cover_1

คืนครูให้โรงเรียนบ้านไกรเกรียง

เด็กและเยาวชน
คนชายขอบ/คนไร้สัญชาติ

เงินบริจาคของคุณจะนำไปเป็นค่าครองชีพสำหรับให้กับครูอาสา3คน

project succeeded
โครงการสำเร็จแล้ว
6 ก.พ. 2561

อัปเดตโครงการคืนครูให้เด็กนักเรียนบ้านไกรเกรียง

ช่วงเวลาที่ทำกิจกรรม

6 ก.พ. 2561 - 6 ก.พ. 2561

มูลนิธิส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชน ร่วมกับ สำนักส่งเสริมสังคมแห่งเรียนรู้ฯ (สสค.) และเว็บไซต์เทใจดอทคอม เปิดระดมทุนโครงการคืนครูให้โรงเรียรบ้านไกรเกรียง เพื่อนำเงินบริจาคไปใช้เพื่อสนับสนุนค่าครองชีพครูอาสา จำนวน 3 คน ในภาคเรียนที่ 2/2559 ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2559 ถึงมีนาคม 2560 (5 เดือน) เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ให้เด็กนักเรียนห้องเรียนสาขาบ้านไกรเกรียง โรงเรียนบ้านน้ำพุ ได้มีบุคลากรทางการศึกษาเข้าไปจัดกิจกรรมกระบวนการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง ที่โรงเรียนบ้านน้ำพุ สาขาบ้านไกรเกรียง จำนวน 3 คน ได้แก่  

1. นายชาคร วินากรณ์ (ครูอุ้ม)

2. นายพงศกร เรืองสา (ครูพงศ์)

3. น.ส.สุภาภรณ์ อำนวยพร (ครูไวน์)

สืบเนื่องจากครูอาสา 1 ใน 3 คน (ครูพงศ์) เคยทางานร่วมกับทางมูลนิธิฯ จึงได้นำกระบวนการจัดการเรียนรู้รูปแบบ Problem base Learning (PBL) และจิตศึกษาไปปรับใช้ โดยครูอีก 2 คนได้เรียนรู้และพัฒนากระบวนการไปพร้อมกันด้วย

จากการที่มูลนิธิฯ ได้ติดตามลงพื้นที่เพื่อให้การสนับสนุนและช่วยเหลือการทำงานของครูอาสา พบว่าการจัดกระบวนการเรียนการสอนรูปแบบ PBL โดยครูอาสาได้บูรณาการสาระการเรียนเพื่อแก้ปัญหาไม่มีครูสอนครบทุกวิชา ส่วนการจัด “จิตศึกษา” เป็นกิจกรรมที่ทำทุกวัน เป็นกระบวนการในการบ่มเพาะปัญญาภายในให้ผู้เรียนสามารถรับรู้อารมณ์และความรู้สึกของตนเอง(รู้ตัว) รับรู้อารมณ์และความรู้สึกของผู้อื่น มีความสามารถจัดการอารมณ์หรือปรับสมดุลทางอารมณ์ของตนเองได้ รวมทั้งการเห็นคุณค่าในตัวเอง คนอื่น และสิ่งต่างๆ รอบตัว

นอกจากนี้ครูอาสายังใช้จิตวิทยาเชิงบวก ลดการเปรียบเทียบ ลดการตีค่า การตัดสิน และการชี้โทษ ส่งเสริมเพิ่มพลังให้เด็กทุกคนพัฒนาตนเองตามศักยภาพของตนเองและครูอาสายังจัดกระบวนการเสริมศักยภาพให้สอดคล้องกับนักเรียนแต่ละคนได้เรียนรู้ร่วมกัน

หลังจากการดำเนินกระบวนการจิตศึกษาหนึ่งเดือน พบว่าเด็กทุกคนสงบได้ง่ายขึ้น จิตใจที่สงบก็จะนำมาซึ่งการรับฟังกันมากขึ้น เกิดการใคร่ครวญ สามารถรับรู้และเชื่อมโยงกับคนอื่นๆ หรือสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งกิจกรรมจิตศึกษานี้ส่งผลโดยตรงทั้งครูและนักเรียนได้พัฒนาปัญญาภายในของตนเอง

นอกจากกิจวัตรประจำวันที่ครูอาสาจะต้องจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภายในโรงเรียนแล้ว ครูอาสายังมีการปฏิสัมพันธ์กับชุมชนได้เป็นอย่างดี ไปกิน ไปนอน ไปใช้ชีวิตร่วมกับชาวบ้าน ส่งผลให้ชาวชุมชนเข้ามาช่วยเหลืองานของโรงเรียนมากยิ่งขึ้น และมีการจัดประชุมผู้ปกครองอย่างต่อเนื่อง

ช่วงระยะเวลาที่ครูอาสาปฏิบัติงานก็ได้มีส่วนร่วมในการหาทางออกเกี่ยวกับประเด็นการยุบห้องเรียนบ้านไกรเกรียง ซึ่งทางเทศบาลตำบลเขาโจด โดยมีคุณสถาปนา ธรรมโมรา (ปลัดเทศบาล) เป็นกำลังสำคัญร่วมกับมูลนิธิฯ และชาวชุมชนบ้านไกรเกรียง ได้พยายามประสานความร่วมมือกับหน่วยงานหลายแห่งเพื่อดำเนินการจดทะเบียนโรงเรียนบ้านไกรเกรียงขึ้นใหม่

ผลจากการดำเนินงานร่วมกันหลายฝ่าย ปัจจุบันทางออกของห้องเรียนสาขาบ้านไกรเกรียง ได้รับจัดตั้งเป็นโรงเรียนบ้านไกรเกรียงในสังกัดตำรวจตะเวนชายแดนเป็นผู้รับผิดชอบ โดยได้วางแผนงานจัดกำลังครู ตชด. เข้ามาจัดกระบวนการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2560 ดังนั้นบทบาทของครูอาสาจึงสิ้นสุดลงเมื่อสิ้นภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 และภายหลังจากทำการประเมินวัดผลผู้เรียนแล้วก็ได้นำส่งเอกสารต่างๆ มอบให้แก่โรงเรียนบ้านน้ำพุเป็นที่เรียบร้อย

ความประทับใจต่อผู้บริจาค

ในนามขององค์กรที่ร่วมกันจัดโครงการนี้ ขอขอบคุณต่อผู้บริจาคทุกท่านที่ได้ร่วมกันสนับสนุนโครงการ “คืนครูให้เด็กบ้านไกรเกรียง” ทำให้เด็ก ๆ นักเรียนเหล่านี้ ได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่กำลังเปลี่ยนผ่านหน่วยงานใหม่ที่จะมาดำเนินการจัดการศึกษาในชุมชน ระหว่างโรงเรียนบ้านน้ำพุ ในสังกัด สพฐ, เทศบาลตำบลเขาโจด และ โรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดน สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

5 เดือนในบทบาทครูอาสาเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่ายิ่งสำหรับคนหนุ่มสาว 3 คนที่เพิ่งจบการศึกษามาไม่นาน พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า ใช้ประสบการณ์ของตนเองเพื่อผู้อื่น มอบความรักและความทุ่มเทให้แก่เด็กๆ ในหมู่บ้านท้ายเขื่อนที่ขาดแคลนทั้งน้ำกิน น้ำใช้ และไฟฟ้า

เงินบริจาคของท่านมิเพียงได้ช่วยให้เด็กๆ มีครูเท่านั้น แต่ยังเป็นประตูเปิดให้คนหนุ่มสาว 3 คนก้าวเดินออกไปเรียนรู้ในวิถีที่แตกต่างและยากลำบาก พวกเขาเติบโตขึ้น แกร่งขึ้นและเรียนรู้ที่จะแบ่งปันโอกาสเพื่อผู้อื่นเสมอๆ ระหว่างที่ครูอาสาทำงานก็ทำให้เกิดกระบวนการหาทางออกการยุบห้องเรียนสาขาบ้านไกรเกรียง และก็พบทางออกที่ทุกฝ่ายรวมทั้งครูอาสาด้วยได้ร่วมกันถางทางไปจนถึงปลายทาง

ทางมูลนิธิส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชน ต้องขอขอบคุณจากใจจริงอีกครั้งที่ทุกท่านช่วยสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล