เงินบริจาคของคุณจะค่าสิ่งของจำเป็นและเงินช่วยเหลือให้กับเด็กและครอบครัวที่ยากลำบาก เนื่องจากความเจ็บป่วย/พิการ10ครอบครัว
โครงการช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่ยากลำบาก ในเขตพื้นที่อีสานชนบทตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดหนองคาย เลย อุดรธานีและบึงกาฬมูลนิธิกัลยาณมิตรเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชน ดำเนินการมาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา โดยเราทำงานร่วมกับทีมนักจิตวิทยา / นักสังคมสงเคราะห์ ให้ความช่วยเหลือและติดตามระดับรายบุคคลและครอบครัวที่ยากลำบาก เนื่องด้วยอาการเจ็บป่วย/ความพิการของเด็กหรือสมาชิกครอบครัว และปัญหาการเงิน/ความเป็นอยู่ พื้นที่ห่างไกล รวมทั้ง บริจาคสิ่งของจำเป็น อาหาร/นม เงินสมทบช่วยเหลือต่าง ๆ
มูลนิธิฯ มีเป้าหมายช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่ยากลำบากจำนวน 10 ครอบครัว เพื่อให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มาร่วมเป็นหนึ่งกับเรา
"ความไม่ปกติของวิถีชีวิต เด็ก-เยาวชนอีสานชนบท ที่พบจนเหมือนเป็นปกติ" เช่น พ่อแม่จำเป็นต้องทิ้งลูกไว้กับปู่ย่าตายายหรือญาติพี่น้อง ด้วยความชราและอายุที่มาก หลายครัวเรือนไม่สามารถดูแลลูกหลานให้มีการเจริญเติบโตและมีเป้าหมายชีวิตที่ดีได้เท่าที่ควรจะเป็น
เมื่อโตมาแบบกระท่อนกระแท่น ทั้งการศึกษาและทักษะชีวิต จึงทำให้ทางเลือกในการดำเนินชีวิตที่ดีนั้นมีน้อยเต็มที ระดับของความยากลำบากของครอบครัว ส่งผลให้เด็กมีมาตรฐานชีวิตต่ำกว่าระดับขั้นพื้นฐานของเด็กไทยที่ควรจะเป็น ต้นกำเนิดของปัญหานี้มักเริ่มจาก ฐานะทางเศรษฐกิจครัวเรือนและการขาดความรู้ความเข้าใจของสมาชิกในครอบครัว:
ตัวอย่างของเคสที่เราเข้าไปช่วย
เด็กชายเจเจ เป็นมะเร็งจอตา (Retinoblastoma): ตอนอายุ 6 เดือน คุณยายสังเกตเห็นดวงตาข้างซ้ายของหลานน้อยดูไม่ปกติ จึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลบึงโขงหลง และส่งต่อไปยังโรงพยาบาลบึงกาฬ โชคดีที่ตรวจพบเร็วทำให้ เด็กชายเจเจเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ไปเข้ารับคีโมมาแล้ว 4 ครั้ง คุณหมอใส่ดวงตาเทียมข้างซ้ายให้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เด็กชายเจเจสุขภาพแข็งแรง วิ่งเล่นร่าเริงสนุกสนานกับเพื่อนๆ ได้ แต่คุณยายคงยังต้องพาหลานน้อยไปตรวจเช็คตามการนัดของคุณหมอที่ขอนแก่น
เงินช่วยเหลือนี้จะนำไปเป็นค่าเดินทางค่าอาหารและที่พัก จากบึงกาฬไปโรงพยาบาลศรีนครินทร์ที่ขอนแก่น
เด็กหญิงก้อยมีอาการบกพร่องทางสติปัญญาตั้งแต่กำเนิด ปีนี้อายุ 9 ขวบ สามารถพูดสื่อสารและดูแลตนเอง รวมทั้งไปเล่นเรียนรู้กิจกรรมพัฒนาทักษะพื้นฐานกับเพื่อนๆ ได้ คุณพ่อคุณแม่ช่วยกันเลี้ยงและดูแลอย่างดี.. มูลนิธิฯ ไปเยี่ยมให้กำลังใจและมอบทุนสงเคราะห์ช่วยเหลืออาชีพให้กับคุณพ่อในการทำงานในสวนยาง พร้อมทั้งมอบข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าตุ๊กตาของเล่นให้กับเด็กหญิงก้อย
คุณยายกุล เป็นคุณยายเลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงหลานทั้งหมด 6 คน คุณแม่ของเด็กๆ ไปทำงานต่างแดน ล่าสุดไม่สามารถติดต่อได้ มูลนิธิฯ ช่วยเหลือเกื้อกูลคุณยายกุลมานานหลายปี ตั้งแต่เด็กๆ ยังตัวเล็กๆ อยู่ชั้นปฐมวัย ตอนนี้โตกันหมดแล้ว.. คุณยายกุลเคยเข้ารับฟังการประชุมให้ความรู้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองที่จัดโดยมูลนิธิฯ เรื่องการเลี้ยงลูกที่ดีตามหลักการ EF และได้นำมาปรับใช้กับหลานๆ มอบหมายหน้าที่กิจวัตรประจำวันของแต่ละคน ..นอกจากงานรับจ้างทั่วไป คุณยายกุลปลูกผักและเอาไปขายเพื่อรายได้ของครอบครัว เด็กๆ ทุกคนก็น่ารักมาก ช่วยคุณยายทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ การเรียนก็ทำได้ดี กีฬาก็เก่ง น้องปายน้องปิงน้องเรย์ ด้วยความที่ตัวสูงมาก ได้เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลของโรงเรียนเข้าแข่งขันระดับจังหวัด
คุณยายกุลมีฝีมือด้านการทำอาหาร จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการทำน้ำพริกเผาสูตรโบราณ เอามาขายหารายได้เลี้ยงหลานๆ ครั้งนี้มูลนิธิฯ ได้มอบทุนสงเคราะห์ช่วยเหลือให้คุณยายกุลเอาไปลงทุนเพิ่มเติม
1. กระบวนการคัดเลือกเคสเด็กและครอบครัวที่ยากลำบาก: สำรวจเด็กปฐมวัยของครอบครัวที่ยากลำบาก ผ่านเครือข่ายครูปฐมวัยประจำ (4) จังหวัด โดยแบ่งเป็น 2 ระดับ ก) ยากลำบากมาก+ยากจนข้นแค้น ข) ยากลำบากทั่วไป
2. พิจารณา ตรวจสอบและวิเคราะห์รายเคส เพื่อช่วยเหลือตามปัญหาที่พบ: โดยทีมงานมูลนิธิ ได้แก่ ทีมนักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ ร่วมกับ "บ้านพักเด็กและครอบครัวประจำจังหวัด (ตามพื้นที่เป้าหมาย)" ร่วมวางแผนการประสานงานและวางแผนลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เช่น อสม. ประจำพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากหน่วยงานภาครัฐ ให้เข้าถึงสิทธิสวัสดิการรัฐตามสมควร เช่น การรักษาพยาบาล เงินอุดหนุนผู้พิการ/ผู้สูงวัย เป็นต้น
3. จัดเตรียมทุนสงเคราะห์และข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นตามรายเคส พร้อมระดมสิ่งของบริจาคเพิ่มเติม โดยหากจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือปรับสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ หรือต้องให้ความช่วยเหลือที่ใช้งบประมาณมากเกินกว่างบประมาณขั้นต่ำที่ตั้งไว้ ทางมูลนิธิฯ อาจพิจารณาเพิ่มงบประมาณการสนับสนุนพิเศษเป็นกรณีไป
4. ทำการลงเยี่ยมพื้นที่ สัมภาษณ์และให้ความรู้ที่จำเป็นร่วมกับทีมงานเครือข่าย พร้อมการติดตามเคสผ่านหน่วยงานเครือข่ายหรือทีมงานของมูลนิธิ เพื่อพิจารณาการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม หรือความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องเป็นกรณีไป
ทีมงานมูลนิธิ ได้แก่ ทีมนักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ ร่วมกับ "บ้านพักเด็กและครอบครัวประจำจังหวัด (ตามพื้นที่เป้าหมาย)" พิจารณาเคสช่วยเหลือเร่งด่วน และการให้ทุนสงเคราะห์ พร้อมวางแผนการประสานงานและลงพื้นที่
ประสานส่งต่อและประสานงานร่วมกันกับ หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ได้แก่ อบต. หรือเทศบาล รวมทั้งครูผู้สอน ผู้ใหญ่บ้านและผู้นำชุมชนในลักษณะของสหวิชาชีพ
ลงเยี่ยมบ้านเด็กเพื่อติดตาม (เคสเดิม) หรือตรวจสอบหาข้อเท็จจริงและปรึกษาหารือร่วมกันในการแก้ไขและช่วยเหลือเด็กที่กำลังประสบปัญหานั้นๆ อยู่ รวมทั้ง การมอบสิ่งของ/เครื่องใช้/อาหาร ที่จำเป็น (ที่ได้รับบริจาค) การมอบทุนการศึกษา มอบทุนสงเคราะห์ช่วยเหลือ เช่น ค่าเดินทางเพื่อรับการรักษาในโรงพยาบาลที่อยู่ห่างไกล เป็นต้น
| รายการ | จำนวน | จำนวนเงิน (บาท) |
|---|---|---|
| ค่าชุดของบริจาคอุปโภค/บริโภคที่จำเป็น เฉลี่ย 1,500 บาท/ชุด เช่น นมผง นมกล่อง ผ้าอ้อม ข้าวสาร อาหารแห้ง และของใช้อื่น ๆ (ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกในบ้าน 2-10 คน และอายุของเด็ก ๆ) | 10ชุด (ครอบครัว) | 15,000.00 |
| เงินสมทบช่วยเหลือ หรือ เงินสบทบทุนการศึกษา (ขั้นต่ำ) 2,500 บาท/ครอบครัว | 10ครอบครัว | 25,000.00 |
| ค่าเดินทางเฉลี่ยของเจ้าหน้าที่ลงเยี่ยมพื้นที่ 1,000 บาท/ครั้ง (รถรับจ้าง/รถส่วนตัว) ทั้งในพื้นที่ จ.หนองคาย, เลย, อุดรธานี และบึงกาฬ (ไป-กลับ) อ้างอิงอัตราการเบิกจ่ายของข้าราชการ สำหรับการปฏิบัติงานนอกสถานที่ในราชอาณาจักร - ค่าเดินทาง 500 บาท ต่อเที่ยว x 2 เที่ยว (ไป-กลับ) | 10ครั้ง (ในการลงพื้นที่) | 10,000.00 |
| รวมเป็นเงินทั้งหมด | 50,000.00 | |
| ค่าสนับสนุนเทใจ (10%) | 5,000.00 | |
พื้นที่ 4 จังหวัดในอีสานตอนบน อันได้แก่ หนองคาย อุดรธานี เลยและ บึงกาฬ เป็นจังหวัดที่อยู่พื้นที่ห่างไกลมีความเป็นชนบทตามแบบชุมชนพื้นที่เกษตรกรรมซึ่งประสบปัญหาการเพาะปลูกบ่อยครั้ง ทำให้ครอบครัวจำนวนมากมีปัญหาด้านเศรษฐกิจครัวเรือนส่งผลให้พ่อแม่/หนุ่มสาวต้องทิ้งลูกหลานเพื่อหางานทำงานในต่างพื้นที่ ทำให้ผู้สูงวัยในบ้านต้องดูแลเด็ก ๆ ตามลำพัง เด็กจำนวนมากจึงขนาดพัฒนาการตั้งแต่แรกเกิด อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษามาก ที่สำคัญศูนย์พัฒนาการเด็กเล็กและโรงเรียนขนาดเล็กของภาครัฐมักขาดงบประมาณ ขาดทรัพยากรในการพัฒนาการศึกษาของเด็กปฐมวัย และเด็กประถมในภาคอีสาน มูลนิธิกัลยาณมิตรเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชน ได้เล็งเห็นปัญหาของการเข้าถึงโปรแกรมพัฒนาการเด็กในพื้นที่ ซึ่งเราตระหนักว่าช่วงเด็กวัย 0-6 ปีนี้ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก (ตามหลัก EF) ในช่วงวัย 6-12 ปี เราพบสถิติการไม่เข้าเรียนต่อในระดับมัธยมสูง และพบปัญหาด้านสังคม/ปัญหาเยาวชนในพื้นที่ค่อนข้างมาก มูลนิธิจึงริเริ่ม 4 โครงการหลัก ได้แก่ “โครงการพัฒนาเด็กปฐมวัย" "โครงการครูอาสาเพื่อนักเรียนไทย (ชั้นประถมศึกษา)" เพื่อจัดกิจกรรมพิเศษด้านต่าง ๆ รวมทั้งพัฒนาทักษะการสื่อสารในครอบครัวให้กับผู้ปกครอง (ค่ายครอบครัว) "โครงการช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่ยากลำบาก" และ "โครงการพัฒนาเด็กในสถานสงเคราะห์" โดยทุกโครงการเน้นการพัฒนาเจริญเติบโตของเด็ก อย่างรอบด้านทั้งกาย ใจ สังคม ปลูกฝังจริยธรรม และพัฒนาการสมอง ตามหลัก EF-Executive Function ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการตามกำลังร่วมกับผู้มีจิตศรัทธา, ภาคการศึกษาเด็กปฐมวัยระดับจังหวัด และหน่วยงานท้องที่ต่าง ๆ เป็นเวลากว่า 10 ปี ซึ่งเราได้สร้างผลกระทบเชิงบวกทางอ้อมกับเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) เฉลี่ย 5,582 คน/ปี ผ่านโครงการอบรมผู้ปกครองและครู เฉลี่ยกว่า 10 ท้องที่ จำนวน 768 คน/ปี และการฟื้นฟูปรับปรุงศูนย์ดูแลเด็กเล็กของรัฐ เฉลี่ย 2 แห่ง/ปี ช่วยให้เด็กและครอบครัวในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงบริการที่ปลอดภัยกับเด็กเล็กเฉลี่ย 20-40 แห่ง สำหรับผลกระทบทางตรงกับเด็กระดับประถม 6-12 ปี ผ่านกิจกรรมในโรงเรียนขนาดเล็ก 8 โรงเรียน/ปี เฉลี่ย 1,065 คน/ปี ผ่านโครงการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่อยู่ในสภาวะยากลำบาก เฉลี่ย 127คน/ปี และโครงการพัฒนาเด็กในสถานสงเคราะห์ 100 คน/ปี
ดูโปรไฟล์ร่วมกันระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการนี้
สร้างเพจระดมทุนให้โครงการนี้