เงินบริจาคของคุณจะสนับสนุนอุปกรณ์และกิจกรรมบันทึกข้อมูลช้างป่าให้กับเยาวชนพิทักษ์ช้างป่ากลุ่มฟันน้ำนม7คน
สืบเนื่องจากมีช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ด้านทิศเหนือของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา เข้ามาหากินในพื้นที่เกษตรกรรมและชุมชนถึง 200-250 ตัว ส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรอันนำไปสู่การปะทะกันระหว่างคนกับช้าง จนทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายทั้งคนและช้างป่า
ในปี 2564 พบมีคนเสียชีวิต 13 ราย คนบาดเจ็บ 5 ราย ช้างล้มตาย 7 ตัว และบาดเจ็บ 5 ตัว ซึ่งสาเหตุเกิดจากการขาดความรู้และความเข้าใจด้านพฤติกรรมและเส้นทางหากินของช้างป่า ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้และสร้างความเข้าใจดังกล่าว จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญของกระบวนการศึกษารวบรวมข้อมูลช้างป่าของกลุ่มเยาวชนในพื้นที่อันจะต่อยอดสู่การสื่อสารรณรงค์สร้างการรับรู้และทำความเข้าใจแก่ผู้คนในชุมชนเพื่อนำไปสู่ความปลอดภัยทั้งกับคนและช้างป่าในระยะยาว
สถานการณ์สิ่งแวดล้อมในพื้นที่ป่ารอยต่อภาคตะวันออก 5 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ระยอง ชลบุรี และสระแก้ว จำนวน 1,363,323.05 ไร่ หรือ 2,181.32 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่เขตอนุรักษ์ในกำกับดูแลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 7 แห่ง ได้แก่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว อุทยานแห่งชาติเขาสิบหาชั้น อุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองแก้ว อุทยานแห่งชาติเขาคิฌชกุฏ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองเครือหวายเฉลิมพระเกียรติฯ และอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง อันเป็นแหล่งอาศัยของช้างป่ากว่า 424 ตัว (ศุภกิจและคณะ,2562)
สถานการณ์สิ่งแวดล้อม ณ ปัจจุบันพบว่ามีช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าเขตอนุรักษ์เข้ามาหากินตามพื้นที่เกษตรกรรมของประชาชน โดยช้างป่ามีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการหากินขยายพื้นที่เข้ามายังบ้านเรือนและชุมชนเมืองมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะช้างป่าในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนที่มีจำนวนประชากรช้างป่าเพิ่มขึ้นมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศไทย (ดร.ศุภกิจ วินิตพรสวรรณ และคณะ, 2556-2558) เนื่องจากโดยรอบเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนมีสภาพพื้นที่ที่เหมาะกับการเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของช้างป่าประกอบกับมีปัจจัยแวดล้อมสำคัญต่อการดำรงชีวิต คือ แหล่งน้ำ แหล่งอาหาร และแหล่งแร่ธาตุ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีความลาดชันต่ำจึงมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของช้างป่าซึ่งเป็นสัตว์กินพืชและจัดอยู่ในสัตว์จำพวกกินหญ้าและพวกกินใบ (บุษบง กาญจนสาขา และคณะ, 2558)
ทั้งนี้ยังเป็นผลมาจากพื้นที่โดยรอบยังได้มีการดำเนินกิจการปลูกป่าเศรษฐกิจ เช่น ยูคาลิปตัส กฤษณา และสัก รวมทั้งสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน ตลอดจนไม้ยืนต้นอื่น ๆ จนกลายเป็นหย่อมป่าที่รกเรื้ออันเป็นแหล่งหลบพักที่เหมาะสมของช้างป่าที่ออกมาหากินยังนอกเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ อีกทั้งยังปราศจากสัตว์ผู้ล่าตามธรรมชาติ เช่น เสือโคร่ง หมาใน นอกจากนั้นการป้องกันและปราบปรามการล่าสัตว์ของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ปัจจัยข้างต้นส่งผลให้ช้างป่ามีอัตราการเพิ่มจำนวนประชากรประมาณปีละ 8-9.83% (ไสว วังหงษา, 2547) ซึ่งคาดว่ามีช้างป่าอยู่ราว 424 ตัวจากที่เคยมี 15-50 ตัวในช่วงปี 2520
โดยปัจจุบันช้างป่าบางกลุ่มได้ออกหากินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์จนก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออกก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตทั้งคนและช้างป่า รวมไปถึงผลผลิตทางการเกษตรและทรัพย์สินมีค่าของประชาชนโดยรอบพื้นที่ป่าอนุรักษ์
โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอสนามชัยเขต และอำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา นับเป็นพื้นที่ที่มีการออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ของช้างป่ามากที่สุดและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มความถี่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2564 จากการติดตามศึกษาพฤติกรรมช้างป่าของอาสาสมัครพิทักษ์ช้างป่ากลุ่มฟันน้ำนม พบว่าเมื่อช้างป่าออกมาแล้วพวกมันมีรูปแบบในการแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 20-60 ตัว เพื่อใช้เส้นทางหากินที่กระจัดกระจายไปในหลายพื้นที่ ทั้งพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ชุมชนใน ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ ต.ลาดกระทิง ต.ท่ากระดาน ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขต ซึ่งจากการประเมินจำนวนช้างป่าที่ออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์เมื่อเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2564 พบประชากรช้างป่ามากถึง 200-250 ตัว ทั้งฝูงช้างเพศเมียและกลุ่มช้างเพศผู้ โดยมีจุดออกจากป่าอนุรักษ์ที่สำคัญ 3 จุด คือ
1) บริเวณแนวรั้วกันช้างป่าเขาแก้ว บ้านนายาว ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต
2) บริเวณคูกั้นช้างบ้านคลองเตย ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต
3) บริเวณคูกั้นช้างบ้านหนองปลาซิว ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ
ซึ่งแต่ละจุดมีเส้นทางการหากินอย่างเฉพาะเจาะจงไปยังแหล่งอาหาร ได้แก่ พื้นที่นาข้าว กว่า 110,319 ไร่ พื้นที่เกษตรกรรมเชิงเดี่ยว เช่น อ้อย มันสำปะหลัง สัปรด และปาล์มน้ำมัน กว่า 222,902 ไร่ รวมถึงพื้นที่แหล่งน้ำ กว่า 45,396 ไร่ และแหล่งหลบพักชั่วคราวที่อยู่นอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ในพื้นที่กิจการป่าเศรษฐกิจ เช่น ยูคาลิปตัส กฤษณา และสัก กว่า 585,426 ไร่ (สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, 2563) นับเป็นแหล่งปัจจัยการดำรงชีวิตที่กว้างใหญ่และมีปริมาณเพียงพอสำหรับประชากรช้างป่าที่ปรากฏตัวอยู่ในพื้นที่ทั้งหมด
ขณะที่สังคมทั่วไปและชุมชนบางส่วนมีความเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยของช้างป่า ซึ่งเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ทำให้พื้นที่ป่าลดลง การขยายตัวของพื้นที่เกษตรกรรม การสัมปทานป่าไม้ในอดีต รวมถึงการรบกวนช้างป่าในพื้นที่ป่า ตลอดจนการผลักดันช้างป่าจากพื้นที่หนึ่งไปยังพื้นที่หนึ่งใกล้เคียงกัน บ่งชี้ให้เห็นความเข้าใจของชุมชนบางส่วนที่เข้าใจว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของปรากกฏการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ชุมชนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่าช้างป่าเป็นส่วนสำคัญของสาเหตุการก่อให้เกิดปรากกฏการณ์ความขัดแย้ง
กล่าวคือ ช้างมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ช้างป่าชอบกินพืชผลทางการเกษตรมากกว่าอาหารตามธรรมชาติที่มีอยู่ในป่า ช้างป่าชอบเข้ามาอาศัยอยู่ใกล้ชุมชนมากขึ้นเพราะในพื้นที่ป่ามีอาหารไม่เพียงพอ ช้างเพิ่มจำนวนประชากรมากขึ้น และช้างที่ออกนอกพื้นที่ป่าเป็นช้างปล่อย เนื่องจากเป็นผลมาจากภาพจำเกี่ยวกับช้างที่ฉลาด คุ้นชินกับคน จึงทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งประเด็นช้างปล่อยนี้เองที่อาจนำไปสู่อุปสรรคในการดำเนินงานแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า (ดร.พิเชฐ นุ่นโต และ ดร.ชุติอร ซาวินี, 2561)
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาทั้งประชาชนและหน่วยงานภาครัฐต่างมีมาตรการป้องกันช้างป่า ซึ่งก็สามารถแก้ปัญหาได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เช่น การสร้างรั้วคอนกรีตและขุดคูกันช้างป่าล้อมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ช้างป่าก็สามารถเรียนรู้การทำลาย มุดหรือปีนข้ามแนวกั้นเหล่านั้นออกออกมาจนได้ การทำรั้วไฟฟ้าล้อมบ้านเรือน เรือกสวนไร่นาก็ไม่สามารถป้องกันพืชผลได้ในระยะยาว เนื่องจากช้างป่ารู้จักการล้มเสาไฟโดยการใช้เท้าหน้าถีบโคนเสาไฟให้ล้มแทนการเอาง่วงไปสัมผัสเส้นรวดที่มีกระแสไฟฟ้าหรือการล้มต้นไม้ใกล้ ๆ แนวรวดให้ทับแนวรวดไฟฟ้าจนพังแล้วเข้าไปกินพืชผล การใช้ไฟแสงสีไล่ช้างป่า การขว้างระเบิดปิงปอง หรือการเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่าของอาสาสมัครฯ และที่หนักสุดคือการใช้อาวุธยิงใส่ช้างป่าเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินซึ่งก็นำมาสู่การสูญเสียชีวิตช้างป่าตามมา ในกรณีที่ช้างป่ารอดชีวิตช้างป่าและมีอาการบาดเจ็บก็มักจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวหงุดหงิดและพร้อมทำร้ายทุกคนที่ผ่านเข้ามาในเส้นทางเดินจนก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตของผู้คนตามมา และมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือการให้ความรู้สร้างความเข้าใจต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมหรือสภาพถิ่นที่อยู่อาศัย การเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมหรืออุปนิสัยของช้างป่า ตลอดจนรูปแบบในการออกนอกพื้นที่ป่าเพื่อเข้ามาหากินในพื้นที่เกษตรกรรมและชุมชนนั้น ที่ผ่านมากลับมีการดำเนินการน้อยมากในพื้นที่ ซึ่งปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าอาจมีแนวโน้มยืดเยื้อเรื้อรังไปอีกหลายสิบปีข้างหน้า และมีความเสี่ยงต่อชีวิตทั้งกับผู้คนและทั้งกับช้างป่าในแง่ของการบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งมักจะหลีกเลี่ยงไม่ได้หากทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันโดยผู้คนยังขาดองค์ความรู้ดังกล่าว
ทั้งนี้เล็งเห็นว่าการสร้างกระบวนการเยาวชนในพื้นที่จะนำไปสู่การเรียนรู้และการสื่อสารรณรงค์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งกับผู้คนและทั้งกับช้างป่าในระยะที่ยั่งยืนมากขึ้น
ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้เกี่ยวกับช้างป่า ทั้งในแง่พฤติกรรมและอุปนิสัยของช้างป่า รูปแบบและปัจจัยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ตลอดจนเส้นทางหากินของช้างป่าแก่เยาวชนในพื้นที่ที่ปรากฏช้างป่าคือแนวทางที่สำคัญที่จะก่อให้เกิดองค์ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจ และนำไปสู่แนวทางในการการตั้งรับปรับตัวเพื่อการอยู่ร่วมกันกับช้างป่าอย่างสันติในอนาคต
ระดมทุนเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์และกิจกรรมบันทึกข้อมูลช้างป่าให้กับเยาวชนพิทักษ์ช้างป่ากลุ่มฟันน้ำนม
วัตถุประสงค์ 1. เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์และส่งเสริมศักยภาพในการเรียนรู้และเก็บรวบรวมข้อมูลด้านพฤติกรรม อุปสนิสัย และเส้นทางการหากินของช้างป่า 2. เพื่อส่งเสริมให้เกิดกระบวนการสื่อสาร รณรงค์ ประชาสัมพันธ์ และสร้างความเข้าใจแก่ชุมชนเกี่ยวกับช้างป่าออกนอกพื้นที่ อันจะนำไปสู่การป้องกันความเสี่ยงทั้งคนและช้างป่า 3. เพื่อสร้างแนวทางการปรับตัวในการอยู่ร่วมกับช้างป่าอย่างสันติ
ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. เยาวชนในพื้นที่มีศักยภาพในการเรียนรู้ สามารถเก็บรวบรวม วิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลจัดทำเป็นชุดองค์ความรู้ได้ 2. เยาวชนในพื้นที่พัฒนาตนเองเป็นนักสื่อสาร นักรณรงค์ นักประชาสัมพันธ์ เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ที่กลุ่มของตนจัดทำขึ้นมาได้ และก่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจแก่ผู้คนเกี่ยวกับช้างป่าในพื้นที่เพื่อหลีกเลี่ยงหรือป้องกันความเสี่ยงในการเผชิญหน้ากับช้างป่า ตลอดจนสามารถสร้างเครือข่ายเยาวชนเฝ้าระวังช้างป่าในชุมชนได้ 3. เมื่อเยาวชนมีศักยภาพตาม ข้อ 1 และ 2 จะสามารถสร้างแนวทางในการลดปัญหาความขัดแย้ง ตลอดถึงแนวทางการปรับตัวของผู้คนในชุมชนได้ เช่น การชักชวนให้เปลี่ยนเวลาในการกรีดยาง เมื่อพบว่าช่วงเวลาใดช้างป่าจะเดินผ่าน หรือ การเปลี่ยนพืชที่ช้างรบกวนน้อยที่สุดหรือไม่รบกวนเลย เป็นต้น
พื้นที่ดำเนินโครงการ ต.ท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ต.ลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ต.ท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ต.ทุ่งพระยา อำเภอสนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา
กลุ่มเป้าหมาย แกนนำเยาวชน 4 หมู่บ้าน จำนวน 7 คน ได้แก่ 1) บ้านหนองปรือกันยาง และ บ้านคลองมะหาด ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 4 คน 2) บ้านสวนป่าลาดกระทิง ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 2 คน 3) บ้านมาบสมบูรณ์ ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 1 คน
ติดตามบันทึกข้อมูลรูปพรรณ พฤติกรรม-อุปนิสัยและรูปแบบการเดินทางหากินช้างป่าเพศผู้ เป้าหมาย 19 ตัว วัตถุประสงค์กิจกรรม : เพื่อจำแนกและระบุรูปพรรณ จำแนกพฤติกรรม อุปนิสัย และระบุเส้นทางหากินประจำของช้างป่าเพศผู้ วิธีการดำเนินกิจกรรม - ติดตามสังเกต รูปพรรณ วัดขนาดรอยเท้า พฤติกรรม อุปนิสัย เส้นทางหากิน ช้างป่าเพศผู้เป้าหมายในแต่ละตัว - บันทึกรูปพรรณเพื่อการจำแนกด้วยกล้องถ่ายภาพ และจดบันทึก - จดบันทึกพฤติกรรมและอุปนิสัยเฉพาะของแต่ละตัว - จดบันทึกพิกัดการเดินทางหากินด้วยแอพพลิเคชั่น และชนิดพืชที่ช้างกิน - จดบันทึก ช่วงเวลา ระยะเวลา สภาพแวดล้อม สภาพอากาศ ตั้งแต่ช้างออกเดินทางหากิน จนกลับที่พัก - สมุดคู่มือการจดบันทึก (แบบฟอร์ม) รูปพรรณ พฤติกรรม อุปนิสัย เวลา ชนิดพืช สภาพอากาศ สภาพแวดล้อม สิ่งที่จะได้รับจากกิจกรรม : ข้อมูลการจำแนกรูปพรรณ อุปนิสัย พฤติกรรม และเส้นทางหากินของช้างเพศผู้เป้าหมาย 19 ตัว รวมทั้งช้างเพศผู้บริวาร **เครื่องมือและอุปกรณ์ในการดำเนินกิจกรรม : กล้องถ่ายภาพ DSLR+Telephotolens, Drone , สมาร์ทโฟน + Alpine Quest App. , สายวัด หรือ ตลับเมตร
ติดตามจำแนกบันทึกรูปแบบการเดินทางของโขลงช้างป่าเพศเมีย และความสัมพันธ์ของช้างเพศผู้ วัตถุประสงค์กิจกรรม : เพื่อจำแนกและระบุโขลงช้างป่าเพศเมีย ระบุความสัมพันธ์ของช้างป่าเพศผู้ในโขลง (ช้างเพศผู้นักสำรวจ-ควบคุมโขลง) ระบุเส้นทางการเดินทางหากินของโขลงช้างเพศเมียในแต่ละฤดูกาล วิธีการดำเนินกิจกรรม - ติดตามสังเกตและจำแนกโขลงช้างเพศเมีย - บันทึกรูปพรรณช้างแม่แปรกด้วยกล้องถ่ายภาพและจดบันทึกรูปพรรณ - จดบันทึกจำนวนสมาชิกในโขลง และช้างป่าเพศผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุม (เกี่ยวพันธ์กับกิจกรรมที่ 1) - จดบันทึกพิกัดการเดินทางหากินด้วยแอพพลิเคชั่น และชนิดพืชที่ช้างกิน - จดบันทึกรูปแบบการเดินทางหากิน และรูปแบบการเคลื่อนที่ของโขลง ช่วงเวลา ระยะเวลา สภาพแวดล้อม สภาพอากาศ - สมุดคู่มือการจดบันทึก (แบบฟอร์ม) รูปพรรณแม่แปรก จำนวนสมาชิก ช้างเพศผู้ เวลา ชนิดพืช สภาพอากาศ สภาพแวดล้อม สิ่งที่จะได้รับจากกิจกรรม : ข้อมูลการจำแนกโขลงช้างเพศเมีย และเส้นทางหากินของโขลงช้างเพศเมีย **เครื่องมือและอุปกรณ์ในการดำเนินกิจกรรม : กล้องถ่ายภาพ DSLR+Telephotolens, Drone , สมาร์ทโฟน + Alpine Quest App.
รวบรวมข้อมูลและบันทึกลงฐานข้อมูล (Data Base) วัตถุประสงค์กิจกรรม : เพื่อรวบรวมข้อมูลไว้บนฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ สำหรับการนำไปใช้สังเคราะห์ข้อมูลเพื่อผลิตเป็นสื่อเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ วิธีการดำเนินกิจกรรม : บันทึกข้อมูลดิบที่ได้ลงบนคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรม Excel และ โปรแกรม GIS ObjectLand สิ่งที่จะได้รับจากกิจกรรม : ฐานข้อมูลการจำแนกรูปพรรณ พฤติกรรม และแผนที่เส้นทางหากินของทั้งช้างเพศผู้และโขลงช้างเพศเมีย เพื่อผลิตสื่อหรือเครื่องมือในการสื่อสารรณรงค์ประชาสัมพันธ์ **เครื่องมืออุปกรณ์ดำเนินกิจกรรม : คอมพิวเตอร์ Laptop + Excel + GIS ObjectLand
การสื่อสาร รณรงค์ และประชาสัมพันธ์ วัตถุประสงค์กิจกรรม : เพื่อให้ความรู้สร้างความเข้าใจด้านพฤติกรรมช้างป่าแก่คนในชุมชน เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เกิดการรักษาความปลอดภัยแก่ผู้คนในชุมชนและหาแนวทางในการปรับตัว และเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังช้างป่าในชุมชน วิธีการดำเนินกิจกรรม - พูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนในชุมชน (On ground) - ผลิตสื่อ (Offline) เช่น กระดานข่าว แผนที่เส้นทางช้างป่าและการอัพเดท แผ่นพับ และหนังสือคู่มือเฝ้าระวังช้างป่า เป็นต้น - สื่อสาร (Online) เช่น การแจ้งเตือน การให้ความรู้ด้านพฤติกรรมช้างป่า การให้ข้อมูลเส้นทางช้างป่า เป็นต้น บนแพลตฟอร์ม เฟสบุ๊กแฟนเพจ ไลน์กลุ่ม ฯลฯ - รณรงค์ ชักชวนเยาวชนและคนในชุมชนเฝ้าเป็นหูเป็นตา แลกเปลี่ยนข้อมูล แจ้งเตือน เพื่อเฝ้าระวังช้างป่าในพื้นที่ชุมชนหรือพื้นที่เกษตรกรรม - จัดเวทีแลกเปลี่ยนเพื่อหาแนวทางในการปรับตัวของคนในชุมชน สิ่งที่จะได้รับจากกิจกรรม : ได้เครื่องมือสื่อสารประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเยาวชนและผู้คนในชุมชน คนในชุมชนและช้างป่าได้รับความปลอดภัย ตลอดจนได้ขยายเครือข่ายเฝ้าระวังช้างป่าในพื้นที่ชุมชน **เครื่องมืออุปกรณ์ดำเนินกิจกรรม : สมาร์ทโฟน , คอมพิเตอร์ Laptop , กระดานข่าวสารในชุมชน , แผ่นพับ , หนังสือคู่มือเฝ้าระวังช้างป่า , เวทีเสวนาและแลกเปลี่ยน
กิจกรรมและอื่น ๆ เช่น การเดินทางแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับกลุ่มนักวิชาการและเครือข่ายในภูมิภาคอื่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลวิชาการกับกลุ่มนักวิจัย การเข้าร่วมกิจกรรมด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมกับกลุ่มอื่น และการจัดการท่องเที่ยวอาสาสมัครเฝ้าระวังช้างป่าในพื้นที่ เป็นต้น วัตถุประสงค์กิจกรรม : เพื่อเปิดพื้นที่ให้กลุ่มเยาวชนได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมภายนอก และเสริมความรู้ศาสตร์ในด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อกิจกรรมและทางเลือกในการเติบโตของเยาวชนในอนาคต
รายการ | จำนวน | จำนวนเงิน (บาท) |
---|---|---|
การติดตามบันทึกข้อมูลช้างป่า ประกอบไปด้วย ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าน้ำมันรถ และค่าใช้จ่ายจิปาถะ เดือนละ 6,000 บาท | 12เดือน | 72,000.00 |
จัดเวทีแลกเปลี่ยน 4 ครั้ง ใน 4 หมู่บ้าน ค่าอาหารและของว่าง ครั้งละ 8,000 บาท | 4ครั้ง | 32,000.00 |
จัดซื้อ กล้อง Nikon รุ่น P1000 ตัวละ 35,000 บาท | 2ตัว | 70,000.00 |
จัดซื้อ โดรน DJI Mavic Pro (Combo set) ชุดละ 43,290 บาท | 1ตัว | 43,290.00 |
จัดซื้อ คอมพิวเตอร์ Laptop Lenovo IdeaPad Slim 3i (15", Gen 6) เครื่องละ 23,490 บาท | 1เครื่อง | 23,490.00 |
จัดซื้อ อุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เช่น แบตเตอรีสำรอง, SDการ์ดสำรอง และฮาร์ดดิสภายนอก | 1ชุด | 15,000.00 |
จัดทำแผ่นพับ แผ่นละ 5 บาท | 1,000แผ่น | 5,000.00 |
จัดทำหนังสือคู่มือเฝ้าระวังช้างป่า เล่มละ 100 บาท | 1,000เล่ม | 100,000.00 |
รวมเป็นเงินทั้งหมด | 360,780.00 | |
ค่าสนับสนุนเทใจ (10%) | 36,078.00 |
ร่วมกันระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการนี้
สร้างเพจระดมทุนให้โครงการนี้