Documentary Club ขอกราบขอบพระคุณพี่ๆน้องๆทุกๆท่านที่สนับสนุนโครงการระดมทุนเพื่อเฟ้นหาหนังสารคดีดีๆ จากทั่วโลกมาฉายแก่ผู้ชมในประเทศไทยของเรา บนเว็บไซต์ "เทใจ" จนล่าสุดสดๆ ร้อนๆ วันนี้เราสามารถเดินมาถึงเป้าของเฟสที่ 1 ได้สำเร็จแล้วค่ะ ^O^
ระยะเวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์นับจากนี้ เราจะปิดรับการบริจาคชั่วคราว เพื่อเตรียมพร้อมรายละเอียดสำหรับการทำงานและการขอระดมทุนขั้นต่อไป...โดยในเฟสที่ 2 Documentary Club วางเป้าหมายให้ตัวเองกระเถิบขึ้นไปอีกขั้น คือเราจะนำพาหนังสารคดีดีๆ ไป "เข้าถึง" ผู้ชมทั่วประเทศให้ได้ค่ะ!
..Life Itself : สารคดีบันทึกชีวิตช่วงสุดท้ายของ โรเจอร์ อีเบิร์ต นักวิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อก้อง ที่เรียกน้ำตาผู้ชมมาแล้วในหลายเทศกาลหนังด้วยเรื่องราวแห่งความรักและพลังของ ‘ภาพยนตร์’
...Rich Hill : สารคดีถ่ายทอดเรื่องราวของ 3 เด็กหนุ่มที่ต้องดิ้นรนดำเนินชีวิตท่ามกลางความยากจน ตึกปรักหักพังและความร้างไร้ของเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่ก็เหมือนความฝันของพวกเขาที่มีแต่จะ สูญสลายลงช้าๆ ...ทว่าเมื่อเป็นวัยรุ่น ต่อให้อยู่ในความสิ้นหวังเพียงใด พวกเขาก็มีสิทธิจะใฝ่ฝันถึงชีวิตที่ดีกว่า (หนังชนะรางวัล U.S. Grand Jury Prize เทศกาลหนังซันแดนซ์ 2014 และ Special Jury Prize สาขากำกับ จาก Sarasota Film Festival 2014)
...The Case Against 8 : สารคดีโด่งดังที่เล่ากระบวนการต่อสู้ของทีมทนายซึ่งช่วยกันโค่นล้มกฎหมายห้ามคนรักเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสในแคลิฟอร์เนีย ....สิ่งที่น่าทึ่งและทำให้น้ำตาไหลตั้งแต่ไม่กี่นาทีแรกก็คือ ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นจากการร่วมมือของทนายหลักสองคน คนหนึ่งเป็นมือขวาพรรครีพับลิกัน อีกคนเคยทำงานให้เดโมแครต หรือพูดง่ายๆว่า พวกเขายอมทิ้งความแตกต่างทางการเมืองไว้เบื้องหลัง แล้วมาจับมือกันทำคดีนี้จนประสบชัยชนะ ด้วยความเชื่อว่า "การแต่งงาน" เป็นสิทธิที่พึงได้ของคู่รักทุกคู่ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในเพศใด (ชนะรางวัลสาขากำกับยอดเยี่ยม จากเทศกาลหนังซันแดนซ์ 2014, รางวัล Audience Award จาก SXSW Film Festival 2014 และ RiverRun International Film Festival 2014)
...Finding Vivian Maier : ผู้กำกับสารคดีเรื่องนี้ประมูลกล่องใส่ฟิล์มกับภาพเก่าๆ มาได้หนึ่งใบ และต้องตะลึงงันเมื่อในนั้นเต็มไปด้วยภาพถ่ายทิวทัศน์เมืองงดงามสุดอลัง น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือมันเป็นฝีมือของตากล้องนิรนามไร้คนสนใจ และเมื่อเขาอยากรู้จนออกสืบหาว่าเธอเป็นใคร คำตอบที่ได้รับก็สุดแสนน่าประทับใจและเป็นอีกครั้งที่โลกบอกเราว่า ความเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่อาจซุกซ่อนอยู่ในกายของคนธรรมดาๆ เกินกว่าเราจะคาดถึง (คว้ารางวัล Grand Jury Prize จาก Miami Film Festival 2014)
...Return to Homs : สารคดีเข้มข้นกระชากหัวใจ เรื่องของเด็กหนุ่มเปี่ยมเสน่ห์ผู้รักษาประตูฟุตบอลวัย 19 ปีแห่งทีมชาติซีเรีย ผู้ก็ผันตัวมาเป็นหนึ่งในผู้นำประท้วงที่ใช้บทเพลงเป็นทั้งเครื่องประโลมจิตใจชาวบ้านและสะท้อนความฝันถึงสันติภาพ ทว่าหลังจากเมืองฮอมส์บ้านเกิดของเขาถูกโจมตี เขากับเพื่อนแอ็กติวิสต์นักทำหนังวัย 24 ก็ตัดสินใจจับอาวุธขึ้นต่อสู้ ซึ่งแน่นอนว่าผลของมันมิได้สดสวยงดงาม (หนังคว้ารางวัล World Cinema Grand Jury Prize เทศกาลหนังซันแดนซ์ 2014, Charles E. Guggenheim Emerging Artist Award จาก Full Frame Documentary Film Festival 2014 และ Grand Prix du Festival จาก FIFDH 2014)
...Fed Up : ใครๆ ก็รู้ว่าอาหารทุกวันนี้มีแต่สารอันตราย ใครๆ ก็หันมาห่วงใยใส่ใจสุขภาพ แต่ทำไมโรคอ้วนยังเป็นโรคที่คุกคามทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในหลายประเทศ? สิ่งที่สารคดีเรื่องนี้ทำคือชำแหละอุตสาหกรรมอาหารอย่างไม่ไว้หน้าโดยเฉพาะสารสีขาวเม็ดเล็กจ้อยที่เราต่างเสพติดทั้งที่รู้แก่ใจว่าพิษของมันเหลือร้ายอย่าง “น้ำตาล” (เข้าชิง Grand Jury Prize เทศกาลหนังซันแดนซ์ 2014)
...Manakamana : หนังสารคดีที่ใช้ฟิล์ม 16 มม. ทั้งหมด 400 ม้วน ตั้งถ่ายผู้คนหลากวัยหลายสัญชาติมากมายการแสดงออก ที่ถูกโชคชะตาชักพาให้มานั่งข้างกันในระยะเวลาสั้นๆ บนกระเช้าที่มุ่งสู่วัดบนยอดเขา Manakamana ในเนปาล ผลงานของ Harvard’s Sensory Ethnology Lab ที่ประกอบด้วยฟุตเตจทีละเทคต่อกันไปเรื่อยๆ แต่น่าสนใจเหลือเกินว่าทำไมใครๆ ถึงบอกว่ามัน “สนุก”?! (คว้ารางวัล Golden Leopard - Filmmakers of the Present และ Best First Feature - Special Mention จาก Locarno International Film Festival 2013, รางวัล Best Female-Directed Documentary จาก Edinburgh International Film Festival 2014 และเข้าชิงรางวัลสารคดียอดเยี่ยม Independent Spirit Awards 2014)
...The Notorious Mr. Bout : สารคดีที่เล่า ‘อีกด้าน’ ของชีวิต วิคเตอร์ บูท พ่อค้าอาวุธสงครามที่เคยอื้อฉาวเขย่าโลกหลังจากโดนจับตัวได้ในประเทศไทยเมื่อ 4 ปีก่อน ...จะเป็นยังไงถ้าบูทประกาศว่าเขาก็อาจกลายเป็นคนทำหนังสารคดีมือทองได้ ด้วยการจับกล้องมาถ่ายตัวเอง(ซึ่งไม่ได้ออกมาดูคล้ายอาชญากรวายร้ายอย่างที่เราเคยคิดตรงไหนเลย)ส่งฟุตเตจมาให้หนัง (ที่ทั้งไม่ประนามและไม่เข้าข้างเขาสักนิด) เรื่องนี้ได้ใช้! (เข้าชิงรางวัล Grand Jury Prize สาขา World Cinema - Documentary เทศกาลหนังซันแดนซ์ปี 2014) ...เหล่านี้เป็นแค่หนึ่งในส่วนเสี้ยวของ ‘หนังสารคดี’ ที่ได้รับคำยกย่องว่า ‘ต้องไม่พลาด’ ของช่วงปีที่ผ่านมา ไม่เพียงเพราะมันบันทึก บอกเล่า ชวนคุย ขุดคุ้ย ตีแผ่ สารพัดเรื่องราวของผู้คนที่มีตัวตนอยู่จริงให้เราต้องทึ่งในความอัศจรรย์พันลึกของมนุษย์เท่านั้น แต่มันยังล้วนเป็นหนังที่พิสูจน์ตัวเองแล้วว่ามีพร้อมทั้งความสนุกสนาน และความตื่นเต้นน่าตะลึงงัน
...เหล่านี้เป็นแค่หนึ่งในส่วนเสี้ยวของ ‘หนังสารคดี’ ที่ได้รับคำยกย่องว่า ‘ต้องไม่พลาด’ ของปี 2014 ไม่เพียงเพราะมันบันทึก บอกเล่า ชวนคุย ขุดคุ้ย ตีแผ่ สารพัดเรื่องราวของผู้คนที่มีตัวตนอยู่จริงให้เราต้องทึ่งในความอัศจรรย์พันลึกของมนุษย์เท่านั้น แต่มันยังล้วนเป็นหนังที่พิสูจน์ตัวเองแล้วว่ามีพร้อมทั้งความสนุกสนาน และความตื่นเต้นน่าตะลึงงัน
เราต่างรู้กันว่าหนังสารคดีที่ดีนั้นทรงพลังถึงขั้นเขย่าหัวใจเรา เปลี่ยนเราเป็นคนใหม่ ทำให้โลกทั้งใบต้องสั่นสะเทือนในแบบที่กระทั่งหนังบล็อคบัสเตอร์ก็ยังมิอาจลอกเลียนได้
เราได้ยินข่าวคราวหนังเหล่านี้ เราติดตามความเคลื่อนไหวของหนังเหล่านี้ เราได้เห็นตัวอย่างสุดเร้าใจของหนังเหล่านี้ เราอยากดูหนังเหล่านี้ ...และหลังจากเฝ้ารอมานานหลายปีให้มีค่ายผู้จัดจำหน่ายหนังหรือสถานีทีวีหาซื้อหนังเหล่านี้มาฉาย บัดนี้เราก็ตัดสินใจว่าหมดเวลาแล้วสำหรับการรอ และถึงเวลาแล้วที่เราจะเขียนคำว่า ‘Coming soon’ ให้แก่หนังสารคดีที่เราอยากดูด้วยตัวเราเอง!
Documentary Club เป็นโครงการที่กำลังจะกลายเป็นความจริงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราจะเฟ้นหาและซื้อสิทธิหนังสารคดีที่ดีและที่น่าดูจากทั่วโลกมาจัดฉาย เราจะแปลภาษาต้นฉบับ ทำซับไตเติลภาษาไทย เราจะพามันออกพ้นปริมณฑลเล็กๆ แคบๆ ที่มันเคยอยู่ ด้วยการไปหาคนดูถึงในโรงเล็กใหญ่และในสถานที่ที่มีคนอยากให้มันไป และจะไม่แค่ฉาย แต่เราจะตั้งวงพูดคุย ชักชวนคนที่น่าสนใจมาแลกเปลี่ยนบทสนทนา ไม่จำกัดว่าจะเป็นเรื่องราวของภาพยนตร์ ดนตรี ศิลปะ วัฒนธรรม สังคม การเมือง ฯลฯ ตามแต่เส้นทางที่หนังเรื่องนั้นพาไปและตามแต่ความกระหายใคร่รู้ของผู้ชม
Documentary Club เริ่มต้นก้าวแรกของตนเองแล้ว หนังดีเรื่องแรกที่เราซื้อสิทธิมาด้วยทุนของเราเองและเตรียมฉายคือ The Circle สารคดีงานสร้างอลังการสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของครูหนุ่มกับนักร้องหนุ่มผู้ฟันฝ่าร่วมกันผ่านช่วงเวลาโหดร้ายของสังคมเยอรมันทศวรรษ 1950 ที่ความรักเพศเดียวกันกลายเป็นรักต้องห้าม หนังเปี่ยมด้วยความรู้สึก น่าประทับใจ และงดงาม จนกลายเป็นเจ้าของรางวัล Panorama Audience Award กับ Teddy Award จากเทศกาลหนังเบอร์ลิน และรางวัล Best Feature Film จาก Torino International Gay & Lesbian Film Festival ปีนี้เรียบร้อยแล้ว
"Documentary Club มีเป้าหมายจะฉายหนังสารคดีชั้นดีที่ทั้งสนุกสนาน ทรงพลัง และหลากหลาย เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำหนดระยะเวลาทดลองเบื้องต้น 1 ปี
จัดฉายหนังสารคดีต่างประเทศ พร้อมคำบรรยายไทย (ทั้งแบบฟรีและเก็บค่าเข้าชม) รวม 7 เรื่อง เราจะเฟ้นจากบางส่วนของหนังสารคดีตามรายชื่อข้างต้น และหนังสารคดีดี ๆเรื่องอื่น ๆ ที่กำลังโดดเด่นทั่วโลก ทั้งในโรงภาพยนตร์และสถานที่ที่น่าสนใจ (ต่างจังหวัดเราก็จะไป) สำหรับผู้ชมทุกคนที่รักหนังสารคดี
เราอยากที่จะจัดฉายรอบพิเศษ พร้อมกิจกรรมพิเศษ ในหัวข้อพิเศษๆ สำหรับผู้ชมกลุ่มพิเศษที่เหมาะกับหนังเรื่องนั้นๆ เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเพื่อความบันเทิง เพื่อการศึกษา เพื่อการรณรงค์
งบประมาณที่จะทำให้การทดลองนี้เกิดขึ้นจริงได้ : 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาท)
ทำไมต้องใช้งบถึงขนาดนั้น?
เหตุผลข้อหนึ่งที่ทำให้ไม่ค่อยมีใครอยากนำหนังสารคดีมาฉายอย่างจริงๆ จังๆ ในบ้านเรา ก็เพราะ “โอกาสในการทำกำไรมีน้อย” เนื่องจากกลุ่มผู้ชมไม่กว้างขวางเท่าหนังตลาด/หนังเล่าเรื่องทั่วไป ขณะที่ต้นทุนในการซื้อหามาฉายแม้จะไม่แพงเท่าหนังตลาด แต่ก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ถือว่าไม่น้อย
ค่าสิทธิในการนำมาฉายในที่สาธารณะแบบเก็บค่าเข้าชม เฉลี่ยเรื่องละ 100,000 บาท โดยประมาณ
ค่าแปลและทำคำบรรยายภาษาไทย 20,000 บาท
ค่าจัดการอื่นๆ (เช่น การส่งพิจารณาเรตติ้ง) 20,000 บาท
ส่วนแบ่งกับโรงฉาย 50% ของรายได้
(ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เราสามารถจัดการอย่างประหยัดได้ตามกำลัง เช่น ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์)
อย่างไรก็ดี การระดมทุนเบื้องต้น 1 ล้านบาท สำหรับหนัง 7 เรื่อง (เฉลี่ยเรื่องละ 100,000 กว่าบาท) คือวิธีที่จะช่วยเปิดประตูบานแรกให้โครงการนี้สามารถข้ามผ่านแรงกดดันทางธุรกิจและเกิดขึ้นได้ ...และโดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลารอนานเพื่อให้มันครบตามเป้า
เพราะครบ 1 แสนบาท เราจะจัดฉายหนังในโครงการ 1 เรื่องทันที!
และเมื่อครบ 500,000 บาท เราจะจัดฉายอีก 2 เรื่องทันที!
และเมื่อครบ 1ล้านบาทเราจะจัดฉายให้ครบ 7 เรื่อง
แผนงานของเรามีอยู่ว่า ภายในระยะเวลา 1 ปีแรกนี้ เราจะวางแผนการบริหารจัดการต้นทุนและรายได้จากการเก็บค่าเข้าชมและอื่นๆ ของหนังแต่ละเรื่อง เพื่อให้ Documentary Club สามารถดำเนินการด้วยตนเองต่อไปได้อย่างราบรื่น และยั่งยืนในปีถัดๆ ไป โดยพึ่งพิงการระดมทุนเพิ่มเติมน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้