cover_1

ครัวรักษ์อาหาร เพื่อช่วยเหลือชุมชน ทั้ง 3 ภูมิภาคในประเทศไทย

เงินบริจาคของคุณจะนำวัตถุดิบอาหารส่วนเกินจากระบบตลาดมาปรุงสุกใหม่เพื่อแจกจ่ายให้กับกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบระยะยาวจากโควิด-19 กลุ่มผู้เปราะบาง ชุมชนรายได้ต่ำ ฯลฯ150ชุมชน

project succeeded
โครงการสำเร็จแล้ว

ระยะเวลาระดมทุน

20 พ.ค. 2565 - 28 ก.พ. 2566

พื้นที่ดำเนินโครงการ

กรุงเทพ และปริมณฑล จ.กรุงเทพมหานคร จ.เชียงใหม่ จ.ประจวบคีรีขันธ์

เป้าหมาย SDGs

NO POVERTYZERO HUNGERGOOD HEALTH AND WELL-BEINGREDUCED INEQUALITIESRESPONSIBLE CONSUMPTION AND PRODUCTIONLIFE ON LAND

กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ

ผู้สูงอายุ
150คน

ครัวรักษ์อาหาร เป็นครัวชุมชนเพื่อชุมชนที่รับวัตถุดิบอาหารส่วนเกินจากระบบตลาด แต่ยังมีคุณภาพดี สามารถรับประทานได้ แทนที่จะถูกนำไปทิ้ง เรากลับนำมาปรุงสุกใหม่ แล้วนำไปแจกจ่ายให้กับกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบระยะยาวจากโควิด-19 กลุ่มผู้เปราะบาง ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง ในชุมชนรายได้ต่ำ ทั้งนี้ครัวรักษ์อาหารได้ให้ความช่วยเหลือผู้เปราะบางในชุมชนต่างๆ ไปแล้วกว่า 150 ชุมชนทั่วประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมประชากรกว่า 600,000 คน ด้วยปริมาณมื้ออาหารจำนวนกว่า 1.6 ล้านมื้อ โดยโครงการครัวรักษ์อาหารในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในทั้ง 3 ภูมิภาค ได้แก่ จังหวัดกรุงเทพฯและปริมณฑล ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่ โดยจะมีประชากรผู้ได้รับผลประโยชน์รวมทั้งสิ้น 30,000 คนต่อเดือน และได้รับการสนับสนุนอาหารอย่างน้อย 1 มื้อตลอดโครงการ

ปัญหาสังคม

 

ความขาดแคลนอาหารช่วงวิกฤตโควิด-19 และปัญหาขยะอาหาร 

สืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดผลกระทบอย่างยาวนานมาตั้งแต่ปี 2019 มาจนถึงปัจจุบัน และยังมีทีท่าว่าสถานการณ์จะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และถึงแม้ว่าจไม่มีความรุนแรงเท่าเดิม แต่ยังคงไม่หายไปในเร็ววันอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อกลุ่มชุมชนเปราะบางหรือรายได้น้อย ที่อาจต้องกักตัวเนื่องจากสภาวะการระบาดในแต่ละรอบ และอยู่ในสถานะที่ยังไม่สามารถหารายได้เลี้ยงชีพและครอบครัวตามปกติได้ กลุ่มคนเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อการขาดแคลนอาหารอันเนื่องมาจากการขาดรายได้เลี้ยงชีพและครอบครัว

อีกทั้งเราพบว่าร้อยละ 64 ของปริมาณขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นในประเทศไทยต่อปีนั้นคือขยะอาหาร ซึ่งในจำนวนนั้นประกอบไปด้วยอาหารส่วนเกินจำนวนมากที่ภาคธุรกิจไม่สามารถนำมาขายได้แล้วถูกทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย และกลายเป็นขยะอาหารที่ก่อให้เกิดมลพิษ ทั้งที่จริงแล้วอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่มีคุณภาพดีและสามารถบริโภคได้ เพียงแต่เป็นปริมาณส่วนเกินในระบบตลาดเท่านั้น ในขณะเดียวกันยังมีประชาชนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามาถเข้าถึงอาหารคุณภาพดีเหล่านี้ได้ เนื่องจากปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยประชาชนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้เปราะบางที่กล่าวไปข้างต้น

 

ครัวรักษ์อาหารดูแลกลุ่มเปราะบางในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 และต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ภายในกรุงเทพฯและปริมณฑล ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่ รวมประชากรที่ได้รับความช่วยเหลือทั้งหมด 30,000 คน ต่อเดือน คนในชุมชมเหล่านี้ บางส่วนนอกจากจะมีรายได้น้อยแล้ว ยังมีผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ แม่และเด็ก ผู้ที่ไม่มีรายได้ หรือถึงแม้ว่ากลุ่มคนบางกลุ่มจะยังมีงานทำแต่ก็ถูกลดเงินเดือนลงไปมากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือนปกติ

มูลนิธิฯจึงต้องการเข้าไปสนับสนุนการทำครัวของชุมชนและจัดตั้งเป็นครัวรักษ์อาหาร ทำให้ชุมชนมีวัตถุดิบในการปรุงอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหาร และเป็นช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของคนในชุมชน มีโอกาสได้ใช้ “อาหาร” เป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงคนในชุมชน ชุมชนใกล้เคียง และหน่วยงานเข้าด้วยกัน กลุ่มอาสาในชุมชนส่วนใหญ่มีภูมิปัญญาและทักษะการทำอาหาร ครัวรักษ์อาหารเปิดโอกาสให้วัฒนธรรมด้านอาหารเป็นเครื่องมือที่ชักชวนคนในชุมชน ผู้สูงอายุ และครูภูมิปัญญา มาร่วมกันทำอาหาร ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ โดยการได้พบปะสังสรรค์ และรังสรรค์เมนูจากวัตถุดิบที่ได้รับการบริจาคมาด้วยกัน

สร้างการมีส่วนร่วมให้การส่งต่ออาหารอย่างเป็นรูปธรรม ให้มีอาหารเพียงพอเพื่อให้เกิดการลดรายจ่าย เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของชุมชน และให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารได้อย่างทั่วถึง

 

ดำเนินโครงการโดยมูลนิธิ สโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาขยะอาหาร และสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงอาหารภายในประเทศไทยโดยการใช้ระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพเข้าไปรับอาหารส่วนเกิน (อาหารไม่สามารถนำไปจำหน่ายได้แล้ว เช่น อาหารหน้าตาไม่สวย หรือใกล้ถึงวันหมดอายุ) จากซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม ร้านอาหาร หรือโรงงานผลิตอาหาร เพื่อนำไปส่งต่อให้กับชุมชนรายได้ต่ำที่มีข้อจำกัดในการได้รับอาหารที่ดีและเพียงพอในแต่ละวัน

ร่วมกับกลุ่มเครือข่ายจิตอาสาในชุมชน และภาคีผู้บริจาคอาหารมากกว่า 400 แห่ง ยกตัวอย่างเช่น Lotus, Tops Supermarket, Central Food Hall, BigC, โรงแรมในเครือ Hilton, โรงแรมในเครือ Marriott, โรงงานผลิตอาหาร, และผู้ประกอบการด้านอาหารอีกมากมาย

 

 

 

 

วิธีการแก้ปัญหา

  1. โครงการครัวรักษ์อาหาร เป็นหนึ่งในโครงการของทางมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ ที่ให้อาสาสมัครจากชุมชน และอาสาสมัครภายนอก มาร่วมกันปรุงอาหารจากอาหารส่วนเกินที่ได้รับบริจาคมาให้เป็นเมนูอาหารใหม่ที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน และถูกหลักอนามัย เพื่อส่งต่อให้กับคนในชุมชนที่ขาดแคลนอาหารตั้งแต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกแรกในประเทศไทย โดยมีจุดประสงค์ เพื่อประยุกต์ใช้อาหารส่วนเกินทุกชนิด ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของอาสาสมัคร ให้เป็นเมนูอาหารที่ชุมชนคุ้นเคย โดยนอกจากคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมแล้ว ทางมูลนิธิฯ ยังคำนึงถึงรสชาติเพื่อเพิ่มความสุขให้กลุ่มผู้ที่ได้รับอาหารอีกด้วย ที่ผ่านมาครัวรักษ์อาหารได้ให้ความช่วยเหลือผู้เปราะบางในชุมชนต่างๆ ไปแล้วกว่า 150 ชุมชนทั่วประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมประชากรกว่า 600,000 คน ด้วยปริมาณมื้ออาหารจำนวนกว่า 1.6 ล้านมื้อ เพื่อให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้เปราะบางเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมลดปัญหาขยะอาหารจากอาหารส่วนเกิน โครงการครัวรักษ์อาหารของมูลนิธิฯ จึงเกิดขึ้น โดยการสร้างระบบการถ่ายโอนอาหารส่วนเกินซึ่งก็คือ “อาหารส่วนที่เกินจากความต้องการของตลาด” ไปยังกลุ่มผู้เปราะบางต่างๆ พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ผ่านการวางแผนระบบการขนส่งอาหารจากกลุ่มผู้บริจาคซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตอาหารในระบบตลาดไปยังครัวชุมชนรอบจังหวัดกรุงเทพฯและปริมณฑล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดภูเก็ตเพื่อนำไปประกอบอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และท้ายที่สุดนำส่งมอบให้กับกลุ่มผู้รับอาหารในชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้เปราะบางทางสังคมที่ไม่สามารถเข้าถึงอาหารที่ดีได้เท่าที่ควร ประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้านสังคม บรรเทา เยียวยา คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนกลุ่มเปราะบางในการเข้าถึงอาหารที่ดี ถูกหลักโภชนาการอย่างเท่าเทียม การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านอาหารแก่กลุ่มผู้ขาดแคลน สร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนในสภาวะเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ด้านสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาขยะอาหารในระบบห่วงโซ่อุปทานอาหารในประเทศไทย การลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มาจากอาหารส่วนเกิน

  2. แนวการต่อยอดโครงการเพื่อให้เกิดความยั่งยืน เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการรักษ์อาหารไปได้อย่างต่อเนื่อง ทางมูลนิธิฯจำเป็นที่จะต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบการรับและการบริจาคอาหาร รวมไปถึงการได้รับเงินสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากภาคส่วนต่างๆซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จะชี้วัดการดำรงอยู่ของโครงการให้คงอยู่ต่อไป แนวทางการต่อยอดโครงการในอนาคตนั้นจะเกิดเป็นรูปแบบการเปิดรับอาสาสมัครจากภาคองค์กรเอกชน เพื่อให้บุคคลทั่วไปได้เข้ามาเรียนรู้ปัญหาสังคม สิ่งแวดล้อม และได้ทำความเข้าใจชุมชนมากขึ้น นอกจากนี้เพื่อหาโอกาสขอรับการสนับสนุนจากภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับบริจาคสินค้าอาหารส่วนเกินมากขึ้น และการเปิดรับบริจาคเงินสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการมากขึ้น เพื่อร่วมกันเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารร่วมกั

  3. ระบบการทำงานของมูลนิธิในทุก ๆ วันโดยปกติแล้วจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ระบบจัดการผู้รับบริจาคอาหาร หรือชุมชนผู้รับ ระบบการรับบริจาคอาหารส่วนเกิน ในส่วนของโครงการครัวรักษ์อาหารนั้นเป็นโครงการส่วนขยายจากโครงการรักษ์อาหาร ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง

แผนการดำเนินงาน

  1. ติดต่อหัวหน้าชุมชนที่เป็นผู้รับบริจาคอาหารจากทางมูลนิธิฯอยู่แล้ว และมีความเข้าใจเรื่องอาหารส่วนเกินเป็นอย่างดี เพื่อแนะนำให้เปิดครัวชุมชนเพื่อช่วยเหลือชุมชนในพื้นที

  2. ตรวจสอบความพร้อมของชุมชนว่ามีสถานที่ และอุปกรณ์ในการจัดตั้งครัวชุมชนครบครันหรือไม่ หากมีความพร้อมเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยทางอาหารของมูลนิธิฯจะเข้าไปแนะนำการจัดตั้ง และความปลอดภัยให้กับชุมชน

  3. ประสานงานกับทีมรถรับบริจาคอาหารส่วนเกินเพื่อนำวัตถุดิบส่วนหนึ่งมาส่งให้กับครัวในวันที่นัดหมายไว้

  4. รวบรวมอาสาสมัครทั้งภายในชุมชน และบุคคลภายนอกเพื่อจัดเตรียมการทำครัว

  5. ประสานงานกับหัวหน้าชุมชนเพื่อจัดเตรียมจำนวนผู้รับอาหารที่มีความเดือนร้อน และจัดเตรียมด้านการสื่อสาร

  6. เมื่อถึงวันนัดหมาย อาสาสมัครร่วมทำอาหารด้วยกัน

  7. เมื่อถึงวันนัดหมาย อาสาสมัครร่วมทำอาหารด้วยกัน

  8. เมื่อถึงวันนัดหมาย อาสาสมัครร่วมทำอาหารด้วยกัน

  9. ครัวรักษ์อาหาร จะมีจำนวนครั้งของการทำอาหารเพื่อมอบอาหาร 1 มื้อ/คน/ครั้งดังนี้ กรุงเทพมหานคร (มีประชากรได้รับความช่วยเหลือ 6,000 คน) จำนวน 3 ครั้ง/เดือน ปริมณฑล (มีประชากรได้รับความช่วยเหลือ 3,000 คน) จำนวน 3 ครั้ง/เดือน เชียงใหม่ (มีประชากรได้รับความช่วยเหลือ 500 คน) จำนวน 3 ครั้ง/เดือน ประจวบคีรีขันธ์ (มีประชากรได้รับความช่วยเหลือ 500 คน) จำนวน 3 ครั้ง/เดือน รวมทั้งสิ้น 10,000 คน หรือ 30,000 มื้อ/เดือน

แผนการใช้เงิน

รายการจำนวนจำนวนเงิน (บาท)
การประกอบอาหารในครัวรักษ์อาหารจำนวนเดือนละ 30,000 มื้อ

(ต้นทุน 6 บาทต่อมื้อ)

180,000มื้อ1,080,000.00
รวมเป็นเงินทั้งหมด1,080,000.00
ค่าสนับสนุนเทใจ (10%)108,000.00
ยอดระดมทุน
1,188,000.00

ผู้รับผิดชอบโครงการ

มูลนิธิ สโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาขยะอาหารและสร้างความเทียมในการเข้าถึงอาหารภายในประเทศไทย โดยการใช้ระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพเข้าไปรับอาหารส่วนเกิน (Surplus Food) อาหารไม่สามารถนำไปจำหน่ายได้แล้ว เช่นอาหารหน้าตาไม่สวย หรือใกล้ถึงวันควรบริโภค จากซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม ร้านอาหาร หรือโรงงานผลิตอาหาร เพื่อนำไปส่งต่อให้กับชุมชนรายได้น้อยซึ่ง ซึ่งมีข้อจำกัดในการได้รับอาหารที่ดีและเพียงพอในแต่ละวันตั้งแต่ปี 2017 ถึงปัจจุบัน เราส่งต่อมื้ออาหารมากกว่า 34.9 ล้านมื้อ (เทียบเท่ากับอาหารส่วนเกินที่ได้รับการช่วยเหลือ 8.31 ล้านกิโลกรัม) ช่วยเหลือชุมชนมากกว่า 3,600 แห่ง และมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 21 ล้านกิโกกรับคาร์บอน

ดูโปรไฟล์

สร้างเพจระดมทุน

ร่วมกันระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการนี้

สร้างเพจระดมทุนให้โครงการนี้
icon