ช่วยป้องกันเด็กป่วยปลอดฝุ่น

PM 2.5 ฝุ่นจิ๋วสร้างผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมาก เป็นสาเหตุโรคทางเดินหายใจ ไปจนถึงโรคมะเร็ง จนองค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้ PM2.5 จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็ง อาทิ ปรอท แคดเมียม อาร์เซนิก หรือ โพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน เป็นอันตรายต่อ 4 กลุ่มเสี่ยง คือ

1. กลุ่มเด็ก 
2. กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ 
3. กลุ่มผู้สูงอายุ 
4. กลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคหืด โรคปอด โรคถุงลมอักเสบ และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน

หากค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน คนกลุ่มนี้จำเป็นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ควรออกนอกอาคารหรืออยู่กลางแจ้ง หากจำเป็นควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน

ทั้งนี้หน้ากากที่ใช้ต้องดี มีคุณภาพสามารถกรองอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กได้ ควรเป็นหน้ากากที่ระบุว่า N95 เพราะเป็นผ้าปิดจมูกชนิดกรองพิเศษ ที่ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ โดยสามารถกรองอนุภาคเล็กขนาด 1 – 5 ไมครอน ได้อย่างน้อยร้อยละ 95 มีประสิทธิภาพกรองเชื้อโรคขนาด 0.3 ไมครอน ได้ 95% ทำให้กรองฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ได้

อย่างไรก็ตามหน้ากากที่ป้องกัน PM 2.5 มีราคาค่อนข้างสูง ใช่ว่าทุกคนจะเข้าถึง

ดังนั้นเทใจดอทคอม จึงจะระดมทุนเพื่อจัดซื้อหน้ากาก PM 2.5 เพื่อแจกให้กับเด็กที่มาใช้บริการในโรงพยาบาลในกรุงเทพ และปริมณฑลกันจำนวน 10,000 ชิ้น

นอกจากนี้จะมีการประสานไปยังศูนย์ดูแลเด็กเล็กเพื่อทำห้อง safe room ด้วยการจัดซื้อเครื่องฟอกอากาศเพื่อช่วยกรองฝุ่นในห้องเรียน ดีต่อสุขภาพเด็ก ติดตั้งภายในห้องที่มีน้องอาศัยอยู่ จำนวน 10 เครื่อง

การปฏิบัติเมื่อใช้ผ้าปิดจมูกชนิดกรองพิเศษ (ข้อมูลจากกรมอนามัย)

1. เปลี่ยนผ้าปิดปาก ปิดจมูกใหม่ทันที เมื่อมีรอยเปื้อนต่างๆ หรือชื้นแฉะ
2. ให้ใช้เฉพาะบุคคล ไม่ใช้ร่วมกับคนอื่น
3. ผ้าปิดจมูกที่เคยใช้ หากต้องการเก็บไว้ใช้ใหม่ ให้พิจารณาว่ามีการเปื้อนมากน้อยเพียงใด ทำความสะอาดได้หรือไม่ โดยเฉพาะด้านที่สัมผัสกับอากาศภายนอก รวมทั้งไม่หัก/พับ/งอ เนื่องจากทำให้เสียรูปทรง และเกิดรอยยับ ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในการกรองเชื้อโรคลดลง
4. ล้างมือก่อนการสวมใส่ และหลังการถอดออกทุกครั้ง
5. การไอ จาม หรือพูดคุยขณะสวมใส่ผ้าปิดปาก ปิดจมูกชนิดกรองพิเศษ อาจทำให้อากาศภายนอกรั่วเข้าไปได้
6. การสวมใส่ผ้าปิดปาก ปิดจมูกชนิดกรองพิเศษที่ไม่กระชับแนบสนิท มีผลต่อประสิทธิภาพของการกรองเชื้อโรค