cover_1

ผ้าอ้อมเพื่อผู้ป่วยสูงอายุ 1

ผู้สูงอายุ

เงินบริจาคของคุณจะนำไปมอบผ้าอ้อมใช้ยามเจ็บป่วย และ ถุงกำลังใจให้กับครอบครัวผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ผู้พิการผู้มีรายได้น้อย (ต่อเดือน)260เคส

project succeeded
โครงการสำเร็จแล้ว
9 มิ.ย. 2568

รายงานปิดโครงการมอบผ้าอ้อมและถุงกำลังใจให้ผู้ป่วยสูงอายุ ในโครงการอาสามาเยี่ยม

ช่วงเวลาที่ทำกิจกรรม

1 ม.ค. 2564 - 31 ธ.ค. 2567

พื้นที่ที่ทำกิจกรรม

จ.กรุงเทพมหานคร

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ

ผู้สูงอายุ
2,767เคส

โครงการอาสามาเยี่ยม หนึ่งในโครงการของมูลนิธิกระจกเงา มีกิจกรรมส่งเสริม ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ผู้พิการ ผู้มีรายได้น้อย และครอบครัว ผ่าน 8 กิจกรรม ต่อไปนี้

  1. งานลงพื้นที่เยียมเยียนช่วยเหลือเคสผู้ป่วยติดเตียง  สนับสนุนผ้าอ้อมวัสดุสําหรับ ผู้ป่วยติดเตียง ขณะเดียวกันก็เป็นการเยี่ยมให้กําลังใจผู้ดูแลผู้ป่วยที่มีความเหนื่อยล้าจากการ ดูแลผู้ป่วย เติมความอุ่นใจด้วยการสนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค (ลงพื้นที่สัปดาห์ละ 2-3 วัน)
  2. งานส่งเสริมอาชีพให้ผู้สูงอายุที่อยู่ลําพัง และผู้สูงอายุทีอยู่กับคู่ชีวิต โดยการนําเสื้อผ้ามือสองไป จําหน่ายที่หน้าบ้าน และในตลาดนัดของชุมชน ช่วยให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพิ่มขึน และงานก็สร้างคุณค่ากับ จิตใจของผู้สูงอายุ 
  3. งานการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและที่อยู่อาศัยสําหรับผู้ป่วย ผู้พิการ ผู้ยากไร้และผู้สูงอายุ
  4. โทรถักทอแรงใจ” เคสที่อยู่ห่างไกล สร้างกําลังใจและติดตามผลข้อมูลด้านสุขภาพกาย และ สุขภาพจิตใจ กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและความอยู่ดีมีสุขในผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง และโรค NCD โรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ
  5. กิจกรรมบ้านพักคนชรา บางเขน 12 ครั้ง/ปี ใช้เป็นสถานที่เพื่อเป็นการรวมตัวกันของผู้ สูงอายุ ในบ้านพัก และผู้สูงอายุในชุมชนศรีรับสุข มาร่วมทํากิจกรรมร้องเพลง ทํากิจกรรมศิลปะ ทํากิจกรรมเล่น เกมส์เพื่อพัฒนาสมอง เพื่อทําให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่ามิได้ถูกทอดทิ้งจากสังคม
  6. งานกล่องแบ่งปัน ส่งมอบให้แก่เคสผู้ป่วยติดเตียง และผู้ยากไร้
  7. กิจกรรมมอบผ้าอ้อมอุ่นใจ อาหารอิ่มอุ่น เดือนละหนึ่งครั้ง
  8. สนับสนุนเครื่องอุปโภค บริโภค ยาและเวชภัณฑ์ แก่เครือข่ายที่ทํางานด้านสังคมร่วมกัน

โดยกิจกรรมหลักของโครงการอาสามาเยี่ยม คือลงพื้นที่เยี่ยมผู้ป่วยตามบ้าน โดยทีมอาสาจะลงพื้นที่ตามบ้านเพื่อเข้าไปพูดคุย ให้กำลังใจทุกเดือน พร้อมมอบผ้าอ้อมและสิ่งของจำเป็น อุปกรณ์การแพทย์ อาหารพิเศษ และยังมอบถุงกำลังใจ เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง เป็นต้น ในบางเคสที่มีญาติคอยดูแล ช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง นัดรับของที่มูลนิธิกระจกเงา 

ปี 2564

ลงพื้นที่เยียมเยียนช่วยเหลือเคสผู้ป่วยติดเตียง  โดยมีเคสผู้ป่วย ทั้งหมด 430 ราย 

  • เคสผู้ป่วยนอนติดเตียง (รายได้น้อย) กลุ่มเคส ที่มีบัตรนัดรับของสามารถมารับแพมเพิสผู้ใหญ่ได้ทุกเดือน  เป็นเคสประจำ  มี 70 คน  และแบ่งเป็น เคสเยี่ยมตามบ้าน มี 40 คน
  • เคสผู้ป่วยติดเตียง (ขอยืมเฉพาะอุปกรณ์ทางการแพทย์) คือกลุ่มเคสที่ยืมแต่อุปกรณ์การแพทย์มี  90 ราย และอุปกรณ์ยังใช้งานอยู่
  • เคสผู้ป่วย ไม่ติดเตียง (รายได้น้อย) คือ กลุ่มเคสที่ ป่วยแต่ยังขยับตัวได้ ทำอะไรเองได้ ประกอบอาชีพได้  รับทั้งแพมเพิสผู้ใหญ่และอาหาร  มี 35 คน และ แบ่งเป็นเคสที่มีบัตรนัดมารับของเองประจำมี  20 คน   และเคสที่ไปเยี่ยมตามบ้านมี  15  คน
  • เคสผู้ป่วย ไม่ติดเตียง (ขอยืมเฉพาะอุปกรณ์ทางการแพทย์)  คือกลุ่มเคส ที่ยืมแต่อุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งฐานะทางบ้านไม่ได้ลำบากจนเกินไป 30ราย  และอุปกรณ์ยังใช้งานอยู่
  • เคสรายได้น้อย  คือกลุ่มเคสที่หาเช้ากินค่ำ และรายได้น้อยเปราะบาง  เป็นเคสที่มีบัตรนัดรับข้าวสารอาหารแห้ง เป็นเคสประจำ  มี 52 คน
  • เคสสามารถดูแลตัวเองได้/มีญาติพี่น้องดูแล  คือกลุ่มเคสที่  ส่วนใหญ่ ขอครั้งเดียว และหายดีแล้ว มีญาติดูแลแล้ว และไม่ประสงค์รับอีก และบางรายถ้าฉุกเฉินเรื่องรายได้ จะติดต่อมาเพื่อรับแพมเพิสผู้ใหญ่และอาหาร  มี  153  คน

ปี 2565

งานลงพื้นที่เยียมเยียนช่วยเหลือเคสผู้ป่วยติดเตียง โดยมีเคสผู้ป่วย ทั้งหมด 585 ราย

  • เคสผู้ป่วยนอนติดเตียง (รายได้น้อย) คือกลุ่มเคส ที่มีบัตรนัดรับของสามารถมารับแพมเพิสผู้ใหญ่ได้ทุกเดือน  เป็นเคสประจำ  มี 85 คน  และแบ่งเป็น เคสเยี่ยมตามบ้าน มี 30 คน
  • เคสผู้ป่วยติดเตียง (ขอยืมเฉพาะอุปกรณ์ทางการแพทย์) คือกลุ่มเคสที่ยืมแต่อุปกรณ์การแพทย์ มี  102 ราย และอุปกรณ์ยังใช้งานอยู่
  • เคสผู้ป่วย ไม่ติดเตียง (รายได้น้อย) คือ กลุ่มเคสที่ ป่วยแต่ยังขยับตัวได้ ทำอะไรเองได้ ประกอบอาชีพได้  รับทั้งแพมเพิสผู้ใหญ่และอาหาร  มี 29 คน และ แบ่งเป็นเคสที่มีบัตรนัดมารับของเองประจำมี  17 คน   และเคสที่ไปเยี่ยมตามบ้านมี  12  คน
  • เคสผู้ป่วย ไม่ติดเตียง (ขอยืมเฉพาะอุปกรณ์ทางการแพทย์)  คือกลุ่มเคส ที่ยืมแต่อุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งฐานะทางบ้านไม่ได้ลำบากจนเกินไป 27 ราย  และอุปกรณ์ยังใช้งานอยู่
  • เคสรายได้น้อย  คือกลุ่มเคสที่หาเช้ากินค่ำ และรายได้น้อยเปราะบาง  เป็นเคสที่มีบัตรนัดรับข้าวสารอาหารแห้ง เป็นเคสประจำ  มี 47 คน
  • เคสสามารถดูแลตัวเองได้/มีญาติพี่น้องดูแล  คือกลุ่มเคสที่  ส่วนใหญ่ ขอครั้งเดียว และหายดีแล้ว มีญาติดูแลแล้ว และไม่ประสงค์รับอีก และบางรายถ้าฉุกเฉินเรื่องรายได้ จะติดต่อมาเพื่อรับแพมเพิสผู้ใหญ่และอาหาร  มี  295 คน

ปี 2566

ลงพื้นที่เยียมเยียนช่วยเหลือเคสผู้ป่วยติดเตียง โดยมีเคสผู้ป่วย ทั้งหมด 457 ราย

  • เคสผู้ป่วยนอนติดเตียง (รายได้น้อย) มีบัตรนัดรับของสามารถมารับแพมเพิสผู้ใหญ่ได้ทุกเดือน   มี 90 คน  และแบ่งเป็น เคสเยี่ยมตามบ้าน มี 50 คน
  • เคสผู้ป่วย ไม่ติดเตียง (รายได้น้อย) กลุ่มเคสที่ ป่วยแต่ยังขยับตัวได้ ทำอะไรเองได้ ประกอบอาชีพได้  รับทั้งแพมเพิสผู้ใหญ่และอาหาร  มี 37 คน และ แบ่งเป็นเคสที่มีบัตรนัดมารับของเองประจำมี  22 คน   และเคสที่ไปเยี่ยมตามบ้านมี  15คน
  • เคสรายได้น้อย  คือกลุ่มเคสที่หาเช้ากินค่ำ และรายได้น้อย ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง  เป็นเคสที่มีบัตรนัดรับข้าวสารอาหารแห้ง เป็นเคสประจำ  มี 60 คน
  • เคสสามารถดูแลตัวเองได้/มีญาติพี่น้องดูแล  กลุ่มเคสที่  ส่วนใหญ่ ขอครั้งเดียว และหายดีแล้ว มีญาติดูแลแล้ว และไม่ประสงค์รับอีก และบางรายถ้ายังฉุกเฉินเรื่องรายได้ จะติดต่อมาเพื่อรับแพมเพิสผู้ใหญ่และอาหาร  มี  270 คน

ปี 2567

งานลงพื้นที่เยียมเยียนช่วยเหลือเคสผู้ป่วยติดเตียง  โดยมีเคสผู้ป่วย ทั้งหมด 485 ราย  

  • เคสผู้ป่วยนอนติดเตียง (รายได้น้อย) มีบัตรนัดรับของสามารถมารับแพมเพิสผู้ใหญ่ได้ทุกเดือน   มี 95 คน  และแบ่งเป็น เคสเยี่ยมตามบ้าน มี 55 คน
  • เคสผู้ป่วย ไม่ติดเตียง (รายได้น้อย) กลุ่มเคสที่ ป่วยแต่ยังขยับตัวได้ ทำอะไรเองได้ ประกอบอาชีพได้  รับทั้งแพมเพิสผู้ใหญ่และอาหาร  มี 50 คน และ แบ่งเป็นเคสที่มีบัตรนัดมารับของเองประจำมี  30 คน   และเคสที่ไปเยี่ยมตามบ้านมี  20 คน
  • เคสรายได้น้อย  คือกลุ่มเคสที่หาเช้ากินค่ำ และรายได้น้อย ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง  เป็นเคสที่มีบัตรนัดรับข้าวสารอาหารแห้ง เป็นเคสประจำ  มี 75 คน
  • เคสสามารถดูแลตัวเองได้/มีญาติพี่น้องดูแล  กลุ่มเคสที่  ส่วนใหญ่ ขอครั้งเดียว และหายดีแล้ว มีญาติดูแลแล้ว และไม่ประสงค์รับอีก และบางรายถ้ายังฉุกเฉินเรื่องรายได้ จะติดต่อมาเพื่อรับแพมเพิสผู้ใหญ่และอาหาร  มี 265 คน

ปัจจุบันโครงการอาสามาเยี่ยมได้ให้ความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว ดังนั้นครอบครัวผู้ป่วยจึงรู้สึกยินดีและมีทางออกในเรื่องของปัญหาเรื่องภาระค่าใช้จ่ายอีกด้วย

บอกเล่าความประทับใจ

ป้าไม่มีใครแล้ว นอกจากมูลนิธิกระจกเงา หากไม่นับเพื่อนบ้าน พวกหนูๆมูลนิธิกระจกเงา คือคนไกลที่ไม่ไกล แต่ป้ารู้สึกถึงความใกล้ชิดมาก ขับรถดีๆนะ ขอให้พวกหนูๆ เจริญรุ่งเรือง

ป้าวันเพ็ญ กลิ่นสักโก ป้าวันเพ็ญ ตัวแกใหญ่ ทุกครั้งที่เรามาเยี่ยมป้าจะทักทายพวกเราด้วยสัมผัสแห่งความเอื้ออาทร

ยายเป็นสุขทุกครั้งที่พวกคุณมาเยี่ยมยาย เพราะรู้สึกว่าไม่ได้โดดเดี่ยว แม้ว่ายายจะอยู่คนเดียวก็ตาม ยายเดินลำบาก แต่ยายก็ได้ผ้าอ้อมจากพวกคุณ ได้ห้องน้ำใหม่ ขอให้พวกคุณเจริญๆ รวมทั้งมูลนิธิทุกท่าน

ยายเล็ก ยิ้มใหญ่ ยายเล็ก เชี่ยวชาญนวด ชอบทำอาหาร ชอบต่อยอดอาชีพ จากการช่วยเหลือของมูลนิธิกระจกเงา

รายงานการใช้เงิน

รายการจำนวนจำนวนเงิน (บาท)
ถุงกำลังใจต่อคนต่อเดือน 800 บาท ต่อ 1 เดือน

2,000ชุด1,600,000.00
ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ต่อคนต่อเดือน 450 บาท ต่อ 1 เดือน

2,000ห่อ900,000.00
รวมเป็นเงินทั้งหมด2,500,000.00
5 ม.ค. 2567

อัปเดตโครงการปี 63 อาสามาเยี่ยมช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง 550 ราย

ช่วงเวลาที่ทำกิจกรรม

1 ก.พ. 2563 - 31 ธ.ค. 2563

ตลอดปี 2563 ทีมงานอาสามาเยี่ยมจะลงพื้นที่ตามบ้านเพื่อเข้าไปพูดคุย ให้กำลังใจ พร้อมมอบสิ่งของจำเป็นให้ เช่น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ อุปกรณ์การแพทย์ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ป่วยและครอบครัว และยังลดภาระค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวในทุกๆ อาทิตย์ รวมถึงทุกๆ วันจันทร์สิ้นเดือน ทีมงานอาสามาเยี่ยมนัดให้ทางญาติผู้ป่วยที่เดินทางมารับผ้าอ้อมผู้ใหญ่เองได้ที่มูลนิธิกระจกเงา จึงแบ่งเบาค่าใช้จ่ายไปบ้างในบางส่วน

โครงการอาสามาเยี่ยมได้ให้ความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยเหลือครอบครัวผู้ป่วยมากถึง 550 ราย โดยการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้วยการช่วยเหลือเรื่องผ้าอ้อมผู้ใหญ่และอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ ซึ่งทางโครงการอาสามาเยี่ยมจะช่วยสนับสนุนครอบครัวละ 2 ห่อใหญ่ ต่อเดือน

รวมไปถึงในช่วงสถานการณ์ที่โรคโควิดระบาดหนัก ช่วงเดือน เมษายน 2563 ทางทีมงานได้รวมตัวกันแพ็คกล่องยังชีพส่งผ้าอ้อมผู้ใหญ่ให้แก่ครอบครัวที่มีผู้ป่วยติดเตียงและฐานะยากจนมากถึง 5,000 กล่องในช่วงเวลานั้น และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ที่ต้องช่วยเหลือในช่วงเวลานั้นจนถึงปัจจุบัน คืออาหารสำหรับผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารทางสายยางซึ่งมีราคาสูงจนทำให้ครอบครัวที่มีผู้ป่วยไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะซื้อ ดังนั้นครอบครัวผู้ป่วยจึงรู้สึกยินดีและมีทางออกในเรื่องของปัญหาเรื่องภาระค่าใช้จ่าย

ความประทับใจจากผู้ป่วย

วันเพ็ญ กลิ่นสักโก

เป็นโรคอ้วนมาตั้งแต่เด็ก เหนื่อยหอบง่าย โรคที่ติดตามความอ้วนมาคือ หัวใจ เบาหวาน ความดัน ปัจจุบันอาศัยอยู่คนเดียวลำพัง มีเพื่อนบ้านคอยหยิบยื่นอาหารให้บ้าง และมีทางทีมงานอาสามาเยี่ยมคอยไปเยี่ยมเยียน ถามไถ่ มอบข้าวสารอาหารแห้ง ทุกๆ 2-3 เดือน

ป้าวันเพ็ญ จะตื่นเต้น และดีใจทุกๆครั้งมีน้ำตาคลอ ตลอด ที่มีหน่วยงานดีๆแบบนี้มาเยี่ยมไม่หายไป นอกจากจะมีอาหารก็ยังมีกำลังใจมามอบให้เสมอๆ

วิชาญ พัวพัน

ปัจจุบันเดินไม่ได้ ป่วยติดเตียงมาหลายปี ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีภรรยาคอยดูแล อยู่กัน3คนตายายและหลานวัยเล็กๆ1คน คุณลุงวิชาญ แม้จะพูดไม่ชัด แต่ก็ยังพอสามารถสื่อสาร และเข้าใจในสิ่งที่เราพูดได้ เวลาทีมงานอาสามาเยี่ยม ไปลงพื้นที่บ้านคุณลุง ก็จะยิ้มแย้มตลอดทุกครั้งคุณลุงวิชาญ และภรรยาจะดีใจทุกครั้งที่ทีมงานไปเยี่ยม เพื่อมอบผ้าอ้อมผู้ใหญ่ของใช้คนป่วยและอาหารให้เพื่อให้ครอบครัวได้บรรเทาค่าใช้จ่ายในยามขัดสนได้ดี

และในช่วงเดือน เมษายน 2563 ทางโครงการอาสามาเยี่ยมได้แพ็คกล่องยังชีพส่งผ้าอ้อมผู้ใหญ่ให้แก่ครอบครัวที่มีผู้ป่วยติดเตียงและฐานะยากที่ได้รับผลกระทบ มากถึง 5,000 กล่องในช่วงสถานการณ์ที่โรคโควิดระบาดหนัก 

5 ม.ค. 2567

อัปเดตโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงปี 62 จำนวน 260 คน

ช่วงเวลาที่ทำกิจกรรม

1 ม.ค. 2562 - 31 ธ.ค. 2562

ตลอดปี 2562 ทีมงานอาสามาเยี่ยมจะลงพื้นที่ตามบ้านเพื่อเข้าไปพูดคุย ให้กำลังใจ พร้อมมอบสิ่งของจำเป็นให้ เช่น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ อุปกรณ์การแพทย์ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ป่วยและครอบครัว และยังลดภาระค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวในทุกๆ อาทิตย์ รวมถึงทุกๆ วันจันทร์สิ้นเดือน ทีมงานอาสามาเยี่ยมนัดให้ทางญาติผู้ป่วยที่เดินทางมารับผ้าอ้อมผู้ใหญ่เองได้ที่มูลนิธิกระจกเงา จึงแบ่งเบาค่าใช้จ่ายไปบ้างในบางส่วน

โครงการอาสามาเยี่ยมได้ให้ความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยเหลือครอบครัวผู้ป่วยมากถึง 260 ราย โดยการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้วยการช่วยเหลือเรื่องผ้าอ้อมผู้ใหญ่และอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ ซึ่งทางโครงการอาสามาเยี่ยมจะช่วยสนับสนุนครอบครัวละ 2 ห่อใหญ่ ต่อเดือน ดังนั้นครอบครัวผู้ป่วยจึงรู้สึกยินดีและมีทางออกในเรื่องของปัญหาเรื่องภาระค่าใช้จ่าย