cover_1

ADOPT A GRANNY ปันสุขผู้สูงวัย

เงินบริจาคของคุณจะสนับสนุนค่าอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และยาสามัญประจำบ้านให้กับผู้สูงอายุยากไร้ที่ถูกทอดทิ้ง500คน

project succeeded
โครงการสำเร็จแล้ว
18 มี.ค. 2568

รายงานปิดโครงการการดำเนินการและการทำงานโครงการADOPT A GRANNY ปันสุขผู้สูงวัย ปี 2567

ช่วงเวลาที่ทำกิจกรรม

1 ม.ค. 2567 - 30 ธ.ค. 2567

พื้นที่ที่ทำกิจกรรม

97 ชุมชนในพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ( แขวงนครพิงค์, แขวงกาวิละ, แขวงศรีวิชัย และ แขวงเม็งราย) จ.เชียงใหม่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ตำบลสะเมิงใต้ ต.สะเมิงใต้ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ 50250อำเภอแม่สอด ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก 63110

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ

ผู้สูงอายุ
500คน

มีกิจกรรมที่เกิดขึ้นตลอดปี 2567 ต่อไปนี้

ลงพื้นที่เยี่ยมเก็บข้อมูลผู้สูงอายุร่วมกับอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน พื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่

ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเก็บข้อมูลผู้สูงอายุ ชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ 300 คน โดยแบ่งพื้นที่เป็น 4 แขวง ได้แก่ แขวงนครพิงค์ แขวงกาวิละ แขวงเม็งราย แขวงศรีวิชัย การเก็บข้อมูลครั้งนี้ได้มีการเก็บข้อมูลประวัติส่วนตัว ข้อมูลด้านสุขภาพ ผลการเก็บข้อมูลด้านสุขภาพพบว่า ผู้สูงอายุที่อยู่กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง  (NCDs) พบว่าผู้สูงอายุที่มีโรคความดันโลหิตมีจำนวน 39.0% โรคเบาหวาน 12.8% โรคไขมันในเลือด 14.1%  โรคหัวใจ 4.7% โรคหลอเหลือสมองตีบ 3.9%  โรคอื่น ๆ 2.5% และยังพบว่าผู้สูงอายุบางคนมีอาการของโรคอัลไซเมอร์ และโรคซึมเศร้า มีอาการของข้อเข่าเสื่อมเป็นต้น ลักษณะการอยู่อาศัยกับสมาชิกครอบครัว พบว่าผู้สูงอายุอยู่กับลูกหลาน 60.9% อยู่ลำพังกับคู่สมรส 14.1% อยู่ลำพังคนเดียว 7.8%  อยู่กับญาติ 5.1%  แหล่งที่มาของรายได้ พบว่าผู้สูงอายุมีรายได้จากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 46.7% ได้รับจากลูกหลาน 33.7%  จากเบี้ยคนพิการ 12.2% จากการประกอบอาชีพ 6.6%  โดยผู้สูงอายุทั้งหมดนี้ได้รับการเห็นชอบในการดูแล จากอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน ให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแล และได้รับการช่วยเหลือ

ประเมินภาวะสุขภาพผู้สูงอายุยากไร้ ด้วยการ วัดความดัน, วัดปริมาณอ๊อกซิเจนปลายนิ้ว และประเมินกิจวัตรประจำวัน ADL พื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่

ลงพื้นที่ร่วมกับอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน เยี่ยมและตรวจสุขภาพเบื้องต้นให้กับผู้สูงอายุ ประกอบด้วย การวัดความดัน การวัดปริมาณอ๊อกซิเจนปลายนิ้ว รวมถึงติดตามแผนการดูแล และมีการประเมินกิจวัตรประจำวัน หรือ ADL ทุก ๆ 3 เดือน พร้อมกับจัดทำแผนการดูแลร่วมกับที่ปรึกษาโครงการ ข้อมูลจากการประเมิน ADL พบว่าผู้สูงอายุที่ยังสามารถพึ่งพาตนเองได้มีจำนวน 26% ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพาปานกลางมีจำนวน 19% ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพารุนแรงมีจำนวน 20% และผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพาโดยสมบูรณ์มีจำนวน 26%  จึงได้วางแผนลงพื้นที่ร่วมกับอาสาสมัคร และ ประเมินภาวะสุขภาพ เฉลี่ย เดือนละ 1 ครั้ง สำหรับผู้สูงอายุที่ยังสามารถพึ่งพาตนเองได้ และ 2 ครั้งต่อเดือน สำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพาปานกลาง และ 3 ครั้งต่อเดือน สำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพารุนแรง และ 4 ครั้งงต่อเดือนสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพาโดยสมบูรณ์  รวมถึงการติดตามอาการจาก อาสาสมัคร 

กิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ เนื่องในเทศกาลปี๋ใหม่เมือง หรือเทศกาลสงกรานต์

ทีมงานโครงการจัดกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ และอาสาสมัคร เนื่องในเทศกาลปี๋ใหม่เมือง หรือเทศกาลสงกรานต์ เพื่อเป็นการรักษาประเพณีสำคัญของไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และยังถือเป็นการแสดงความเคารพและขอพรจากผู้สูงอายุ รวมถึงเป็นการแสดงความรักและความกตัญญูกตเวทีต่อท่าน แลัะแสดงถึงความอ่อนน้อมและการขอให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรงและชีวิตที่ดีต่อไป โดยของดำหัวประกอบด้วย กระเทียม น้ำผลไม้ กุนเชียง ข้าวแต๋น เป็นต้น

การมอบสิ่งของช่วยเหลือ ตามความจำเป็นพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่

ในระหว่างดำเนินงานโครงการได้ดำเนินการช่วยเหลือมอบสิ่งของช่วยเหลือตามความจำเป็นโดยสิ่งของที่มอบให้มีผลในการช่วยบรรเทาความลำบากในการดำเนินชีวิตประจำวัน และลดค่าใช้จ่ายเบื้องต้นให้กับผู้สูงอายุ และครอบครัว ประกอบด้วย ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ยาสามัญประจำบ้าน เป็นต้น 

ส่งมอบสิ่งของช่วยเหลือในสถานการณ์เร่งด่วน พื้นที่อำเภอสะเมิง ตำบลสะเมิงใต้ จังหวัดเชียงใหม่

การส่งมอบสิ่งของช่วยเหลือในสถานการณ์เร่งด่วน ในพื้นที่ตำบลสะเมิงใต้  เพื่อทดแทนอันเก่า ที่ชำรุดและเสียหาย ซึ่งจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้สูงอายุได้ โดยการประสานงานขอความช่วยเหลือจาก อาสาสมัครสาธารณสุขมูลฐาน (อสม.) และชมรมผู้สูงอายุตำบลสะเมิงใต้ การมอบสิ่งของเร่งด่วนผู้สูงอายุยรถเข็น Wheelchair จำนวน  1  คน และได้รับไม้เท้า จำนวน  15  คน  การส่งมอบสิ่งของช่วยเหลือในครั้งนี้ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งหวังที่จะลดความเดือดร้อน

ประเมินภาวะสุขภาพผู้สูงอายุ ตรวจสุขภาพ มอบยาสามัญประจำบ้านให้ผู้สูงอายุ พื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

ทีมงานลงพื้นที่ประเมินภาวะสุขภาพผู้สูงอายุ เก็บข้อมูลผู้สูงอายุ และให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพ จำนวน 50 ราย และผู้สูงอายุได้รับยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้ไข้ ยาแก้แพ้และยาทาภายนอก ที่จำเป็นสำหรับการดูแลตัวเองในกรณีฉุกเฉินหรืออาการเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้มีการติดตามสุขภาพร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขมูลฐาน ในพื้นที่ด้วย

มอบยาสามัญประจำบ้านให้กับผู้สูงอายุหลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

ในช่วงเดือนตุลาคม ชุมชนที่อยู่ในโครงการได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจำนวน 16 ชุมชน มีผู้สูงอายุ และอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจำนวน 100 คน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนหลังน้ำท่วมน้ำท่วมพบว่าผู้สูงอายุมีความต้องการยาน้ำกันเท้า ยากันยุ้ง ทางโครงการจึงได้มีการวางแผนช่วยเหลือ โดยการมอบยาสามัญประจำบ้านและอุปกรณ์การดูแลสุขภาพเบื้องต้นให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมกับให้กำลังใจ

การช่วยเหลือดูแล และแนะนำการทำกายภาพบำบัด

เนื่องจากผู้สูงอายุที่ดูแลเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง ต้องการการทำกายภาพ และฝึกเดิน ทางโครงการจึงจัดกิจกรรมฝึกการเคลื่อนไหวให้กับผู้สูงอายุ รวมถึงแนะนำการใช้อุปกรณ์ในการช่วยการทำกายภาพ (ช้างจับมือ) ทุกๆ ครั้งที่ลงเยี่ยม เพื่อเป็นการบริหารกล้ามเนื้อนิ้วมือ สำหรับผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง และบรรจุกิจกรรมกายภาพ ลงในแผนดูแลสุขภาพส่วนบุคคลตามอาการของผู้สูงอายุ และมีการติดตามโดยอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน

บอกเล่าความประทับใจ

ยายดีใจมาก ๆ ที่มูลนิธิฯ และอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านมาเยี่ยมเยียนและให้ความช่วยเหลือยายอยู่ตลอดเวลา ยายรู้สึกดีใจและอบอุ่นมากที่มีคนใส่ใจมาเยี่ยมและตรวจสุขภาพ และยังได้เอาผ้าอ้อมผู้ใหญ่ที่มีความจำเป็นมากสำหรับยาย

ยายยุพา พุทธวงค์ อายุ 79 ปี ผู้สูงอายุชุมชนทิพยเนตร เทศบาลนครเชียงใหม่

ยายมักจะกังวลเรื่องสุขภาพ เพราะยายมีโรคประจำตัวเป็นไต ต้องไปฟอกไต และเป็นโรคความดันสูง แต่การที่มีมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ และอาสาสมัครมาดูแลผู้สูงอายุ มาดูแลและให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ทำให้รู้สึกมั่นใจและสบายใจมากขึ้น รู้สึกเหมือนว่ามีคนคอยห่วงใยและพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกเมื่อ

ยายก๋องคำ กันธิ อายุ 77 ปี ผู้สูงอายุชุมชนบ้านแพะ เทศบาลนครเชียงใหม่

ตาขอขอบคุณจากใจจริงสำหรับการได้รับรถเข็นที่จะช่วยให้ชีวิตประจำวันของตา สะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้ตาต้องใช้รถเข็นคันเก่า ที่พุพัง และเคลื่อนไหวด้วยความลำบาก แต่หลังจากที่ได้รับรถเข็นไป สามารถเคลื่อนที่ได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องกลัวการล้มหรือบาดเจ็บจากการเดิน

ตาอิ่นคำ เพชรเตปิน อายุ 77 ปี ผู้สูงอายุตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่

รายงานการใช้เงิน

รายการจำนวนจำนวนเงิน (บาท)
กองทุนสนับสนุนการทำงานและช่วยเหลือผู้สูงอายุ

สนับสนุนค่าอาหารตามหลักโภชนาการ, ของใช้จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ เช่น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ และแผ่นรองซับ, ยาสามัญประจำบ้าน

500คน2,445,615.09
รวมเป็นเงินทั้งหมด2,445,615.09
7 มี.ค. 2567

อัปเดตโครงการลงพื้นที่เยี่ยมผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน 2566

ช่วงเวลาที่ทำกิจกรรม

7 มี.ค. 2567 - 7 มี.ค. 2567

โครงการ ADOPT A GRANNY ปันสุขผู้สูงวัย เฟส 2 ดำเนินการช่วยเหลือผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปาง และจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อระดมทุนผ่านแพลทฟอร์มเทใจในการปันสุขให้ผู้สูงวัยจำนวน 500 คน ด้วยการสนับสนุนค่าอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสม เครื่องนุ่งห่มที่เหมาะสมกับสภาวะอากาศ และยาสามัญประจำบ้านแก่สูงอายุยากไร้ และผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับการดูแล เดือนละ 350 บาทหรือ 4,200 บาทต่อปี

ดำเนินงานในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ 97 ชุมชน กลไกการเยี่ยมบ้าน โครงการจะดำเนินงานโดย บั๊ดดี้โฮมแคร์ ซึ่งเป็นส่วนธุรกิจเพื่อสังคมของมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ ร่วมกับอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเขตเมืองเชียงใหม่ หรือ ช.อ.บ. อาสาสมัครสาธารณสุขมูลฐานประจำหมู่บ้าน (อสม.) มีกิจกรรมหลัก 3 อย่างด้วยกันคือ

  1. ลงพื้นที่เยี่ยม ผู้สูงอายุยากไร้ โดยพูดคุย สอบถาม ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2566 โครงการได้มีการลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ 300 คน (จากเป้าหมาย 500 คน) และในการลงเยี่ยมนี้ มีการเก็บข้อมูลประวัติสุขภาพของผู้สูงอายุ พื้นที่ชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ และในปี 2566 โครงการได้ขยายพื้นที่ ในพื้นที่อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่าเป็นผู้สูงอายุวัยปลาย อายุ 80 ปีขึ้นไป เป็นผู้สูงอายุวัยกลาง อายุระหว่าง 70-79 ปี เป็นผู้สูงอายุวัยต้น อายุระหว่าง 60-69 ปี และที่น่าสนใจคือ มีผู้ที่ยังอายุไม่ถึง 60 ปี ยังไม่เป็นผู้สูงอายุ แต่มีภาวะพึ่งพิง มีความชราภาพ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ อยู่ในกลุ่มนี้ โดยเป็นกลุ่มที่อาสาสมัครในชุมชนลงความเห็นว่าเป็นผู้ยากไร้ต้องการคนช่วยเหลือดูแล 
  2. ประเมินภาวะสุขภาพผู้สูงอายุยากไร้ ด้วยการ วัดความดัน, วัดปริมาณอ๊อกซิเจนปลายนิ้ว, วัดไข้ และคำนวณค่า BMI เพื่อประเมินภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรค จากการลงพื้นที่เยี่ยมผู้สูงอายุยากไร้ และสอบถามปัญหาด้านสุขภาพ วิเคราะห์ความทุกข์ของปัญหาจากข้อมูลผู้สูงอายุ 300 คน พบว่าผู้สูงอายุเป็นโรคความดันโลหิตสูง มีไขมันในเลือดสูง และเป็นโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นโรคที่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ส่วนโรคที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกายพบ โรคอัลไซเมอร์/สมองเสื่อม  และข้อเข่าเสื่อม นอกจากภาวะโรคของผู้สูงอายุแล้ว ยังมีอาการทางกายที่แทรกซ้อนในกลุ่มผู้สูงอายุตามฐานข้อมูลของโครงการ คือ มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง  มีภาวะกระดูกเสื่อม และมีอาการอัมพฤกษ์หรืออัมพาต ส่วนอาการทางจิตที่พบ มีผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า และผู้ที่มีอาการกังวลและอารมณ์แปรปรวน 
  3. ให้คำแนะนำด้านการ ดูแลเรื่องสุขอนามัย อาหาร โภชนาการ การมอบของใช้จำเป็นเร่งด่วนให้ผู้สูงอายุ ในทุก ๆ 3 เดือน สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง และ กลุ่มผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงโดยสมบูรณ์ จะใช้กระบวนการลงไปตรวจและประเมินภาวะสุขภาพที่บ้าน โดยมีการเก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อติดตามประเมินการเปลี่ยนแปลงทางภาวะสุขภาพ และใช้กิจกรรมต่างๆ มาส่งเสริม ฟื้นฟู ให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพกาย/จิต ดีขึ้น หรือคงสภาพให้ลดภาวะการพึ่งพิงได้มากที่สุด โดย 
    การให้คำแนะนำด้านการ ดูแลเรื่องสุขอนามัย
    เนื่องจากผู้สูงอายุกลุ่มที่มีภาวะพึ่งพิง ต้องการคนดูแล โครงการ ADOPT A GRANNY ปันสุขผู้สูงวัย สามารถลงพื้นที่เข้ามาเยี่ยมได้เพียง 2-4 ครั้งต่อเดือน จึงมีการกำหนดแผนการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลร่วมกับอาสาสมัคร และญาติ เพื่อช่วยกันดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงเข้าไปอบรมเสริมทักษะให้อาสาสมัครและญาติในการดูแลที่ถูกวิธี 
    การช่วยเหลือดูแลเรื่องอาหาร และโภชนาการ
    ในช่วงเดือน เมษายน-มิถุนายน และเดือน ตุลาคม-ธันวาคม 2566 ได้ช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ทั้งหมดมีโรคประจำตัวเรื้อรังที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต พฤติกรรมการกิน รวมถึงได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอ บางรายต้องรับประทานอาหารค้างคืน เนื่องจากมีความจำเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย โครงการจึงจัดกิจกรรมร่วมกับอาสาสมัครในการปรุงอาหารสุกใหม่ จัดทำปิ่นโตปันสุขมอบอาหารพื้นเมืองที่มีส่วนประกอบของผักพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยาสมุนไพร เพื่อช่วยเสริมโภชนาการให้เหมาะกับโรค รวมถึงงมอบอาหารที่สามารถเก็บไว้รับประทานได้หลายวัน เช่น ไข่ไก่ นม อาหารเสริม เป็นต้น 
    การมอบสิ่งของช่วยเหลือตามจำเป็น และเร่งด่วน
    ในระหว่างดำเนินงานโครงการในระยะช่วงเดือน กรกฎาคม-กันยายน และตุลาคม-พฤศจิกายน 2566 ได้ดำเนินการช่วยเหลือในโอกาสที่มีสถานการณ์เร่งด่วนที่ยิ่งทำให้ผู้สูงอายุมีความเปราะบางยิ่งขึ้น หรือภาวะความยากจน ขาดปัจจัยด้านอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่ มุ้ง ยารักษาโรค หรือไม้เท้าพยุงเดิน โครงการได้จัดสรรสิ่งของช่วยเหลือตามจำเป็นต่อสถานการณ์นั้น 
    การช่วยเหลือดูแลเรื่องกายภาพบำบัด
    เนื่องจากผู้สูงอายุที่มีอาการอัมพฤกษ์อัมพาตและกล้ามเนื้ออ่อนแรง ต้องการการทำกายภาพ และฝึกเดิน ทางโครงการจึงจัดกิจกรรมฝึกเดิน และนวดผ่อนคลาย รวมถึงแนะนำการใช้อุปกรณ์ในการช่วยการทำกายภาพ (ช้างจับมือ) ทุกๆ ครั้งที่ลงเยี่ยม และบรรจุกิจกรรมกายภาพ และฝึกเดินลงในแผนดูแลสุขภาพส่วนบุคคลตามอาการของผู้สูงอายุ และมีการติดตามโดยอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน 

ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์


 
4 ม.ค. 2567

อัปเดตโครงการผลการดำเนินโครงการ ตั้งแต่ พ.ค. 63 - พ.ค. 64

ช่วงเวลาที่ทำกิจกรรม

1 พ.ค. 2563 - 1 พ.ค. 2564

ช่วยเหลือผู้สูงอายุใน 3 พื้นที่ รวม 600 คน และกลไกเยี่ยมบ้านในเขตเมืองอีก 111 คน

โครงการ ADOPT A GRANNY ปันสุขผู้สูงวัย เฟสที่ 2 ดำเนินการระหว่าง พ.ค. 2563 – พ.ค. 2564 ระยะเวลา 1 ปี เพื่อปันสุขให้ผู้สูงวัย ด้วยการสนับสนุนค่าอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสม เครื่องนุ่งห่มที่เหมาะสมกับสภาวะอากาศ และยาสามัญประจำบ้านแก่สูงอายุยากไร้ที่ถูกทอดทิ้ง เดือนละ 300 บาท หรือ 3,600 บาทต่อปี ดำเนินงานใน 3 พื้นที่รวมทั้งสิ้น 600 คน ได้แก่

  • ผู้สูงอายุยากไร้ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ 97 ชุมชน
  • ผู้สูงอายุยากไร้นอกเขตเทศบาล ประกอบด้วย อ.สะเมิง อ.ฝาง อ.แม่อาย อ.จอมทอง อ.กัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่
  • ผู้สูงอายุยากไร้ในพื้นที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย และ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง 

กลไกการเยี่ยมบ้าน โครงการจะดำเนินงานโดย บั๊ดดี้โฮมแคร์ ซึ่งเป็นส่วนธุรกิจเพื่อสังคมของมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ ร่วมกับอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเขตเมืองเชียงใหม่ หรือ ช.อ.บ. จำนวน 111 คน และกลุ่มอาสาสมัครในพื้นที่นอกเขตเทศบาล เฉลี่ยพื้นที่ละ 20 คน รวมจำนวนอาสาสมัครทั้งสิ้น 251 คน โดยมีกิจกรรมหลัก 3 อย่างด้วยกันคือ

 

4 ม.ค. 2567

อัปเดตโครงการปรุงอาหารสุกลงพื้นที่มอบให้แก่ผู้สูงอายุในชุมชนเชียงยืน และชุมชนป่าเป้า 10 ราย

ช่วงเวลาที่ทำกิจกรรม

2 เม.ย. 2563 - 2 เม.ย. 2563

ทีมงานบั๊ดดี้โฮมแคร์ มูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ ปรุงอาหารสุกลงพื้นที่มอบให้แก่ผู้สูงอายุในชุมชนเชียงยืน และชุมชนป่าเป้า เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ 10 ราย โดยใช้งบประมาณจาก โครงการ Adopt A Granny ปันสุขผู้สูงวัย ในธีม อาหารจากคนเฒ่าถึงคนเฒ่า

โดยอาหารที่ปรุงเป็น แกงส้มปลาทับทิมใส่ดอกแค ผัดบ่ะห่อย (มะระขี้นก) ทานกับข้าวกล้อง และตบท้ายด้วยผลไม้ แอปเปิ้ล ส้ม และองุ่น

ทีมงานบั๊ดดี้โฮมแคร์ได้รับประสานจาก ไทยพีบีเอส เพื่อเข้าขอสัมภาษณ์ทีมงาน และผู้สูงอายุ ในประเด็นการเข้าไปดูแลที่บ้านในช่วงรักษาระยะห่างทางสังคม โดยน้องแบงค์เป็นผู้ให้สัมภาษณ์เล่าถึงที่มาของโครงการ และการปฏิบัติตัวเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อหรือแพร่กระจายในภาวะแพร่ระบาดของโควิด-19

จากการลงเยี่ยมในชุมชน พบว่าผู้สูงอายุ และคนในชุมชน ส่วนใหญ่มีความตื่นตัวต่อสถานการณ์โควิด แต่ยังคงต้องดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติต่อไป ด้วยภาวะความยากจน รายได้ไม่เพียงพอ รวมถึงข้อจำกัดในการเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกัน ทางทีมงานพยายามใช้เวลากับแต่ละเคสสั้นๆ เพียง 3-5 นาที เพื่อลดความเสี่ยงจากการสนทนาใกล้ชิดนานเกินไป

ข้อควรระวังอีกอย่างคือ เนื่องจากผู้สูงอายุ มีความผูกพันธ์ และรู้จักสนิทสนมกับอาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี จึงยังคงจับไม้จับมือ กับอาสา และเจ้าหน้าที่ จึงต้องมีการชวนผู้สูงอายุใช้เจลล้างมือให้สะอาดหลังการสัมผัสทุกครั้ง

สำหรับชุดเสื้อกันฝน ที่ทีมงานสวมเพื่อป้องกัน ทั้งป้องกันที่จะเสี่ยงแพร่เชื้อให้ผู้สูงอายุ/ป้องกันไม่ให้รับเชื้อเข้าสู่ตนเอง ทำได้เพียงช่วงสั้นๆ เนื่องจากหลังเข้าไปพบผู้สูงอายุแต่ละเคส ถูกสัมผัสตัวทุกเคส ซึ่งทำให้จำเป็นต้องเปลี่ยนทุกครั้งที่ไปแต่ละบ้าน อาจสิ้นเปลืองและเกินความจำเป็น จึงใช้วิธีล้างมือฆ่าเชื้อทุกครั้งแทน

ผลจากการลงเยี่ยม ผู้สูงอายุยินดี ดีใจ และมีความสุขจากการที่อาสาและทีมงาน ยังระลึกถึง ลงไปเยี่ยม ส่วนทีมงานนั้นเป็นลมจากการสวมชุดป้องกัน ที่รับรองได้ว่า ไม่มีเหงื่อและสารคัดหลั่งหลุดรอดออกไปจากเสื้อฝนและถุงมือได้

4 ม.ค. 2567

อัปเดตโครงการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง 97 ชุมชน ในจังหวัดเชียงใหม่

ช่วงเวลาที่ทำกิจกรรม

11 มี.ค. 2563 - 11 มี.ค. 2563

โครงการ ADOPT A GRANNY ปันสุขผู้สูงวัย ในการดำเนินการระหว่างเดือน พ.ค. 2562 - มี.ค. 2563 ระยะเวลา 1 ปี เพื่อระดมทุนผ่านแพลทฟอร์มเทใจในการปันสุขให้ผู้สูงวัย 220 คน ด้วยการสนับสนุนค่าอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสม เครื่องนุ่งห่มที่เหมาะสมกับสภาวะอากาศ และยาสามัญประจำบ้านแก่สูงอายุยากไร้ที่ถูกทอดทิ้ง เดือนละ 350 บาทหรือ 4,200 บาทต่อปี ดำเนินงานในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ 97 ชุมชน

กลไกการเยี่ยมบ้าน โครงการจะดำเนินงานโดย บั๊ดดี้โฮมแคร์ ซึ่งเป็นส่วนธุรกิจเพื่อสังคมของมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ ร่วมกับอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเขตเมืองเชียงใหม่ หรือ ช.อ.บ. จำนวน 111 คน โดยมีกิจกรรมหลัก 3 อย่างด้วยกันคือ

1. ลงพื้นที่เยี่ยม ผู้สูงอายุยากไร้ โดยพูดคุย สอบถาม  

ในระยะดำเนินงาน (พ.ค. 2562 - มี.ค. 2563) ได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ 214 คน (จากเป้าหมาย 220 คน) และในการลงเยี่ยมนี้ มีการเก็บข้อมูลประวัติสุขภาพของผู้สูงอายุ พบว่าร้อยละ 44 เป็นผู้สูงอายุวัยปลาย อายุ 80 ปีขึ้นไป ร้อยละ 33 เป็นผู้สูงอายุวัยกลาง อายุระหว่าง 70-79 ปี ร้อยละ 21 เป็นผู้สูงอายุวัยต้น อายุระหว่าง 60-69 ปี และที่น่าสนใจคือ มีผู้ที่ยังอายุไม่ถึง 60 ปี ยังไม่เป็นผู้สูงอายุ แต่มีภาวะพึ่งพิง มีความชราภาพ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ อยู่ในกลุ่มนี้ ร้อยละ 1 โดยเป็นกลุ่มที่อาสาสมัครในชุมชนลงความเห็นว่าเป็นผู้ยากไร้ต้องการคนช่วยเหลือดูแล

จากการวิเคราะห์ภาวะพึ่งพิงโดยใช้เกณฑ์การดำเนินกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง (ADL) พบว่าร้อยละ 81 (174 คน กลุ่มสีเขียว) ยังสามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่มีความเสี่ยงจากภาวะความยากจน และอาศัยในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม กลุ่มนี้สามารถเตรียมตัวเพื่อลดภาวะพึ่งพิงในอนาคตได้ ร้อยละ 16 (33 คน กลุ่มสีแสดและสีแดง) มีภาวะพึ่งพิงโดยสมบูรณ์ ต้องการการสนับสนุนเยี่ยมบ้านช่วยเหลือด้านสุขภาพและกิจวัตรประจำวัน ร้อยละ 3 (7 คน กลุ่มสีเหลือง) มีภาวะพึ่งพิง แต่หากได้รับการดูแลฟื้นฟูสุขภาพที่เหมาะสม สม่ำเสมอ จะสามารถกลับมาช่วยเหลือตนเองได้ หรือยืดระยะเวลาไม่ให้ตกไปเป็นกลุ่มที่มีภาวะพึ่งพิงโดยสมบูรณ์ได้

การลงพื้นที่เยี่ยมผู้สูงอายุยากไร้ ด้วยการเข้าไปถามไถ่พูดคุย ทำให้ได้ข้อมูลปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุ จากนั้นบันทึกข้อมูลเหล่านี้ไว้เพื่อนำมาวิเคราะห์จัดกิจกรรมให้เหมาะสมต่อไป

2. ประเมินภาวะสุขภาพผู้สูงอายุยากไร้ ด้วยการ ชั่งน้ำหนัก, วัดความดัน, ส่วนสูง, และคำนวณค่า BMI เพื่อประเมินภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรค

จากการลงพื้นที่เยี่ยมผู้สูงอายุยากไร้ และสอบถามปัญหาด้านสุขภาพ วิเคราะห์ความชุกของปัญหาจากข้อมูลผู้สูงอายุ 214 คน พบว่า

โรคประจำตัว 5 อันดับแรก ของผู้สูงอายุในฐานข้อมูลโครงการ

ผู้สูงอายุร้อยละ 74 เป็นโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 19 มีไขมันในเลือดสูง และร้อยละ 11 เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นโรคที่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ส่วนโรคที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกายพบ โรคอัลไซเมอร์/สมองเสื่อม ร้อยละ 15 และข้อเข่าเสื่อม ร้อยละ 7

อาการทางกาย/จิต 5 อันดับแรกของผู้สูงอายุในฐานข้อมูลโครงการ

นอกจากภาวะโรคของผู้สูงอายุแล้ว ยังมีอาการทางกายที่มีความชุกในกลุ่มผู้สูงอายุตามฐานข้อมูลของโครงการคือ ร้อยละ 28 มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ร้อยละ 26 มีภาวะกระดูกเสื่อม และ ร้อยละ 15 มีอาการอัมพฤกษ์หรืออัมพาต ส่วนอาการทางจิตที่พบมี ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า ร้อยละ 11 และผู้ที่มีอาการกังวลและอารมณ์แปรปรวน ร้อยละ 6

เมื่อวิเคราะห์ความชุกของโรคประจำตัว และอาการทางกาย/จิต ของกลุ่มผู้สูงอายุที่โครงการดูแล จึงได้วางแผนจัดกิจกรรมประเมินภาวะสุขภาพ เฉลี่ย เดือนละ 1 ครั้ง สำหรับผู้สูงอายุที่ยังสามารถพึ่งพาตนเองได้ (174 คน กลุ่มสีเขียว) และ 2 ครั้งต่อเดือน สำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (7 คน กลุ่มสีเหลือง) และ 4 ครั้งต่อเดือน สำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงโดยสมบูรณ์ (33 คน กลุ่มสีแสดและสีแดง)

กระบวนการตรวจและประเมินภาวะสุขภาพ จะเข้าไปตั้งโต๊ะประเมินที่ศูนย์ของชุมชน เพื่อให้กลุ่มสีเขียว สามารถเข้ามาตรวจรวมกันที่ศูนย์ได้ครั้งละ 20-60 คน โดยกลุ่มนี้จะมีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลเฝ้าระวังสุขภาวะให้สามารถเตรียมตัวเพื่อลดภาวะพึ่งพิงในอนาคตได้ จะมีกิจกรรมวัดสมรรถภาพต่างๆ เช่น การบีบลูกบอลวัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การคัดกรองภาวะซึมเศร้า ความเครียด ชั่งน้ำหนัก คำนวณค่า BMI เพื่อทราบภาวะอ้วนหรือผอมเกินไป ประเมินภาวะทุพโภชนาการ วัดความดันโลหิต วันส่วนสูง รวมถึงประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ และให้คำปรึกษาในการดูแลตนเอง

3. ให้คำแนะนำด้านการ ดูแลเรื่องสุขอนามัย ทำความสะอาด อาหาร โภชนาการ กายภาพบำบัด และปรับปรุงที่อยู่อาศัย

สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (7 คน กลุ่มสีเหลือง) และ กลุ่มผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงโดยสมบูรณ์ (33 คน กลุ่มสีแสดและสีแดง) จะใช้กระบวนการลงไปตรวจและประเมินภาวะสุขภาพที่บ้าน โดยมีการเก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อติดตามประเมินการเปลี่ยนแปลงทางภาวะสุขภาพ และใช้กิจกรรมต่างๆ มาส่งเสริม ฟื้นฟู ให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพกาย/จิต ดีขึ้น หรือคงสภาพให้ลดภาวะการพึ่งพิงได้มากที่สุด โดย

การให้คำแนะนำด้านการ ดูแลเรื่องสุขอนามัย

เนื่องจากผู้สูงอายุกลุ่มนี้รวม 40 คน มีภาวะพึ่งพิง ต้องการคนดูแล โครงการ ADOPT A GRANNY ปันสุขผู้สูงวัย สามารถลงพื้นที่เข้ามาเยี่ยมได้เพียง 2-4 ครั้งต่อเดือน จึงมีการกำหนดแผนการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลร่วมกับอาสาสมัคร และญาติ เพื่อช่วยกันดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงเข้าไปอบรมเสริมทักษะให้อาสาสมัครและญาติในการดูแลที่ถูกวิธี

การช่วยเหลือทำความสะอาด

ภาวะสุขภาพที่ไม่ดีของผู้สูงอายุ หลายกรณีเกิดจากความสกปรก สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม อากาศอับชื้น แสงสว่างในบ้านไม่เพียงพอ และรวมถึงมีสิ่งของเกะกะขวางทางเดิน ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุเกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้มได้ นอกจากให้คำแนะนำแล้ว ทางโครงการยังต้องช่วยผู้สูงอายุจัดบ้าน ทำความสะอาด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและการบาดเจ็บ

การช่วยเหลือดูแลเรื่องอาหาร และโภชนาการ

ผู้สูงอายุ 40 คน ที่มีภาวะพึ่งพิง ทั้งหมดมีโรคประจำตัวเรื้อรังที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต พฤติกรรมการกิน รวมถึงได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอ โครงการจึงจัดกิจกรรมร่วมกับอาสาสมัครในการปรุงอาหารสุกใหม่ เป็นอาหารพื้นเมืองที่มีส่วนประกอบของผักพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยาสมุนไพร เพื่อช่วยเสริมโภชนาการให้เหมาะกับโรค มีการจัดกิจกรรม กับข้าวคุณตา-อาหารคุณยาย แล้วนำไปมอบให้ผู้สูงอายุแล้ว 4 ครั้ง จำนวน 40 คน

การช่วยเหลือดูแลเรื่องกายภาพบำบัด

เนื่องจากผู้สูงอายุที่มีอาการอัมพฤกษ์อัมพาตและกล้ามเนื้ออ่อนแรง รวม 33 คน ต้องการการทำกายภาพ และฝึกเดิน ทางโครงการจึงจัดกิจกรรมฝึกเดิน และนวดผ่อนคลาย ทุกๆ ครั้งที่ลงเยี่ยม และบรรจุกิจกรรมกายภาพ และฝึกเดินลงในแผนดูแลสุขภาพส่วนบุคคลตามอาการของผู้สูงอายุ

การช่วยเหลือปรับปรุงที่อยู่อาศัย

ในระหว่างการเยี่ยมบ้าน โครงการพบกรณีที่ผู้สูงอายุอยู่ลำพัง หรืออยู่ในครอบครัวที่ผู้สูงอายุดูแลกันเอง ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว เคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวก หรือมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงร่วมด้วย อาศัยอยู่ในบ้านที่ไม่ปลอดภัย เช่น พื้นต่างระดับ ห้องน้ำลื่น แสงสว่างไม่เพียงพอ จึงได้เข้าปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ ให้ผู้สูงอายุอาศัยอยู่ในบ้านของตนเองได้อย่างปลอดภัย

การมอบสิ่งช่วยเหลือตามความจำเป็น

ในระหว่างดำเนินงานโครงการ มีสถานการณ์ที่ยิ่งทำให้ผู้สูงอายุมีความเปราะบางยิ่งขึ้น ได้แก่สถานการณ์ฝุ่นควัน หรือภาวะความยากจน ขาดปัจจัยด้านอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่ มุ้ง ยารักษาโรค หรือไม้เท้าพยุงเดิน โครงการได้จัดสรรสิ่งของช่วยเหลือตามจำเป็นต่อสถานการณ์นั้น

ขอบคุณเทใจจ้าดนักเจ้า