
พื้นที่ 4 จังหวัดในอีสานตอนบน อันได้แก่ หนองคาย อุดรธานี เลยและ บึงกาฬ เป็นจังหวัดที่อยู่พื้นที่ห่างไกลมีความเป็นชนบทตามแบบชุมชนพื้นที่เกษตรกรรมซึ่งประสบปัญหาการเพาะปลูกบ่อยครั้ง ทำให้ครอบครัวจำนวนมากมีปัญหาด้านเศรษฐกิจครัวเรือนส่งผลให้พ่อแม่/หนุ่มสาวต้องทิ้งลูกหลานเพื่อหางานทำงานในต่างพื้นที่ ทำให้ผู้สูงวัยในบ้านต้องดูแลเด็ก ๆ ตามลำพัง เด็กจำนวนมากจึงขนาดพัฒนาการตั้งแต่แรกเกิด อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษามาก ที่สำคัญศูนย์พัฒนาการเด็กเล็กและโรงเรียนขนาดเล็กของภาครัฐมักขาดงบประมาณ ขาดทรัพยากรในการพัฒนาการศึกษาของเด็กปฐมวัย และเด็กประถมในภาคอีสาน มูลนิธิกัลยาณมิตรเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชน ได้เล็งเห็นปัญหาของการเข้าถึงโปรแกรมพัฒนาการเด็กในพื้นที่ ซึ่งเราตระหนักว่าช่วงเด็กวัย 0-6 ปีนี้ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก (ตามหลัก EF) ในช่วงวัย 6-12 ปี เราพบสถิติการไม่เข้าเรียนต่อในระดับมัธยมสูง และพบปัญหาด้านสังคม/ปัญหาเยาวชนในพื้นที่ค่อนข้างมาก มูลนิธิจึงริเริ่ม 4 โครงการหลัก ได้แก่ “โครงการพัฒนาเด็กปฐมวัย" "โครงการครูอาสาเพื่อนักเรียนไทย (ชั้นประถมศึกษา)" เพื่อจัดกิจกรรมพิเศษด้านต่าง ๆ รวมทั้งพัฒนาทักษะการสื่อสารในครอบครัวให้กับผู้ปกครอง (ค่ายครอบครัว) "โครงการช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่ยากลำบาก" และ "โครงการพัฒนาเด็กในสถานสงเคราะห์" โดยทุกโครงการเน้นการพัฒนาเจริญเติบโตของเด็ก อย่างรอบด้านทั้งกาย ใจ สังคม ปลูกฝังจริยธรรม และพัฒนาการสมอง ตามหลัก EF-Executive Function ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการตามกำลังร่วมกับผู้มีจิตศรัทธา, ภาคการศึกษาเด็กปฐมวัยระดับจังหวัด และหน่วยงานท้องที่ต่าง ๆ เป็นเวลากว่า 10 ปี ซึ่งเราได้สร้างผลกระทบเชิงบวกทางอ้อมกับเด็กปฐมวัย (0-6 ปี) เฉลี่ย 5,582 คน/ปี ผ่านโครงการอบรมผู้ปกครองและครู เฉลี่ยกว่า 10 ท้องที่ จำนวน 768 คน/ปี และการฟื้นฟูปรับปรุงศูนย์ดูแลเด็กเล็กของรัฐ เฉลี่ย 2 แห่ง/ปี ช่วยให้เด็กและครอบครัวในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงบริการที่ปลอดภัยกับเด็กเล็กเฉลี่ย 20-40 แห่ง สำหรับผลกระทบทางตรงกับเด็กระดับประถม 6-12 ปี ผ่านกิจกรรมในโรงเรียนขนาดเล็ก 8 โรงเรียน/ปี เฉลี่ย 1,065 คน/ปี ผ่านโครงการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่อยู่ในสภาวะยากลำบาก เฉลี่ย 127คน/ปี และโครงการพัฒนาเด็กในสถานสงเคราะห์ 100 คน/ปี
งานประชุมให้ความรู้แก่พ่อแม่ผู้ปกครอง 39 ครอบครัว ณ บ้านนายาง อ.รัตนวาปี หนองคาย เป็นการให้ความรู้การดูแลบุตรหลานตาม หลักการ EF เมื่อแปลงมาเป็นแนวทางการปฏิบัติในการดูแลลูกน้อยปฐมวัย ซึ่งความท้าทายทั้งหมดอยู่ที่การดูแลของผู้ปกครองที่เลี้ยงดูเด็กปฐมวัยในชีวิตประจำวัน ว่าจะสามารถกำกับและควบคุมตนเองในการสร้างวินัยเชิงบวกให้กับลูกน้อยได้หรือไม่ โดยเริ่มจากการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก สอนลูกให้รู้จักช่วยเหลือตนเอง และพัฒนามากขึ้นตามห้วงวัยที่ลูกเติบโต เริ่มต้นจากร่างกายของลูกและครอบครัวของเรา #อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน #กวาดบ้านถูบ้าน #ซักผ้ารีดผ้า #เล่นเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ให้จัดการเรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือ งดได้งด ยืดเวลาออกไปให้นานที่สุด และให้เข้าใจโทษต่อพัฒนาการของเด็กปฐมวัย
ประชุมให้ความรู้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กปฐมวัย อบต. นาไหม อ.บ้านดุง อุดรธานี สาระสำคัญในการอบรม: นอกเหนือจากความรักความเมตตาที่มีให้แก่ลูกแล้ว สิ่งสำคัญที่ประกอบกับการเลี้ยงลูกในชีวิตประจำวัน นั่นคือการสร้างสายสัมพันธ์ และต้องเป็นสายสัมพันธ์ที่ดีเพื่อให้เป็นฐานตั้งต้นในการสร้าง “ตัวตน” ที่แข็งแรงให้กับลูก คำว่าตัวตนหรือ Self นี้สำคัญมาก เปรียบเสมือนเสาเข็มของชีวิต หากหล่อหลอมได้ดีและถูกต้อง ลูกก็จะเติบโตไปเป็นคนดีมีความรับผิดชอบ ในทางตรงกันข้าม หากหล่อหลอมไม่ดี จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม #ตามใจเกินเหตุ #เผด็จการรุนแรง #ปล่อยปละละเลย เด็กก็จะเติบโตไปแบบขาดๆ เกินๆ และสั่งสมพฤติกรรมไม่เหมาะสมแบบก้าวร้าวรุนแรงไปเรื่อยๆ โดยอาศัยหลักพื้นฐานในการสร้าง “ตัวตน” ที่แข็งแรงให้กับลูก ตามการพัฒนาทักษะสมองส่วนหน้า EF-Executive Function
ตามนโยบาย 3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่มและความรู้ฐานราก 3 มิติเพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย (ตัวตน + EF + พัฒนาการ) การพัฒนาเด็กปฐมวัยตามหลักการพัฒนาสมองส่วนหน้า EF-Executive Function คีย์เวิร์ดสำคัญคือคำว่าตัวตน (Self) เป็นโครงสร้างสำคัญและเป็นฐานตั้งต้นให้เด็กปฐมวัยสามารถมีการเจริญเติบโตที่ดี ทั้งร่างกาย จิตใจและสติปัญญา แต่การจะมีตัวตนที่ดีได้ มันมีองค์ประกอบสำคัญอื่นร่วมด้วยตั้งแต่การตั้งครรภ์ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ #อุ้มกอดหอม เพื่อให้ลูกน้อยไว้วางใจแม่เพื่อไว้วางใจโลก มีความรู้สึกอยู่รอดปลอดภัยและพร้อมจะพัฒนาในทุกด้านต่อไป ส่วนใหญ่พ่อแม่ตัวจริงไม่ได้เป็นคนเลี้ยงเด็กในชีวิตประจำวัน แต่เป็นปู่ย่าตายายที่เลี้ยงหลานน้อยตามมีตามเกิดเหมือนที่เคยเลี้ยงพ่อแม่ของเด็กมาก่อน มันจึงมีข้อจำกัดและความยากลำบากในการ “สร้างแม่ที่แท้จริง” และถือเป็นอุปสรรคในการสร้างตัวตนที่ดีให้กับเด็กปฐมวัย ในฐานะครูปฐมวัยที่รับเด็กอายุ 2 ขวบขึ้นเข้าสู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เราจะทำอะไรได้บ้างในการเสริมสร้างตัวตนของเด็กให้แข็งแรงตามหลักการ EF.. การประชุมในครั้งนี้เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และทบทวนสาระสำคัญของความรู้ฐานราก
โรงเรียนบ้านหนองแหวน เป็นโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กมาก #นักเรียน22คน ตั้งอยู่ที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย คุณครูส้มแจ้งว่านักเรียนตื่นเต้นมากที่จะได้ทำกิจกรรมสนุกสนานกับพี่ๆ นักศึกษาจาก ม.ราชภัฏอุดรธานี เพราะตั้งแต่โควิดเป็นต้นมา นักเรียนไม่ได้มีกิจกรรมพิเศษเสริมประสบการณ์ใดๆ เลย ค่ายพัฒนาทักษะวิชาการ ไม่ได้เน้นวิชาการ แต่เน้นการทำงานเป็นทีมของนักเรียนในแนวคิด “พี่และน้องต้องช่วยกัน” เอาเนื้อหาวิชาหลักต่างๆ มาเป็นเครื่องมือให้นักเรียนได้ช่วยกันคิดช่วยกันทำ ไม่ว่าจะเป็นวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รวมไปถึงสื่อออนไลน์แอพพลิเคชั่นต่างๆ จะต้องรู้เท่าทันและกำกับควบคุมตนเองให้ได้อย่างไร ขอขอบคุณผู้อำนวยการและคณะครูโรงเรียนบ้านหนองแหวนที่ดูแลเอาใจใส่นักเรียนเป็นอย่างดี ขอบคุณพี่ๆ จาก ม.ราชภัฏอุดรธานีที่มาทำหน้าที่ครูอาสาสมัครเพื่อนักเรียนไทย ขอบคุณทุกท่านที่ส่งมอบเสื้อผ้าตุ๊กตาของเล่นต่างๆ รวมทั้งอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนบ้านหนองแหวน
เพื่อให้เด็กๆ ในสถานสงเคราะห์ของเรา #ซารนิลลี่เฮ้าส์หนองคาย ได้ใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาในการฝึกฝนและพัฒนาทักษะต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานเป็นทีม และการอยู่ร่วมกันแบบ-พี่น้องต้องช่วยกัน พี่ๆ คนโตจึงพร้อมใจกันจัด “ค่ายผจญภัยในโลกกว้าง ซีซั่น2” เป็นการสานต่อกิจกรรมสร้างสรรค์ให้น้องๆ ได้สนุกสนานและเพลิดเพลินกับฐานการเรียนรู้และกีฬามหาสนุกต่างๆ
ทบทวนมาตรฐานการพัฒนาเด็กปฐมวัย และการวางแผนออกแบบกิจกรรมการเล่น-เรียน-รู้ ส่งเสริมพัฒนาการเจริญเติบโตของเด็กวัย 2-4 ขวบ กล้ามเนื้อมัดใหญ่มัดเล็ก #นิ้วมือคือสมอง การรับรู้และสื่อสารภาษา รวมทั้งการพัฒนาทักษะสมอง EF ที่ดี เพราะเด็กปฐมวัยในชนบทที่ส่วนใหญ่นั้น พ่อแม่ตัวจริงไม่ได้เป็นคนเลี้ยงดูแลในชีวิตประจำวัน ประสบกับปัญหาด้านสุขภาพหลายประการที่เป็นผลกระทบต่อพัฒนาการ-การเจริญเติบโตสมวัยของเด็ก เด็กหลายคนติดโทรศัพท์อย่างหนัก หลายคนไม่พูดไม่สื่อสาร หลายคนงอแง-เล่นกับเพื่อนๆ ไม่เป็น เป็นต้น ดังนั้น นอกเหนือจากการออกแบบกิจกรรมเล่น-เรียน-รู้ต่างๆ แล้ว ครูปฐมวัยยังจำเป็นต้องหาวิธีการในการแก้ไขและปรับปรุงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ของเด็กๆ ด้วย #แม่ครู มูลนิธิฯ ได้มอบถุงปันสุขเป็นเสื้อผ้าตุ๊กตาของเล่น ให้แม่ครูนำไปมอบให้กับเด็กๆ และครอบครัวที่ยากลำบาก ใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารและให้ความรู้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองในการเลี้ยงและดูแลลูกน้อยต่อไป
ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งของนักเรียนตามหมู่บ้านชนบท คือ ทักษะการสื่อสาร การฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ มูลเหตุที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาทักษะนี้มีหลายอย่าง ระดับสติปัญญา การจดจำคำศัพท์ต่างๆ การคิดวิเคราะห์ การเลือกใช้คำ ในที่นี้รวมไปถึงผลกระทบที่เกิดจากวิธีการเลี้ยงดูไม่เหมาะสมในครอบครัวที่ทำให้เด็กไม่กล้าคิดไม่กล้าพูด #ห้ามพูดห้ามเถียง #ติดโทรศัพท์ โรงเรียนบ้านนาดีเป็นโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กที่ห่างไกล ปีที่แล้วมูลนิธิฯ ได้มาจัดค่ายพัฒนานักเรียน เปิดโลกทัศน์การเรียนรู้และการทำงานเป็นทีม ในครั้งนี้ มาต่อยอดขยายผล เป็นกิจกรรมพัฒนาทักษะการสื่อสาร เสริมหลักสูตรทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ให้นักเรียนได้มีโอกาสแสดงออกทางด้านภาษาที่เหมาะสม ได้ฝึกซ้อม ได้ปฏิบัติและนำเสนอตามโจทย์ที่ได้รับมอบหมาย ภายใต้บรรยากาศการเรียนรู้และการแสดงอย่างมีความสุขสนุกสนาน.. ทั้งหมดนี้คือการสร้างแรงบันดาลใจ Inspiration ว่าพวกเขาทำได้และจะพัฒนาการสื่อสารในระดับสูงที่ดีต่อไปได้เช่นกัน
81 หมู่ 12 ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย 43000