เงินบริจาคของคุณจะช่วยค่าเดินทางและค่ายานอกบัญชีให้กับเด็กป่วยยากไร้ทั่วประเทศ478คน
น้องป่วยเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 5 คน อยู่ระหว่างรับการรักษา
ด.ญ.นะ อายุ 12 ปี รักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬา ด้วยโรคหัวใจ ระบบทางเดินหายใจและปอดและพบก้อนเนื้อ บริเวณขากรรไกรและในโพรงจมูก
ได้รับการผ่าตัด 3 มกราคม 2567 หลังผ่าตัดผู้ป่วยมีอาการเจ็บในหู และไอ ต้องพบแพทย์ต่อเนื่อง ติดตามอาการต่อไป
ด.ช.แดง อายุ 12 ปี รักษาตัวที่ศูนย์พัฒนาการเด็กพิเศษ จังหวัดกระบี่ พัฒนาร่างกายไม่ดี กระดูกช่วงเอวเล็ก ผู้ป่วยตัวโตและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น นั่งนานไม่ได้
ผู้ป่วยต้องฝึกพัฒนาการต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ด้านสมอง ผู้ป่วยมีความจำดีสอนอะไรจำได้หมด ต้องพบแพทย์ต่อเนื่อง ติดตามอาการต่อไป
ด.ช.วัด อายุ 14 ปี รักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬา โรคเนื้องอกในสมอง มีอาการปวดหัว อาเจียน ชัก
ได้ทำการผ่าตัดนำชิ้นเนื้อไปตรวจ เจาะน้ำในสมองออก ต้องพบแพทย์ต่อเนื่อง รักษาอาการต่อไป
ด.ญ.มูนา อายุ 5 ปี รักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี และโรงพยาบาลหาดใหญ่ โรคภาวะฮอร์โมนร่างกายบกพร่อง
ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาปี 2564 ปัจจุบันผลตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา growth hormone อยู่ในระดับดีมาก ความสูงเพิ่มขึ้น ไม่พบภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรืออาการชัก จึงไม่ต้องปรับยา ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับยา growth hormone ร่วมกันยาธัยรอยด์ฮอร์โมน และ cortef ต่อไป
ด.ญ.นี อายุ 15 ปี รักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬา โรคพิการซ้ำซ้อนหลายระบบ
ได้รับการผ่าตัดสมอง ระบายน้ำออก ผ่าตัดจมูก เพื่อให้การหายใจดีขึ้น และเมื่อผู้ป่วยเจริญวัย มีรอบเดือน ต้องผ่าตัดมดลูกออก เพราะแพทย์วินิจฉัยแล้วผู้ป่วยดูแลตนเองไม่ได้ และอาจถูกล่วงละเมิดทางเพศตั้งครรภ์ได้ ต้องพบแพทย์รักษาต่อไประยะยาว
ขอบคุณมูลนิธิยุวรักษ์ที่ได้ช่วยเหลือดูแลน้อง รู้สึกดีใจที่ได้รู้จักมูลนิธินี้ ดูเเลน้องตั้งเเต่เริ่มป่วย อายุ 3-4 เดือนมาจนถึง 6 ปี คอยช่วยเหลือค่าใช้จ่าย เพราะยามีราคาค่อนข้างสูงทำให้แม่มีกำลังใจที่จะมีชีวิต ดูแลน้องต่อไป ตอนนี้น้องได้มีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ มากขึ้นค่ะ
ผู้ปกครองของ ด.ญ.มูนา อาชีพ แม่บ้านรายการ | จำนวน | จำนวนเงิน (บาท) |
---|---|---|
ค่าเดินทางเด็กป่วยไปหาหมอ และยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ | 5คน | 384,039.90 |
มูลนิธิยุวรักษ์ได้ทำการช่วยเหลือเด็กป่วยที่ครอบครัวที่ยากจน ยากไร้ ด้อยโอกาส บางกรณีก็มีส่วนต่างจากสิทธิ์ที่คนไข้ได้รับ บางกรณีครอบครัวเดียวกันแต่ลูกป่วยหมดทุกคน ฐานะก็ยากจน บางครอบครัวสามีทำงานคนเดียวแต่ลูกป่วยโรคร้ายแรง ต้องรักษาตัวระยะยาว จำเป็นต้องได้รับยาที่แพงอย่างต่อเนื่อง มูลนิธิยุวรักษ์จึงเข้าไปช่วยเหลือด้านต่างๆ
เด็กคนที่ 1 "เด็กหญิงนะ" อยู่ในความดูแลของมูลนิธิยุวรักษ์ ปี 2558
ป่วยเป็นโรคหัวใจชนิดเขียว และมีปัญหาทางการได้ยิน และระบบทางเดินหายใจ มีอาการนอนกรน หายใจทางปากและมีกลั้นหายใจขณะนอนหลับ คุณหมอนัดให้มาตรวจดูอาการเรื่อยๆ จนกระทั่งอาการเริ่มหนักขึ้นถึงขั้นหยุดหายใจตอนหลับ
คุณหมอเลยนัดส่องกล้องทางจมูก ได้พบก้อนเนื้อเป็นพังผืดบริวณโคลนลิ้นและในโพรงจมูก และนัดผ่าตัด ในวันที่ 2 มิย. 66 และตรวจการนอนหลับหลังผ่าตัด ในวันที่ 17 มิย.66 ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี จนกระทั่ง 3-4 เดือนต่อมา น้องนะเริ่มมีอาการเหมือนเดิม คุณหมอได้ทำการส่องกล้องอีกครั้งพบก้อนเนื้อโตขึ้นมาอีกและพบหลายจุด คุณหมอทำการผ่าตัดอีกครั้งเมื่อวันที่ 3 มค. 67 และดูอาการอยู่ห้อง ICU จนถึงวันที่ 5 มค.67 และได้มาพักรักษาต่อที่บ้าน
ปัจจุบันน้องนะยังต้องพบหมอเพื่อติดตามอาการตามคุณหมอนัดต่อไป
ปัจจุบันคุณหมอโรคหัวใจต้องนัด 6 เดือน/ครั้ง หรือเมื่อมีอาการ และคุณหมอหูคอจมูก นัดทุก 3 เดือน
เด็กคนที่ 2 "เด็กชายแดง" อยู่ในความดูแลของมูลนิธิยุวรักษ์ ปี 2560
เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนดตอนอายุครรภ์ได้ 7 เดือน ตอนคลอดน้องแดงหยุดหายใจประมาณ 1 ชั่วโมง คุณหมอช่วยปั้มหัวใจจนน้องแดงฟื้น และต้องอยู่ในตู้อบอีก 3 เดือน พออายุ 9 เดือน คุณหมอทำการ X-Ray ร่างกายและสมอง ผลออกมาน้องแดงมีอาการสมองฝ่อและกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ปัจจุบันต้องทำกายภาพบำบัดเพื่อพัฒนาการทางด้านร่างกาย แต่จากที่น้องแดงตัวโตและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น จะไม่สามารถนั่งนานๆได้ เพราะกระดูกช่วงเอวเล็ก ทำให้ช่วงบนจะใหญ่กว่าช่วงล่าง ทำให้การพัฒนาทางด้านร่างกายไม่ค่อยดีนัก แต่ทางด้านสมองมีความจำดี สอนอะไรจำได้หมด
ปัจจุบันคุณหมอนัดไปทำกายภาพอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
เด็กคนที่ 3 "เด็กชายวัต" อยู่ในความดูแลของมูลนิธิยุวรักษ์ ปี 2563
ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง เริ่มแรกน้องวัตมีอาการปวดหัว อาเจียน มองเห็นภาพช้อน และเริ่มมีแขนขาอ่อนแรง และชักเกร็ง จึงตรวจเจอเนื้องอกในสมอง เมื่อวันที่ 30 พย. 2562 และโรงพยาบาลได้ส่งตัวมารักษาที่ต่อโรงพยาบาลจุฬา เนื่องจากโรงพยาบาลเดิมมีเครื่องมือในการรักษาไม่พร้อม และรักษาอาการอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาลจุฬา โดยทำการผ่าตัดและให้ยาเคมีบำบัดและฉายแสง จนครบการรักษา และคุณหมอนัดติดตามอาการและทำ MRI ปีละ 1 ครั้ง เพื่อดูค่ามะเร็งและก้อนเนื้อในสมอง
ผลของการทำ MRI ปี 2566 ก้อนเนื้อในสมองมีอาการเล็กลง และไม่มีเชื้อมะเร็งแต่โอกาสจะกลับมาเป็นใหม่ได้ อาการปวดหัวของน้องวัตดีขึ้น คุณหมอให้ยา แคลเซี่ยม วิตามิน D มารับประทาน และติดตามผลตามอาการต่อไป
ปัจจุบันน้องวัตสามารถไปโรงเรียนได้ แต่ร่างกายยังไม่เต็มร้อย เพราะยังมีปัญหาเรื่องการมองเห็น และสายตาสั้น จึงต้องใส่แว่นเพื่อถนอมสายตา และคุณหมอนัดตรวจเลือดและมะเร็ง ปีละ 1 ครั้ง ส่วนด้านหูคอจมูก นัดทุก 6 เดือน
เด็กคนที่ 4 "เด็กหญิงนี"
ป่วยด้วยโรค Case Hydrocephalus ตาด้านขวาไม่มีลูกตา มองไม่เห็น ต้องรักษาตัวด้วยแพทย์เฉพาะทางเพื่อทำศัลยกรรมจมูกและตา รวมถึงผ่าตัดสมองเพื่อสอดท่อระบายน้ำออก
น้องนีเกิดภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง (Hydrocephalus) ตั้งแต่แรกเกิด ทำให้ตาด้านขวาไม่มีลูกตา ตาด้านซ้ายมองเห็นบ้างแต่ไม่ชัด ต้องได้รับการผ่าตัดช่วยเหลือในการระบายน้ำออกจากสมอง ศัลยกรรมตกแต่งจมูกและตา ส่งผลให้พัฒนาการล่าช้าทุกด้าน จึงจำเป็นต้องไปรักษาตัวจากที่ต่างจังหวัดและต้องกระตุ้นพัฒนาการที่โรงพยาบาลใกล้บ้านอย่างสม่ำเสมอ และได้ผ่าตัดศัลยกรรมแล้วเมื่อวันที่ 4 ม.ค.63 นัดติดตามอาการโดยวิธีการ Telemedicine โดยมีสหวิชาชีพทั้งแพทย์ นักจิตวิทยาพูดคุยเกี่ยวการอาการทั้งทางกายและทางจิตใจ
ด้านพัฒนาการหลังจากผ่าตัดจมูกแล้ว น้องนีสามารถพูดสื่อสารพอได้ บอกความต้องการได้ ทำกิจวัตรประจำวันได้แต่มารดาต้องช่วยเหลือเรื่องความสะอาด ทำตามคำสั่งได้ แยกหมวดหมู่และสีได้ถูกต้องแต่ทั้งนี้ยังต้องให้มีคนดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
ปัจจุบันน้องนี ยังคงต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง และหากผู้ป่วยมีประจำเดือนแพทย์เจ้าของไข้จะทำหัตการตัดมดลูก เนื่องจากผู้ป่วยดูแลตนเองได้น้อย และต้องศัลยกรรมตกแต่งจมูกให้ดูดีขึ้น
เด็กคนที่ 5 "เด็กหญิงมูนา" อยู่ในความดูแลของมูลนิธิยุวรักษ์ ปี 2561
ตั้งแต่อายุ 1 เดือน ป่วยด้วยโรคภาวะต่อมใต้สมองอักเสบ มีภาวะชักต่อเนื่อง ส่งผลให้หยุดการเจริญเติบโต แพทย์จำเป็นต้องให้ยากระตุ้นการเจริญเติบโต เป็นเวลาต่อเนื่อง 15 ปี เพื่อให้เติบโตได้ใกล้เคียงเด็กปกติ
คุณแม่ได้ส่งผู้ป่วยไปเรียนที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ 2 ปี แล้ว หลังจากเข้าเรียน ทำให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้มากขึ้น กลัวคนน้อยลง ปัจจุบันสามารถพูดได้เป็นประโยคสั้นๆ แต่พูดยังไม่ค่อยชัด ไม่สามารถเดินเองได้ต้องมีคนช่วยพยุงเจ้าหน้าที่ศูนย์การศึกษาพิเศษช่วยน้องมูนาได้ฝึกเดินและทำกายภาพ
ปัจจุบันน้องมูนาอาการดีขึ้น คุณหมอนัดติดตามอาการและรับยานัดทุกๆ 3 เดือน และกระตุ้นยาฉีดเพิ่มฮอร์โมนวันละ 1 ครั้ง