cover_1

ดนตรีพลังบวก วงเด็กของเด็กและคนชราให้ปล่อยแก่

เด็กและเยาวชน
ผู้สูงอายุ

เงินบริจาคของคุณจะนำไปสอนดนตรีและจัดกิจกรรมดนตรีให้กับเด็กและคนชรา760คน

project succeeded
โครงการสำเร็จแล้ว

ระยะเวลาระดมทุน

26 ก.ค. 2566 - 31 ธ.ค. 2566

พื้นที่ดำเนินโครงการ

ทั่วประเทศ

เป้าหมาย SDGs

GOOD HEALTH AND WELL-BEINGQUALITY EDUCATIONREDUCED INEQUALITIESPARTNERSHIPS FOR THE GOALS

กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ

เด็กและเยาวชน
360คน
ผู้สูงอายุ
400คน

มูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข มุ่งสร้างพลังบวกให้กับ กลุ่มเด็ก และคนชรา เพราะดนตรีจะเป็นสื่อสาร การเชื่อมโยงสังคมที่มีความหลากหลายในทุกมิติเข้าหากัน ร่วมการให้คนเหล่านี้เข้าถึงพลังบวกดี ๆ กันเถอะ

ปัญหาสังคม

ปัญหาสังคมและวิธีการแก้ไขปัญหา

ดนตรีช่วยผู้สูงอายุอย่างไร 

  1. ดนตรีทำให้ผู้สูงอายุมีเพื่อน มีสังคม ลดความเหงา เห็นคุณค่าของตนเอง
  2. ดนตรีลดภาระการดูแลของครอบครัว เพลงจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีเพื่อน บทเพลงจะช่วยให้รักษาความจำ รักษาโรคเหงา รักษาโรคหลง หรือโรคซึมเศร้า
  3. ผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการสามารถเป็นกลุ่มตัวอย่างให้กับผู้สูงอายุกลุ่มอื่น ในเรื่องของคุณค่าของผู้สูงอายุ แก่แล้ว ไม่แก่เลย สามารถทำประโยชน์ให้กับลูกหลาน และสังคมได้

ดนตรีช่วยพัฒนาสมองเด็ก อย่างไร

  1. ดนตรีเป็นเรื่องของเสียง เสียงเป็นพลังงาน เมื่อเสียงดนตรีเข้าไปในร่างกายเด็กผ่านการเล่นดนตรีหรือการร้องเพลง ทำให้เด็กเกิดความเคลื่อนไหว เมื่อพลังงานเสียงเคลื่อนไหวความเคลื่อนไหวทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในร่างกาย การเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดการพัฒนา ทั้งร่างกาย จิตใจ สมอง อารมณ์ และสังคม การพัฒนาด้านต่าง ๆ ของเด็กทำให้เกิดการเรียนรู้และเกิดความเจริญขึ้น หากมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ ก็จะทำให้เกิดความเจริญอย่างต่อเนื่องขึ้นในตัวเด็ก เสียงดนตรีจะช่วยให้เด็กได้พัฒนาทางด้านร่างกาย จิตใจ สมอง อารมณ์ และสังคมของเด็กได้  
  2. ดนตรีช่วยให้เด็กสนุกสนานร่าเริงอย่างเด็ก ดนตรีจะช่วยให้เด็กด้อยโอกาสเข้าถึงความสนุกสนาน ร่าเริงอย่างที่เด็กควรจะเป็น เมื่อเด็กได้เล่นดนตรีเสียงดนตรี ทำนองเพลง จังหวะของดนตรี จะทำให้เด็กมีความสนุกสนาน มีความเพลิดเพลิน และมีโอกาสสร้างความร่าเริงให้กับเด็ก เด็กมีโอกาสที่จะพัฒนาพฤติกรรมได้อย่างเด็ก ความสนุกสนาน ความร่าเริง เป็นขนมของชีวิตเด็ก เด็กต้องมีโอกาสได้ความสนุกสนานและร่าเริง
  3. ดนตรีพัฒนาศักยภาพความเป็นเลิศ การเรียนดนตรีและเล่นดนตรี เป็นการเปิดโอกาสและสร้างโอกาสให้เด็กได้ค้นหาความสามารถของตัวเอง ดนตรีจะช่วยให้เด็กด้อยโอกาสได้พัฒนาศักยภาพความเป็นเลิศด้านดนตรี เมื่อเด็กได้เรียนรู้ดนตรี ได้ฝึกซ้อมดนตรี ได้เล่นเครื่องดนตรี ซึ่งดนตรีสามารถที่จะเรียนรู้ สามารถฝึกซ้อมเพื่อใช้ดนตรีเป็นอาชีพได้ ศักยภาพความเป็นเลิศทางดนตรีสามารถจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กด้อยโอกาสให้มีโอกาสได้หรืออย่างน้อย 

มูลนิธิอาจารย์ เจริญสุข จึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดช่องว่างทางสังคม โดยการนำกิจกรรมดนตรีให้เข้าถึง กลุ่มเด็ก กลุ่มผู้สูงอายุ ที่ขาดโอกาสเพื่อที่จะได้ทำกิจกรรมทางดนตรีซึ่งจะสามารถสร้างการพัฒนาศักยภาพ สุขภาพ และสุนทรียภาพ

ผลลัพท์ของโครงการ

ระยะสั้น (ระยะเเรก)

- ความรู้/การเรียนรู้
- ความตระหนัก
- ทักษะ
- แรงบันดาลใจ/แรงจูงใจ
- ความตั้งใจจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

  1. สร้างการเรียนรู้ดนตรีขั้นพื้นฐาน (ดนตรีสากล, ดนตรีไทย) เพื่อเพิ่มทักษะการเรียนรู้ที่จำเป็นต่อการพัฒนาดนตรีอย่างถูกต้อง
  2. สร้างแรงบันดาลใจรวมถึงสร้างทัศนคติที่ดีต่อดนตรี (ดนตรีสากล, ดนตรีไทย) เพิ่มเเรงจูงใจในการเรียนรู้ 
  3. สร้างวินัย ความอดทน และการเข้าร่วมสังคมในปัจจุบัน โดยอาศัยดนตรีเป็นสื่อ ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ 

ระยะกลาง (ระยะสอง)

- พฤติกรรมเปลี่ยน มีความเป็นระเบียบวินัย รักใคร่กลมเกลียว
- เปลี่ยนแปลงระบบปฏิบัติหรือกลไก มีแนวทางปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน
- เปลี่ยนแปลงนโยบาย นโยบายมีความชัดเจน

  1. สร้างพฤติกรรมที่ดี เพิ่มความมีระเบียบวินัย ทั้งรูปแบบการซ้อมส่วนตัว และรวมวง 
  2. สร้างระบบที่ดี ในการจัดกิจกรรมดนตรี (ดนตรีสากล, ดนตรีไทย)  
  3. สร้างพื้นที่ทางดนตรี (ดนตรีสากล, ดนตรีไทย) ให้กับกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการ รวมถึงสร้างการยอมรับในกลุ่มที่เข้าร่วม ในชุมชนที่เข้าร่วม ในภาครัฐและเอกชนที่เข้าร่วม

ระยะยาว (ระยะสาม)

- ด้านสุขภาพ: มีสุขภาพกายและใจดี
- ด้านสังคม: มีสังคมที่น่าอยู่
- ด้านเศรษฐกิจ: มีเศรษฐกิจในครัวเรือนดีขึ้น 
- ด้านสิ่งแวดล้อม: มีสิ่งแวดล้อมในชุมชนดี

  1. สร้างสุขภาวะที่ดีในอนาคต ให้เกิดความสุข ทั้งกาย ใจ สติปัญญา 
  2. สร้างสภาพแวดล้อมดนตรี (ดนตรีสากล, ดนตรีไทย) ที่ดี เพื่อให้เกิดสังคมที่น่าอยู่

ผู้รับผิดชอบโครงการ

ทีมเจ้าหน้าที่โครงการ

  1. นางสุพินดา มโนมัยพิบูลย์ ผู้จัดการมูลนิธิ
  2. นายสินิทธิ์ ทองเจริญลาภ นักวิชาการ/เจ้าหน้าที่มูลนิธิ
  3. นายจักรกฤษ เจริญสุข นักดนตรี/ครูสอนเครื่องสายตะวันตก
  4. นายอัครพล รัตนวงศากุล วิทยากร/นักกิจกรรม/เจ้าหน้าที่มูลนิธิ
  5. นางสาวทยารัตน์ โสภณพงษ์ นักดนตรี/ครูสอนเครื่องเคาะ
  6. นายปฏิภาณ ทะสุใจ นักดนตรี/ครูสอนกีต้าร์
  7. นายกิติภพ ใจตาบ นักดนตรี/ครูสอนขับร้อง
  8. นายธีรุฒน์ ยังเขียวสด นักดนตรี/ครูสอนขับร้อง
  9. นายชยพล สุขดี วิทยากร/ครูสอนขับร้อง
  10. นางสาวถิรพร ทรงดอน วิทยากร/ครูสอนขับร้อง
  11. นางสาวณัฐชยา ราชวงศ์ วิทยากร/ครูสอนขับร้อง
  12. นายภควัต เจียรสุวรรณ นักดนตรี/ครูสอนเครื่องเคาะ
  13. นางสาวชัญญา เจริญสุข นักดนตรี/ครูสอนเครื่องสายตะวันตก
  14. นางสาวอัญชลี เฆมวิบูลย์ นักดนตรี/ครูสอนขับร้อง
  15. นายอนุศิษย์ เกตุหอม นักดนตรี/ครูสอนขับร้อง
  16. ผศ.วีระศักดิ์ อักษรถึง นักดนตรี/ครูสอนขับร้อง
  17. นายศุภฤกษ์ หงอสกุล นักดนตรี/ครูสอนขับร้อง
  18. นายพีระพล ปลิวมา วิทยากร/ครูสอนดนตรีไทย
  19. นางสาวอัญญาภ์ แสงเทียน วิทยากร/ครูสอนดนตรีไทย
  20. นายณัฐรัชต์ จิระพลพนิต นักประมวลผล
  21. นางสาวชลาสินธุ์ มโนมัยพิบูลย์ เลขานุการงานกิจกรรมมูลนิธิ

วิธีการแก้ปัญหา

  1. ระดมทุนสอนดนตรีและจัดกิจกรรมดนตรีให้เข้าถึงกลุ่มเด็กและกลุ่มผู้สูงอายุที่ขาดโอกาสในการทำกิจกรรมทางดนตรี ก่อเกิดวงดนตรีต้นแบบนำร่องของเด็กและวงขับร้องของผู้สูงอายุ สร้างสภาพแวดล้อมดนตรีที่ดี เพื่อให้เกิดสังคมที่น่าอยู่

แผนการดำเนินงาน

  1. พัฒนาต่อยอดชุมชน/โรงเรียนต้นแบบ

  2. ดำเนินแผนบูรณาการสร้างความเข้าใจ โดยจัดประชุมในพื้นที่โครงการใหม่ ที่มีศักยภาพเป็นพื้นที่ตัวแทน โดยเริ่มทำก่อนมีการดำเนินการสอน ในที่นี้เป็นการประชุมร่วมระหว่าง ผู้เรียน (เด็ก/ผู้สูงอายุ/เด็กที่อยู่ในสถานพินิจ) ผู้ดูแลพื้นที่ (ครู/เจ้าหน้าที่/ผู้นำชุมชน) ครูผู้สอน (วิทยากรโดยมูลนิธิ)

  3. ดำเนินการสอน โดยวิทยากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านดนตรีโดยเฉพาะ

  4. การติดตามผลการพัฒนาต่อยอดชุมชน/โรงเรียนต้นแบบ

  5. รับสมัครและงานเปิดตัวพื้นที่โครงการใหม่ เพื่อขยายผลความสำเร็จ

  6. ดำเนินการสอน / ทำแผนบูรณาการจัดทำเครื่องมือสอนให้สอดคล้องกับพื้นที่ ตามอัตลักษณ์และบริบทของแต่ละพื้นที่ ครอบคลุม จัดทำโน้ตเพลง จัดหาพื้นที่และอุปกรณ์การสอนและ เรียบเรียงเนื้อหาการสอน

  7. ติดตามผล และการพัฒนาต่อยอดชุมชน/โรงเรียนต้นแบบ

  8. จัดการแสดง/ถอดบทเรียน

แผนการใช้เงิน

รายการจำนวนจำนวนเงิน (บาท)
โครงการเด็กภูมิดี พื้นที่เก่า พื้นที่ละ 100,000 บาท

ประกอบด้วย: โรงเรียนวัดสุวรรณาราม จังหวัดนครปฐม, โรงเรียนวัดลาดทราย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, โรงเรียนวัดกุฏิประสิทธิ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, โรงเรียนวัดพระยอม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, โรงเรียนบ้านเทอดไทย จังหวัดเชียงราย, โรงเรียนบ้านห้วยอื่น จังหวัดเชียงราย และรงเรียนอนุบาลยะลา จังหวัดยะลา

7พื้นที่700,000.00
โครงการวงปล่อยแก่ พื้นที่เก่า พื้นที่ละ 100,000 บาท

ประกอบด้วย: กลุ่มผู้สูงอายุ บ้านคา จังหวัดราชบุรี, กลุ่มผู้สูงอายุ บ้านเกาะลอย จังหวัดราชบุรี, กลุ่มผู้สูงอายุ ตำบลบ้านป่าตันจังหวัดเชียงใหม่, กลุ่มผู้สูงอายุเทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา, กลุ่มผู้สูงอายุเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์, กลุ่มผู้สูงอายุเทศบาลนคร นครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์

6พื้นที่600,000.00
โครงการวงเด็กภูมิดี พื้นที่ใหม่ พื้นที่ละ 400,000 บาท

ประกอบด้วย: โรงเรียนอนุบาลบ้านคา และโรงเรียนบ้านโป่งเจ็ด จังหวัดราชบุรี

2พื้นที่800,000.00
เปิดพื้นที่การแสดงดนตรี โครงการวงปล่อยแก่ พื้นที่ใหม่ พื้นที่ละ 400,000 บาท

ประกอบด้วย: จังหวัดเชียงราย, จังหวัดสุราษฎร์ธานี, จังหวัดนครราชสีมา, จังหวัดภูเก็ต พื้นที่มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ตลายของดนตรีแต่ละพื้นที่ ของโครงการดนตรีพลังบวก วงเด็กภูมิดี และวงปล่อยแก่ ในรูปแบกิจกรรมการแสดงดนตรี โดยดึงจุดเด่นของดนตรีในแต่ละพื้นที่มาผสมผสานผ่านการร้องเพลง การบรรเลงดนตรีจาก โครงการดนตรีพลังบวกในแต่ละพื้นที่ โดยมีนัยยะเพื่อกระตุ้นให้เกิด “เทศกาลดนตรีพลังบวก”

4พื้นที่1,600,000.00
เทศกาลดนตรีพลังบวก

1ครั้ง480,000.00
ค่าเจ้าหน้าที่ประสานงาน

15,000 บาทต่อเดือน

1ปี180,000.00
รวมเป็นเงินทั้งหมด4,360,000.00
ค่าสนับสนุนเทใจ (10%)436,000.00
ยอดระดมทุน
4,796,000.00

ผู้รับผิดชอบโครงการ

เป้าหมายสำคัญสูงสุดของโครงการคือ การช่วยแก้ปัญหาด้านสังคมที่เน้นไปที่ การสร้างมิติใหม่ของสังคมผู้สูงอายุ ด้วยการลดภาระเรื่องของผู้สูงอายุ ลดภาระคนเลี้ยงดู ทำการพัฒนาคุณภาพการอยู่ร่วมกันทั้งในระหว่างสังคมผู้สูงอายุและสังคมต่างวัย ทำให้มีชีวิตชีวา มีความสุขร่วมกัน สามารถสร้างเป็น “ต้นแบบ” หรือตัวอย่างชุมชนของผู้สูงอายุต้นแบบให้กับชุมชนอื่นๆ ทั่วประเทศไทยต่อไป เนื่องจากช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัวของประเทศเพื่อเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มตัว สังคมไทยกำลังเผชิญปัญหามีประชากรผู้สูงอายุมากขึ้น ต้องเผชิญหน้าเรื่องสุขภาพของผู้สูงอายุทั้งด้านจำนวนที่มีมากและการจัดการเรื่องความเป็นอยู่ การดูแลรักษา การเลี้ยงดู เผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากความเจ็บป่วยของผู้สูงอายุ ซึ่งกลายเป็นภาระของครอบครัว ภาระของสังคม และกลายเป็นวาระของชาติ เพราะผู้สูงอายุจะละทิ้งก็ไม่ได้ สร้างรายได้ก็ทำได้ยาก แต่จะดูแลอย่างมีคุณภาพชีวิต มีคุณค่าต่อสังคมและจะควบคุมค่าใช้จ่ายให้สมดุลได้อย่างไร คนแก่กลายเป็นภาระของครอบครัว คนแก่ถูกทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยว ความรู้ของคนแก่กลายเป็นสิ่งที่คนสมัยใหม่ไม่ต้องการ คนแก่กลับกลายเป็นคนที่อยู่อย่างไร้ค่าและว้าเหว่ เป็นคนที่เหงาไม่มีลูกหลานอยู่ใกล้ ไม่มีรายได้ไม่มีทรัพย์สินอีกต่อไป ผู้สูงอายุเป็นภาระในการเลี้ยงดู ไม่มีใครดูแล ไม่มีใครเอาใจใส่ ปล่อยให้คนแก่อยู่ตามยถากรรม รอวันที่จะจากโลกนี้ไปเท่านั้น ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องมีการเตรียมความพร้อมให้กับสังคมไทย โดยเฉพาะสังคมผู้สูงวัยที่กำลังจะเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ มูลนิธิฯ เชื่อเสมอว่า “ผู้สูงวัยเป็นทรัพยากรอันมีค่าของประเทศ” และ “การร้องเพลงและการเล่นดนตรีของผู้สูงอายุ เป็นอีกมิติหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาของสังคมผู้สูงอายุได้” มูลนิธิฯ จึงขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยดูแลสังคมผู้สูงวัย และเตรียมความพร้อมให้กับสังคมไทยเผื่อเผชิญหน้ากับสังคมผู้สูงวัยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ดนตรีที่เป็นความเชี่ยวชาญของมูลนิธิมาใช้เป็นเครื่องมือดังที่กล่าวมา และถึงแม้จะเป็นเพียงกลุ่มต้นแบบเล็กๆที่มูลนิธิฯจะทำได้ แต่มูลนิธิฯเชื่อมั่นว่า “การสร้างต้นแบบที่ดี”

ดูโปรไฟล์

สร้างเพจระดมทุน

ร่วมกันระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการนี้

สร้างเพจระดมทุนให้โครงการนี้
icon