"จากสถิติทางการแพทย์พบว่า มีผู้บกพร่องทางการได้ยินเกือบ 300,000 คน โดยพบในเด็กแรกคลอดจำนวน 3 ต่อ 1,000คน และในประชากรทั่วไป 1 ต่อ 3,000 คน เป็นเรื่องที่น่าเศร้าของคนที่มีความผิดปกติทางด้านการได้ยิน หรือคนพิการทางการได้ยินแต่กำเนิด ที่จะต้องสูญเสียการได้ยินไปตลอดชีวิต" หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ พฤษภาคม 2551
มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2495 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการสร้างโอกาสและพื้นที่ให้แก่คนหูหนวก พัฒนาการศึกษา การสื่อสาร เสริมสร้างศักยภาพในการประกอบอาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนหูหนวกให้สามารถเติบโตและมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียม โครงการ“หนูอยากได้ยินเสียงแม่”เป็นหนึ่งในโครงการของมูลิธิ เพื่อช่วยเหลือเด็กหูหนวกที่ยากจน ตั้งแต่ 0-7 ขวบ เพื่อให้เข้าถึงอุปกรณ์ช่วยฟังที่มีคุณภาพได้เท่าเที่ยมกับเด็กหูหนวกทั่วไป เครื่องช่วยฟังจะช่วยส่งเสริมให้เด็กได้รับโอกาสในการฝึกฝนการฟัง การสื่อสาร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาการศึกษา ทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข
เครื่องช่วยฟังเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เพิ่มการได้ยินที่หลงเหลืออยู่ของคนหูหนวกเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กหูหนวกที่อายุยังน้อย หากได้ใช้อุปกรณ์เครื่องช่วยฟังที่มีกำลังขยายเสียงที่เหมาะตั้งแต่ยังเล็กก็จะช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาการหัดฟังและหัดพูด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการศึกษาและดำรงชีวิตต่อไป
ทางโรงเรียนโสตศึกษาจะส่งรายชื่อเด็กนักเรียนที่ยากจน ผู้ปกครองไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะซื้อเครื่องช่วยฟังที่มีคุณภาพได้ รวมถึงผู้ปกครองทั่วไปที่เดินทางมาขอความอนุเคราะห์กับทางมูลนิธิฯ
วิดีโอการจัดทำโครงการ "หนูอยากได้ยินเสียงแม่" ในปี 2555
อนาคตคาดหวังที่จะเห็นโครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชนในการบริจาค online มากขึ้น เพื่อแบ่งเบาการระดมทุนจากทางมูลนิธิฯ ได้บ้าง เนื่องจากการสนันสนุนเครื่องช่วยฟังที่มีคุณภาพมีส่วนอย่างมากในการพัฒนาการสื่อสารและการศึกษาของเด็กที่มีภาวะหูหนวก
จัดซื้อเครื่องช่วยฟัง 4 ข้าง ข้างละ 13,500-14,000 บาท (เด็กจำนวน 2 คน)