เงินบริจาคของคุณจะสนับสนุนอุปกรณ์และกิจกรรมบันทึกข้อมูลช้างป่าให้กับเยาวชนพิทักษ์ช้างป่ากลุ่มฟันน้ำนม7คน
เป็นกิจกรรมที่ดำเนินการในทุก ๆ วัน (routine) โดยเยาวชนในโครงการศูนย์ศึกษาเรียนรู้ช้างป่ากลุ่มฟันน้ำนมจะออกลาดตะเวนไปตามสถานที่ต่าง ๆ ที่มีรายงานการพบช้างจากเครือข่ายชาวบ้านเพื่อบันทึกภาพรูปพรรณและสังเกตพฤติกรรม รวมถึงประเมินการเคลื่อนที่ของช้างป่าว่าจะไปทิศทางไหน รูปแบบไหน นอกจากนั้นเมื่อทราบทิศทางที่ช้างจะเดินทางไปก็ได้ทำการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่บนเส้นทางนั้น ๆ ได้ทราบผ่านเพลตฟอร์มการสื่อสารอย่างง่าย เช่น Facebook หรือ Line เป็นต้น ในบางครั้งเมื่อประเมินว่าช้างมีแนวโน้มจะเข้าหมู่บ้านก็จะดำเนินการสกัดกั้นเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านทันที ดังที่ปรากฏเป็นข่าว
สิ่งที่ได้จากกิจกรรมนี้
ค่ายเยาวชนถอดบทเรียน สถานการณ์ช้างป่าเขาอ่างฤาไน ในพื้นที่ชุมชน ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 26-27 มีนาคม 2565 ณ ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ช้างป่ากลุ่มฟันน้ำนม
เป็นค่ายที่ถอดบทเรียนสถานการณ์ช้างป่าในมิติต่าง ๆ ที่ผ่านมาร่วมกัน เพื่อสร้างการรับรู้ความเสี่ยง อันจะนำไปสู่การบริหารความเสี่ยงที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและทั้งที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า อนึ่ง การบริหารความเสี่ยงเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่ต้องการยอมแพ้ เราต่อสู้กับธรรมชาติ แต่เราก็มีหลักการ และเมื่อถึงจุดที่เราเอาชนะธรรมชาติไม่ได้ เราก็ต้องหยุดเพื่อทบทวน และหาแนวทางที่จะไม่ให้เกิดภัย หรือความเสี่ยง ซึ่งมีกิจกรรมหลักดังนี้
การประชุมเชิงปฏิบัติการ (workshop) หัวข้อ แนวทางเพื่อการใช้พื้นที่ร่วมกันระหว่างคนกับช้างป่า: คนปลอดภัย ช้างปลอดภัย วันที่ วันที่ 9-10 เมษายน 2565 ณ หอประชุมโรงเรียนบ้านหนองปรือกันยาง
โครงการวิจัยและพัฒนาระบบเพื่อการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้างป่าบนฐานบูรณาการเชิงระบบนิเวศสังคม ภายใต้การดำเนินงานของเครือข่ายเสียงคนเสียงช้าง และ โครงการวิจัยนโยบายสาธารณะเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน กรณีศึกษา: พฤติกรรมก่อกวนของช้างป่าที่สร้างความปั่นป่วนต่อประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทย ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ช้างป่ากลุ่มฟันน้ำนม ด้วยการสนับสนุนของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัตการ (workshop) หัวข้อ แนวทางเพื่อการใช้พื้นที่ร่วมกันระหว่างคนกับช้างป่า: คนปลอดภัย ช้างปลอดภัย ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนาศักยภาพและพัฒนาเครือข่ายชุมชนในการจัดการช้างป่าภาคตะวันออก (ตอนเหนือ) ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 2) เพื่อประเมินสถานการณ์และการจัดการช้างป่าในพื้นที่ชุมชนผ่านเครือข่ายอาสาเฝ้าระวังช้างป่าของภาคตะวันออก (ตอนเหนือ) 3) เพื่อจัดทำแนวทางการจัดช้างป่าในพื้นที่ชุมชน โดยมุ่งเป้าสู่การจัดทำแผนแม่บทการจัดการช้างป่าในพื้นที่ชุมชน ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมและภาครัฐในพื้นที่ โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวนกว่า 50 คน ประกอบไปด้วย ชาวบ้านและอาสาสมัครเฝ้าระวังช้างป่า 7 พื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ระยอง และจันทบุรี นักวิชาการและนักวิจัยเครือข่ายเสียงคนเสียงช้าง นักวิชาการอิสระ เครือข่ายภาคประชาสังคม ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตัวแทนและผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
โดยผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนสถานการณ์ปัญหาช้างป่าในแต่ละพื้นที่ เนื่องจากเป็นปัญหาร่วมเดียวกัน และทำให้จิ๊กซอของแต่ละพื้นที่ประกอบเข้าด้วยกันจนสามารถทำให้เห็นภาพรวมของปัญหาที่สะท้อนออกมาจากคนในพื้นที่ และได้นำไปสู่ข้อเสนอในการจัดการปัญหาช้างป่าในหลายประเด็นดังนี้
อย่างไรก็ตามโครงการวิจัยและพัฒนาระบบเพื่อการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้างป่าบนฐานบูรณาการเชิงระบบนิเวศสังคม และ โครงการวิจัยนโยบายสาธารณะเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน กรณีศึกษา: พฤติกรรมก่อกวนของช้างป่าที่สร้างความปั่นป่วนต่อประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทย จะยกระดับข้อเสนอจากคนในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อให้เกิดเป็นข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในการจัดการปัญหาช้างป่าในพื้นที่ภาคตะวันออกต่อไป
เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำแผนบูรณาการช้างป่าภาคประชาชนพื้นที่ภาคตะวันออก วันที่ 9-10 กรกฏาคม 2565 ณ ห้องประชุมแก้วเจ้าจอม องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี จัดโดย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
เมื่อวันที่ 9-10 กรกฏาคม 2565 ที่ผ่านมาได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำแผนบูรณาการช้างป่าภาคประชาชนพื้นที่ภาคตะวันออก ณ ห้องประชุมแก้วเจ้าจอม องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี จัดโดย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยมีเครือข่ายภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ และหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมจาก 7 จังหวัดรอบผืนป่ารอยต่อภาคตะวันออก ได้แก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด รวมถึงเยาวชนอาสาสมัครพิทักษ์ช้างป่า ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ช้างป่ากลุ่มฟันน้ำนม เพื่อหารือจัดทำแผนบูรณาการในการจัดการปัญหาช้างป่าภาคตะวันออกอย่างมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
ทั้งนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาตลอดจนแนวทางในการจัดการปัญหาช้างป่าของแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีข้อเสนอของกลุ่มเยาวชนอาสาสมัครฯ กลุ่มฟันน้ำนม และภาคีเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราต่อการจัดการปัญหาช้างป่าอย่างมีส่วนร่วมต่อหน่วยงานภาครัฐใน 7 ประเด็น ได้แก่ 1) สร้างความร่วมมือผ่านกลไกองค์กรชุมชนและภาคีเครือข่าย 2) สนับสนุนเยาวชนคนรุ่นใหม่ในการศึกษาช้างป่าในพื้นที่ชุมชน 3) สนับสนุนสวัสดิการอาสาสมัครเฝ้าระวังช้างป่า 4) แก้ไขหลักเกณฑ์การเยียวยาแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่าอย่างเป็นธรรม 5) เร่งผลักดันการช่วยเหลือชาวบ้านตาม ม.60 พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 6) ทบทวนการจัดการแหล่งรองรับ-ถิ่นอาศัยช้างป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และ 7) เร่งดำเนินการควบคุมประชากรช้างป่า
อย่างไรก็ตาม แผนการบูรณาการเพื่อการจัดการปัญหาช้างป่าอย่างมีส่วนร่วมของภาคประชาชน จะถูกรวบรวมเรียบเรียงเป็นรายงานและข้อเสนอต่อรัฐบาลต่อไป โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ
นาย กฤตพรต สมานใจ ชื่อเล่น แบม อายุ 15 ปี
ผมเริ่มดูช้างป่าตั้งแต่ตอนอายุประมาณ 8-9 ขวบครับ ตอนนั้นช้างเข้ามาในหมู่บ้านเป็นฝูงหลายสิบตัว แม่ก็พาขี่ซาเล้งไปดูช้างข้ามถนน เริ่มสนุกกับการดูช้างตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา และก็ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูป ถ่ายคลิป เอามาโพสในเฟสบุ๊ก แต่พอน้าตาล (ตาล วรรณกูล) เข้ามาตั้งศูนย์ศึกษาเรียนรู้ช้างป่ากลุ่มฟันน้ำนม ก็ได้มีโอกาสมาเรียนรู้นิเวศวิทยาช้างป่า และได้ทำหน้าที่เป็นคนบันทึกข้อมูลช้างป่าในภาคสนาม ตอนแรก ๆ ศูนย์มีกล้องแคนอนตัว ๆ กับเลนส์ 80-210 มม. แค่ 1 ตัว ผมกับอาวุธก็แบ่งกันใช้ (ศราวุธ สมานใจ) ยอมรับว่าไม่สะดวกจริง ๆ ครับ พอผมเจอช้างและติดตามช้างกล้องก็ไม่ได้อยู่กับผม ใช้มือถือถ่ายคุณภาพก็ไม่ดีอย่างที่ศูนย์ฯ ต้องการ พลาดโอกาสบ่อย ๆ จึงขอให้ศูนย์ฯ ช่วยซื้อกล้องเพิ่ม น้าตาลก็เลยไปซื้อกล้องแคนอนตัวใหญ่มาเพิ่มอีกชุดพร้อมกับเลนส์ 70-300 แต่ด้วยมันเป็นกล้องที่ใช้ถ่ายภาพพอเอามาถ่ายวีดีโอพฤติกรรมช้างปรากฏว่าปรับไม่ค่อยจะทัน ตอนนี้ได้กล้องวีดีโอคุณภาพสูงจากโครงการเทใจ ผมเริ่มทำงานสนุกขึ้นแล้วครับ เพราะถ้าจะถ่ายภาพนิ่งรูปพรรณช้างก็เอากล้องภาพนิ่งถ่าย และสามารถทำงานไปพร้อม ๆ กับการถ่ายวีดีโอพฤติกรรมได้เลยครับ รู้สึกดีครับที่ได้อุปกรณ์มาเพิ่มแบบนี้ ถึงแม้ว่าเราจะระดมทุนได้ไม่ตรงตามเป้าก็ตาม
น.ส. ผกาสินี ธรรมลี ชื่อเล่น มิ้น อายุ 17 ปี
มิ้นไม่ได้ออกไปดูช้างหรอกค่ะ เพราะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลอยู่ที่ศูนย์ฯ เพราะมิ้นได้รับหน้าที่เป็นแอดมินในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลที่ แบม กับ พี่วุธ ออกไปเก็บ แล้วเอามาวิเคราะห์กับน้าตาล ถามว่าประทับใจไหมกับการที่ทีมสนามได้อุปกรณ์มาใหม่ อันนี้บอกตรง ๆ เลยนะค่ะว่ามาก ประทับใจมาก เพราะข้อมูลวีดีโอที่ได้มามันมีคุณภาพที่ทำให้มิ้นได้เห็นรายละเอียดของช้างและพฤติกรรมของช้างแบบยาว ๆ เห็นทุกอย่างที่ช้างทำในช่วงเวลาที่กล้องบันทึกไว้ได้ มิ้นยังคิดว่าน่าจะเอาคลิปพวกนี้มาตัดต่อเป็นหนังสารคดีได้ด้วย
นาย ศราวุธ สมานใจ ชื่อเล่น วุธ อายุ 21 ปี
หลัก ๆ ผมเป็นคนใช้กล้องตัวนี้ครับ เท่าที่ใช้มาเดือนกว่า ๆ ก็ถือว่าประทับใจครับ บางทีเราติดตามช้างป่า เราต้องเดินตามพวกมัน และได้กล้องวีดีโอที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา คุณภาพดีเอามาใช้เก็บข้อมูลช้างป่ามันค่อนข้างคล่องตัวครับ เวลาเราลืมเอาขาตั้งกล้องไปพอซูมไกล ๆ ก็ไม่สั่น และจะทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้นด้วยครับ ไม่เหมือนเมื่อก่อนมีกล้องตัวเดียวก็ต้องแบ่งกันใช้กับแบม ตอนนี้สบายแล้วครับ ต้องขอขอบคุณผู้บริจาคทุกคนที่มอบสิ่งดี ๆ ให้กับพวกเรา และเราก็จะทำหน้าที่ศึกษารวบรวมข้อมูลเพื่อเอาไปใช้ในการจัดการปัญหาช้างป่าในพื้นที่ชุมชนต่อไปครับ
เนื่องการปรับแผนการใช้เงินในครั้งที่ 1 เป็นการจัดซื้อกล้องมือสอง รุ่น Canon EOS 80D จำนวน 2 เครื่อง แต่เนื่องจากสินค้าที่ทำการจัดซื้อจะเป็นสินค้ามือสอง จึงขาดตลาดอย่างรวดเร็วและไม่สามารถจัดซื้อได้ทัน ทีมงานผู้รับผิดชอบโครงการมีมติร่วมกับกลุ่มฟันน้ำนมว่าจะซื้อกล้องใหม่แกะกล่องในราคาที่สูงกว่างบประมาณที่ได้รับ และทางกลุ่มฟันน้ำนมจะเป็นผู้รับผิดชอบเป็นชำระเงินส่วนต่าง