cover_1

มอบโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กไทย ผ่านการทำงานของครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง ประจำปี 2568

เด็กและเยาวชน

เงินบริจาคของคุณจะสนับสนุนและผลักดันให้กับครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง (teach for Thailand)113คน

บริจาคให้โครงการนี้

บริจาค

เงินบริจาคของคุณจะสนับสนุนและผลักดันให้กับครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง (teach for Thailand)113คน

บริจาค

เทใจรองรับ e-Donation ลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า

4 ธ.ค. 2568

อัปเดตโครงการการเริ่มทำงาน ของครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง ทั้งหมด 76 คน

ช่วงเวลาที่ทำกิจกรรม

3 พ.ย. 2568 - 3 ธ.ค. 2568

ในปีการศึกษานี้ มูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยเเลนด์ ได้ส่งครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง จำนวน 76 ท่าน เข้าไปทำงานยัง 46 โรงเรียน ใน 17 จังหวัดทั่วประเทศ 

‘ห้องเรียน’ คือ พื้นที่จำลองชีวิตจริงที่เด็กคนหนึ่งสามารถเรียนรู้วิชาต่าง ๆ ลองผิดลองถูก ฝึกฝนความมั่นใจและเพิ่มความกล้าของตัวเองได้

ที่ห้องเรียนของ ‘ครูลูกตาล’ กันต์ฤทัย จันทา ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นที่ 10 เป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนว่า พื้นที่เล็ก ๆ นี้สามารถเป็นกระบะทรายให้เด็กทดลอง ถึงจะล้มได้ก็สามารถลุกขึ้นมาอีกครั้ง

เพราะเชื่อว่าอุปสรรคคือโอกาส ครูลูกตาลจึงไม่ได้เป็นเพียงผู้สอน แต่ยังปรับวิธีการสอนให้เด็กเป็นศูนย์กลาง และเป็นคนที่ดึงความมั่นใจที่ซ่อนอยู่ในตัวเด็ก ๆ ออกมาให้เปล่งประกาย เพียงกล้าลงมือทำ เพราะเชื่อว่าลูกศิษย์ของพวกเขาทำได้

‘ครูลูกตาล’ พาเด็กออกจากห้องเรียนแบบเดิม

ห้องเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของ ‘ลูกตาล’ ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นที่ 10 ที่โรงเรียนปิยบุตร จังหวัดลพบุรี นักเรียนบางคนขาดเรียนเพราะเป็นเสาหลักครอบครัว บางคนมีปัญหาด้านการเงิน และบางคนก็มีปัญหาพฤติกรรม 

ถึงแรก ๆ เด็กจะต้องเลือกชีวิตความเป็นอยู่ก่อนการเรียน แต่ครูลูกตาลเลือกที่จะเข้าไปนั่งกลางใจของพวกเขา ไม่เพิกเฉยต่อปัญหา พยายามรู้จักเด็กทุกคนให้ครบทุกแง่มุม ปรับการเรียนและวิธีประเมินผลให้เหมาะกับนักเรียนแต่ละคนให้มากที่สุด

“พอเห็นว่านักเรียนชอบทำกิจกรรม ก็เลยปรับรูปแบบจากสอนทฤษฎีก่อน มาเป็นทำการทดลองให้นักเรียนได้เรียนรู้และปฏิบัติจริง

มากกว่านั้น เขายังดึง ‘ความกล้า’ ของผู้เรียนออกมาผ่านการทำชุมนุมทำคอนเทนต์ พานักเรียนมาลองเป็นนักแสดง ตัดต่อคลิปวิดีโอ จนสามารถคว้ารางวัลระดับจังหวัด 2 ปีซ้อน กลายเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนได้ 

“นักเรียนมีทักษะ มีความสามารถในตัวอยู่แล้ว อยากให้เขามั่นใจ กล้าแสดงออกมากขึ้น เพราะมันเป็นโอกาสให้เขาพัฒนาตนเองต่อไป เพราะว่ามันจะเป็นผลดีต่อเขาในอนาคต”

อีกทั้งเธอยังภูมิใจว่า กิจกรรมที่เธอริเริ่มยังสามารถทำให้เด็กภูมิใจในตัวเอง และสามารถมีทุนการศึกษาจากความเชื่อมั่นในตัวเองว่า เขามีความสามารถและเก่งไม่แพ้ใคร เพียงแค่เชื่อในตัวเองและกล้าที่จะลอง

“สิ่งที่ภูมิใจมาก คือ เราสามารถดึงนักเรียนที่เคยมีปัญหาพฤติกรรมมาฝึกฝน ได้รับทักษะชีวิต มันเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้คนอื่นเห็นว่า พี่คนนี้ก็สามารถใช้ทักษะของตัวเองมาช่วยหาทุนการศึกษาให้ตัวเองได้ด้วย”

ทั้งหมดมันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าเราไม่เชื่อว่าเด็กทำได้ และคำว่า ‘ทำได้’ ที่จะทำให้เด็กภูมิใจ มั่นใจ และผลักดันตัวเขาในอนาคต