ทีมงานโครงการแบ่งปันหนังสือเข้าเรือนจำ จำนวน 6 คน ได้เดินทางไปเยี่ยมเรือนจำ 2 แห่ง คือ ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ (วันที่ 16 กรกฎาคม 2558) และ เรือนจำอำเภอฝาง จ.เชียงใหม่ (วันที่ 17 กรกฎาคม 2558) โดยจัดกิจกรรมกับผู้ต้องขังในชื่อว่า “READ and you know that you are alive.” เพื่อทำความรู้จักกลุ่มบรรณารักษ์และนักอ่านในเรือนจำ รวมทั้งฟังเสียงสะท้อนจากผู้ต้องขัง ว่าการอ่านหนังสือในเรือนจำเป็นอย่างไรบ้าง
กิจกรรม 1 วัน มีดังนี้
9:00 น. แนะนำโครงการแบ่งปันหนังสือเข้าเรือนจำ ทำความรู้จักกัน (แนะนำตัว /ร้องเพลง /เล่นเกม)
10:30 น. หนังสือในดวงใจของผู้ต้องขัง
11:30 น. เขียนโปสการด์ แนะนำหนังสือ
12:00 น. พักเที่ยง
13:00 น. ชีวิตผู้ต้องขังที่ยิ่งกว่านิยาย : ผู้ต้องขังบอกเล่าประสบการณ์ชีวิตให้อาสาสมัครฟัง
14:00 น. ทีมงานแนะนำหนังสือน่าอ่าน 100 เล่ม
14:30 น. ปิดกิจกรรม
ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่
ทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่เป็นเรือนจำขนาดใหญ่มีผู้ต้องขังทั้งหมดกว่า 3,000 คน มีผู้ต้องขังทุกประเภทตั้งแต่โทษเบา โทษมากกว่า 30 ปี โทษตลอดชีวิต และโทษประหารชีวิต กลุ่มที่เราเข้าไปทำกิจกรรมด้วยจะเป็นกลุ่มงานการศึกษา มีหน้าที่ดูแลห้องสมุดและจัดกิจกรรมต่างๆ โดยมีบรรณารักษ์หลักๆ อยู่ 3 คน และผู้ช่วยจัดหนังสืออีก 10 กว่าคน
ห้องนอนผู้ต้องขังแต่ละห้องจะนอนกันประมาณ 50 คน แต่ละห้องสามารถยืมหนังสือได้ 15 เล่มต่อสัปดาห์ ตัวแทนห้องจะนำหนังสือมาเปลี่ยนที่ห้องสมุดทุกวันจันทร์ บรรณารักษ์เล่าว่าเป็นช่วงเวลาที่คิวหน้าห้องสมุดยาวเหยียด
ห้องสมุดที่ทัณฑสถานหญิงมีชั้นวางเป็นระเบียบเรียบร้อย แบ่งเป็น 4 หมวดหลักๆ คือ หนังสือธรรมะ หนังสือนิยาย หนังสือฝึกอาชีพ และนิตยสารต่างๆ บรรณารักษ์เล่าว่า หนังสือธรรมะมีเยอะมากๆ ที่ยังแพคอยู่ในกล่องก็อีกเยอะ ส่วนหมวดที่ยังต้องการอีกมาก คือหนังสือฝึกอาชีพ จำนวนหนังสือยังไม่ถึง ตามเป้าที่กำหนดไว้ และบ่อยครั้งที่ทางฝ่ายทำอาหารและฝ่ายงานฝีมือมาขอหนังสือแต่มีหนังสือไม่พอ
หนังสือที่ผู้ต้องขังนำมาเล่าสู่กันฟังว่าชอบอ่าน ได้แก่ นิยาย การ์ตูนญี่ปุ่น คู่สร้างคู่สมชีวจิต หนังสือธรรมะ ฯลฯ มีผู้เข้าร่วมคนหนึ่งที่เคยประกวดเขียนเรื่องสั้นจนได้รางวัลมาก่อนชอบอ่านหนังสือมาก หนังสือที่มักจะแนะนำให้ผู้ต้องขังอ่านกันแรกๆ คือหนังสือธรรมมะ หวังว่าจะช่วยปลอบประโลมจิตใจของผู้มาใหม่ให้ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ส่วนนิยายเป็นการสร้างความบันเทิงและใช้เวลาให้หมดไป หนังสือเกี่ยวกับดาราผู้ต้องขังให้ความเห็นว่า “เม้าท์ดาราก็ดีกว่าเม้าท์กันเอง” หนังสือช่วยให้ผู้ต้องขังมีโลกที่เป็นส่วนตัว จากปกติที่ความเป็นอยู่แออัด พื้นที่ส่วนตัวแทบไม่มี ทำให้กระทบกระทั่งกันได้ง่าย ใครที่มีเรื่องกันก็อาจจะถูกทำโทษโดยการขังเดี่ยวให้อยู่คนเดียว
กิจกรรมสุดท้าย ทีมงานได้แนะนำหนังสือใหม่ๆ ที่มีคนร่วมแบ่งปันมาและบางส่วนเป็นหนังสือที่ทีมงานซื้อมาใหม่ โดยเป็นหนังสือในหมวดวรรณกรรมผู้ใหญ่ วรรณกรรมเยาวชน ประวัติชีวิตคนที่น่าสนใจ หนังสือภาพ นิตยสารและอื่นๆ โดยวิธีการแนะนำก็ง่ายๆ คือหยิบหนังสือที่อยากแนะนำขึ้นมาทีละเล่ม อ่านบทนำให้ฟัง หรือเล่าความประทับใจในหนังสือ หรือเกริ่นนำเรื่องย่อๆ ให้พอได้กลิ่นที่ชวนติดตาม หลังจบกิจกรรมนี้ ผู้ต้องขังหลายคนสะท้อนว่า ทำให้เห็นหนังสือประเภทอื่นๆ ที่เดิมไม่คิดจะหยิบมาอ่านเปิดโลกการอ่านให้กว้างขึ้น
เรือนจำอำเภอฝาง จ.เชียงใหม่
เรือนจำอำเภอฝาง มีผู้ต้องขังในแดนชาย 1,200 คน และผู้ต้องขังในแดนหญิง 190 คน ทีมงานเข้าไปทำกิจกรรมในแดนหญิง โดยเรือนจำนี้มีความต่างจากที่ทัณฑสถานเชียงใหม่คือ ไม่ได้มีห้องสมุดแบบเป็นทางการ ทางแดนหญิงอาศัยปรับพื้นที่มุมหนึ่งเป็นชั้นหนังสือ ซึ่งหนังสือที่มีอยู่ยังน้อยมากในทุกหมวด ห้องสมุดหลักของเรือนจำจะอยู่ในแดนชายและไม่มีการเวียนหนังสือกัน
ในแดนหญิงสามารถยืมหนังสือได้คนละ 1 เล่ม สามารถยืมได้ทุกวัน และยืมแบบวันต่อวัน ถ้ายังอ่านไม่จบและอยากอ่านต่อก็สามารถนำมายืมใหม่ บรรณารักษ์ที่ดูแลหนังสือมี 1 คน เป็นผู้ต้องขังที่ยังไม่ได้ตัดสินคดี เธอจบปริญญาเอกมาก่อน ทำให้มีความรู้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
หนังสือที่ผู้ต้องขังที่นี่ชอบอ่าน คือ นิยาย สารคดีท่องเที่ยว เคล็ดลับความงาม ชีวจิตแม่สอนลูก ให้กำลังใจ กฎแห่งกรรม คู่สร้างคู่สม ทีวีพูล และวรรณกรรมด้วยความที่เรือนจำฝางอยู่ไกลจากตัวเมืองมาก ทำให้หนังสือและโอกาสต่างๆ ก็น้อยไปด้วยเมื่อเทียบกับทัณฑสถานหญิง ผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่จึงดีใจมากที่มีหนังสือใหม่ๆ เดินทางไปถึงเรือนจำ ผู้ต้องขังหลายคนสะท้อนว่า ตอนอยู่ข้างนอกไม่ได้อ่านหนังสือ พอเข้ามาอยู่ในเรือนจำแล้วได้อ่านหนังสือมากขึ้น และหนังสือที่เข้ามาในเรือนจำแล้วจะอยู่ไปอีกนานเป็นสิบๆ ปี
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ครั้งที่ 2
ยอดบริจาคที่ทางโครงการได้รับจาก taejai.com 85,694 บาท
หักค่าธรรมเนียมจาก taejai.com 10% (-) 8,569 บาท
คงเหลือเป็นค่าดำเนินการ 77,125 บาท
ค่าดำเนินโครงการ ครั้งที่ 1 (-) 41,485 บาท
คงเหลือเป็นค่าดำเนินการ ครั้งที่ 2 35,640 บาท
ความประทับใจต่อโครงการเทใจและผู้สนับสนุน
ขอบคุณทางเทใจ และผู้ส่งต่อข้อมูล ผู้ที่เข้ามาแนะนำหนังสือ ผู้บริจาคเงินให้กับโครงการของเราอีกครั้งที่ให้โอกาส ไว้ใจและเชื่อเหมือนๆ กันกับเราถึงพลังของหนังสือและความสามารถของเพื่อนร่วมสังคมของเราที่อยู่ในเรือนจำ ว่าทั้งสองอย่างนี้จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อยขึ้นมาผ่านการอ่านได้ การได้เข้าไปทำกิจกรรมครั้งนี้ ช่วยสนับสนุนให้ความคิดที่ว่า Prison should be a place for Correction not Punishment ชัดเจนขึ้นในทรรศนะของทีมงาน
ถึงแม้ว่าโครงการของเราที่ระดมทุนผ่านทางเทใจจะสำเร็จลงแล้ว แต่เราก็ยังดำเนินการโครงการของเราต่อภายใต้การรับแบ่งปันหนังสือและเงินบริจาคผ่านช่องทางของเราเอง ใครสนใจอยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ส่งต่อหนังสือคุณภาพดี สามารถเข้ามาเจอเราได้ตามช่องทางเหล่านี้: )