรู้และสร้างแรงบันดาลใจ และสร้างการตระหนักรู้ให้แก่บุคคลทั่วไปอีกด้วย
จัดการวางแผนเส้นทางตามข้อมูลผู้บริจาคและชุมชนผู้รับ
เข้ารับอาหารตามจุดต่าง และส่งต่อให้ชุมชนในวันเดียวกัน โดยยึดถือความปลอดภัยในการบริโภคเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด
ถ้าได้รับอาหารที่เก็บได้นานเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น ข้าวสาร น้ำผลไม้ ซีเรียล อาหารสามารถถูกจัดสรรเพื่อแบ่งให้ภาคีเครือข่ายส่งมอบสู่พื้นที่ห่างไกล
ถ้ามีวัตถุดิบอาหารจำนวนมาก สามารถนำส่งต่อให้ครัวชุมชนเพื่อนำไปทำเป็นอาหารปรุงสุกแจกจ่ายให้กลุ่มเปราะบางในชุมชน
พัฒนาระบบผู้บริจาค และภาคีเครือข่ายให้เข้มแข็ง และเป็นที่ไว้วางใจ
พัฒนาระบบผู้รับอยู่เสมอ ให้ข้อมูลแม่นยำ ถูกต้อง และเข้าถึงกลุ่มผู้ที่ต้องการอย่างแท้จริง
พัฒนาและอัพเดทการจัดเก็บข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
เทรนพนักงานและสอบถามหารือเกี่ยวกับปัญหาในการปฏิบัติการ และข้อแนะนำอยู่เสมอ
รายการ | จำนวน | จำนวนเงิน (บาท) |
---|---|---|
การส่งต่อมื้ออาหารให้ 144 ชุมชน จำนวนเดือนละ 900-1,000 มื้อต่อเดือน (ต้นทุน 5 บาทต่อมื้อ) | 1,000,000มื้อ | 5,000,000.00 |
รวมเป็นเงินทั้งหมด | 5,000,000.00 | |
ค่าสนับสนุนเทใจ (5%) | 250,000.00 |
มูลนิธิ สโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งแก้ไขปัญหาขยะอาหารและส่งเสริมความเท่าเทียมในการเข้าถึงอาหารในประเทศไทย เราดำเนินการรับอาหารส่วนเกิน (Surplus Food) ที่ไม่สามารถจำหน่ายได้ เช่น อาหารที่รูปลักษณ์ไม่สมบูรณ์หรือใกล้ถึงวันหมดอายุ จากซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม ร้านอาหาร และโรงงานผลิตอาหาร ผ่านระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปส่งต่อให้กับชุมชนที่มีรายได้น้อย ซึ่งขาดแคลนอาหารที่เพียงพอและมีคุณค่าทางโภชนาการ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2559 จนถึงปัจจุบัน เราสามารถส่งต่ออาหารไปแล้วกว่า 50 ล้านมื้อ มีพันธมิตรมากกว่า 1,700 องค์กร สนับสนุนชุมชนมากกว่า 6,000 แห่ง และมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 300,000 ตัน ผ่านการลดขยะอาหารอย่างเป็นระบบ
ดูโปรไฟล์ร่วมกันระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการนี้
สร้างเพจระดมทุนให้โครงการนี้