เงินบริจาคของคุณจะสนับสนุนค่าอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และยาสามัญประจำบ้านให้กับผู้สูงอายุยากไร้ที่ถูกทอดทิ้ง500คน
มีกิจกรรมที่เกิดขึ้นตลอดปี 2567 ต่อไปนี้
ลงพื้นที่เยี่ยมเก็บข้อมูลผู้สูงอายุร่วมกับอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน พื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่
ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเก็บข้อมูลผู้สูงอายุ ชุมชนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ 300 คน โดยแบ่งพื้นที่เป็น 4 แขวง ได้แก่ แขวงนครพิงค์ แขวงกาวิละ แขวงเม็งราย แขวงศรีวิชัย การเก็บข้อมูลครั้งนี้ได้มีการเก็บข้อมูลประวัติส่วนตัว ข้อมูลด้านสุขภาพ ผลการเก็บข้อมูลด้านสุขภาพพบว่า ผู้สูงอายุที่อยู่กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) พบว่าผู้สูงอายุที่มีโรคความดันโลหิตมีจำนวน 39.0% โรคเบาหวาน 12.8% โรคไขมันในเลือด 14.1% โรคหัวใจ 4.7% โรคหลอเหลือสมองตีบ 3.9% โรคอื่น ๆ 2.5% และยังพบว่าผู้สูงอายุบางคนมีอาการของโรคอัลไซเมอร์ และโรคซึมเศร้า มีอาการของข้อเข่าเสื่อมเป็นต้น ลักษณะการอยู่อาศัยกับสมาชิกครอบครัว พบว่าผู้สูงอายุอยู่กับลูกหลาน 60.9% อยู่ลำพังกับคู่สมรส 14.1% อยู่ลำพังคนเดียว 7.8% อยู่กับญาติ 5.1% แหล่งที่มาของรายได้ พบว่าผู้สูงอายุมีรายได้จากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 46.7% ได้รับจากลูกหลาน 33.7% จากเบี้ยคนพิการ 12.2% จากการประกอบอาชีพ 6.6% โดยผู้สูงอายุทั้งหมดนี้ได้รับการเห็นชอบในการดูแล จากอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน ให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแล และได้รับการช่วยเหลือ
ประเมินภาวะสุขภาพผู้สูงอายุยากไร้ ด้วยการ วัดความดัน, วัดปริมาณอ๊อกซิเจนปลายนิ้ว และประเมินกิจวัตรประจำวัน ADL พื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่
ลงพื้นที่ร่วมกับอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน เยี่ยมและตรวจสุขภาพเบื้องต้นให้กับผู้สูงอายุ ประกอบด้วย การวัดความดัน การวัดปริมาณอ๊อกซิเจนปลายนิ้ว รวมถึงติดตามแผนการดูแล และมีการประเมินกิจวัตรประจำวัน หรือ ADL ทุก ๆ 3 เดือน พร้อมกับจัดทำแผนการดูแลร่วมกับที่ปรึกษาโครงการ ข้อมูลจากการประเมิน ADL พบว่าผู้สูงอายุที่ยังสามารถพึ่งพาตนเองได้มีจำนวน 26% ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพาปานกลางมีจำนวน 19% ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพารุนแรงมีจำนวน 20% และผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพาโดยสมบูรณ์มีจำนวน 26% จึงได้วางแผนลงพื้นที่ร่วมกับอาสาสมัคร และ ประเมินภาวะสุขภาพ เฉลี่ย เดือนละ 1 ครั้ง สำหรับผู้สูงอายุที่ยังสามารถพึ่งพาตนเองได้ และ 2 ครั้งต่อเดือน สำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพาปานกลาง และ 3 ครั้งต่อเดือน สำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพารุนแรง และ 4 ครั้งงต่อเดือนสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพาโดยสมบูรณ์ รวมถึงการติดตามอาการจาก อาสาสมัคร
กิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ เนื่องในเทศกาลปี๋ใหม่เมือง หรือเทศกาลสงกรานต์
ทีมงานโครงการจัดกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ และอาสาสมัคร เนื่องในเทศกาลปี๋ใหม่เมือง หรือเทศกาลสงกรานต์ เพื่อเป็นการรักษาประเพณีสำคัญของไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และยังถือเป็นการแสดงความเคารพและขอพรจากผู้สูงอายุ รวมถึงเป็นการแสดงความรักและความกตัญญูกตเวทีต่อท่าน แลัะแสดงถึงความอ่อนน้อมและการขอให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพแข็งแรงและชีวิตที่ดีต่อไป โดยของดำหัวประกอบด้วย กระเทียม น้ำผลไม้ กุนเชียง ข้าวแต๋น เป็นต้น
การมอบสิ่งของช่วยเหลือ ตามความจำเป็นพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงใหม่
ในระหว่างดำเนินงานโครงการได้ดำเนินการช่วยเหลือมอบสิ่งของช่วยเหลือตามความจำเป็นโดยสิ่งของที่มอบให้มีผลในการช่วยบรรเทาความลำบากในการดำเนินชีวิตประจำวัน และลดค่าใช้จ่ายเบื้องต้นให้กับผู้สูงอายุ และครอบครัว ประกอบด้วย ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ยาสามัญประจำบ้าน เป็นต้น
ส่งมอบสิ่งของช่วยเหลือในสถานการณ์เร่งด่วน พื้นที่อำเภอสะเมิง ตำบลสะเมิงใต้ จังหวัดเชียงใหม่
การส่งมอบสิ่งของช่วยเหลือในสถานการณ์เร่งด่วน ในพื้นที่ตำบลสะเมิงใต้ เพื่อทดแทนอันเก่า ที่ชำรุดและเสียหาย ซึ่งจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้สูงอายุได้ โดยการประสานงานขอความช่วยเหลือจาก อาสาสมัครสาธารณสุขมูลฐาน (อสม.) และชมรมผู้สูงอายุตำบลสะเมิงใต้ การมอบสิ่งของเร่งด่วนผู้สูงอายุยรถเข็น Wheelchair จำนวน 1 คน และได้รับไม้เท้า จำนวน 15 คน การส่งมอบสิ่งของช่วยเหลือในครั้งนี้ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งหวังที่จะลดความเดือดร้อน
ประเมินภาวะสุขภาพผู้สูงอายุ ตรวจสุขภาพ มอบยาสามัญประจำบ้านให้ผู้สูงอายุ พื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
ทีมงานลงพื้นที่ประเมินภาวะสุขภาพผู้สูงอายุ เก็บข้อมูลผู้สูงอายุ และให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพ จำนวน 50 ราย และผู้สูงอายุได้รับยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้ไข้ ยาแก้แพ้และยาทาภายนอก ที่จำเป็นสำหรับการดูแลตัวเองในกรณีฉุกเฉินหรืออาการเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้มีการติดตามสุขภาพร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขมูลฐาน ในพื้นที่ด้วย
มอบยาสามัญประจำบ้านให้กับผู้สูงอายุหลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
ในช่วงเดือนตุลาคม ชุมชนที่อยู่ในโครงการได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจำนวน 16 ชุมชน มีผู้สูงอายุ และอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจำนวน 100 คน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนหลังน้ำท่วมน้ำท่วมพบว่าผู้สูงอายุมีความต้องการยาน้ำกันเท้า ยากันยุ้ง ทางโครงการจึงได้มีการวางแผนช่วยเหลือ โดยการมอบยาสามัญประจำบ้านและอุปกรณ์การดูแลสุขภาพเบื้องต้นให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมกับให้กำลังใจ
การช่วยเหลือดูแล และแนะนำการทำกายภาพบำบัด
เนื่องจากผู้สูงอายุที่ดูแลเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง ต้องการการทำกายภาพ และฝึกเดิน ทางโครงการจึงจัดกิจกรรมฝึกการเคลื่อนไหวให้กับผู้สูงอายุ รวมถึงแนะนำการใช้อุปกรณ์ในการช่วยการทำกายภาพ (ช้างจับมือ) ทุกๆ ครั้งที่ลงเยี่ยม เพื่อเป็นการบริหารกล้ามเนื้อนิ้วมือ สำหรับผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง และบรรจุกิจกรรมกายภาพ ลงในแผนดูแลสุขภาพส่วนบุคคลตามอาการของผู้สูงอายุ และมีการติดตามโดยอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน
ยายดีใจมาก ๆ ที่มูลนิธิฯ และอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านมาเยี่ยมเยียนและให้ความช่วยเหลือยายอยู่ตลอดเวลา ยายรู้สึกดีใจและอบอุ่นมากที่มีคนใส่ใจมาเยี่ยมและตรวจสุขภาพ และยังได้เอาผ้าอ้อมผู้ใหญ่ที่มีความจำเป็นมากสำหรับยาย
ยายยุพา พุทธวงค์ อายุ 79 ปี ผู้สูงอายุชุมชนทิพยเนตร เทศบาลนครเชียงใหม่ยายมักจะกังวลเรื่องสุขภาพ เพราะยายมีโรคประจำตัวเป็นไต ต้องไปฟอกไต และเป็นโรคความดันสูง แต่การที่มีมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ และอาสาสมัครมาดูแลผู้สูงอายุ มาดูแลและให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ทำให้รู้สึกมั่นใจและสบายใจมากขึ้น รู้สึกเหมือนว่ามีคนคอยห่วงใยและพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกเมื่อ
ยายก๋องคำ กันธิ อายุ 77 ปี ผู้สูงอายุชุมชนบ้านแพะ เทศบาลนครเชียงใหม่ตาขอขอบคุณจากใจจริงสำหรับการได้รับรถเข็นที่จะช่วยให้ชีวิตประจำวันของตา สะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้ตาต้องใช้รถเข็นคันเก่า ที่พุพัง และเคลื่อนไหวด้วยความลำบาก แต่หลังจากที่ได้รับรถเข็นไป สามารถเคลื่อนที่ได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องกลัวการล้มหรือบาดเจ็บจากการเดิน
ตาอิ่นคำ เพชรเตปิน อายุ 77 ปี ผู้สูงอายุตำบลสะเมิงใต้ อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่รายการ | จำนวน | จำนวนเงิน (บาท) |
---|---|---|
กองทุนสนับสนุนการทำงานและช่วยเหลือผู้สูงอายุ สนับสนุนค่าอาหารตามหลักโภชนาการ, ของใช้จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ เช่น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ และแผ่นรองซับ, ยาสามัญประจำบ้าน | 500คน | 2,445,615.09 |
โครงการ ADOPT A GRANNY ปันสุขผู้สูงวัย เฟส 2 ดำเนินการช่วยเหลือผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปาง และจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อระดมทุนผ่านแพลทฟอร์มเทใจในการปันสุขให้ผู้สูงวัยจำนวน 500 คน ด้วยการสนับสนุนค่าอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสม เครื่องนุ่งห่มที่เหมาะสมกับสภาวะอากาศ และยาสามัญประจำบ้านแก่สูงอายุยากไร้ และผู้สูงอายุที่ไม่ได้รับการดูแล เดือนละ 350 บาทหรือ 4,200 บาทต่อปี
ดำเนินงานในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ 97 ชุมชน กลไกการเยี่ยมบ้าน โครงการจะดำเนินงานโดย บั๊ดดี้โฮมแคร์ ซึ่งเป็นส่วนธุรกิจเพื่อสังคมของมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ ร่วมกับอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเขตเมืองเชียงใหม่ หรือ ช.อ.บ. อาสาสมัครสาธารณสุขมูลฐานประจำหมู่บ้าน (อสม.) มีกิจกรรมหลัก 3 อย่างด้วยกันคือ
โครงการ ADOPT A GRANNY ปันสุขผู้สูงวัย เฟสที่ 2 ดำเนินการระหว่าง พ.ค. 2563 – พ.ค. 2564 ระยะเวลา 1 ปี เพื่อปันสุขให้ผู้สูงวัย ด้วยการสนับสนุนค่าอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสม เครื่องนุ่งห่มที่เหมาะสมกับสภาวะอากาศ และยาสามัญประจำบ้านแก่สูงอายุยากไร้ที่ถูกทอดทิ้ง เดือนละ 300 บาท หรือ 3,600 บาทต่อปี ดำเนินงานใน 3 พื้นที่รวมทั้งสิ้น 600 คน ได้แก่
กลไกการเยี่ยมบ้าน โครงการจะดำเนินงานโดย บั๊ดดี้โฮมแคร์ ซึ่งเป็นส่วนธุรกิจเพื่อสังคมของมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ ร่วมกับอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเขตเมืองเชียงใหม่ หรือ ช.อ.บ. จำนวน 111 คน และกลุ่มอาสาสมัครในพื้นที่นอกเขตเทศบาล เฉลี่ยพื้นที่ละ 20 คน รวมจำนวนอาสาสมัครทั้งสิ้น 251 คน โดยมีกิจกรรมหลัก 3 อย่างด้วยกันคือ
ทีมงานบั๊ดดี้โฮมแคร์ มูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ ปรุงอาหารสุกลงพื้นที่มอบให้แก่ผู้สูงอายุในชุมชนเชียงยืน และชุมชนป่าเป้า เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ 10 ราย โดยใช้งบประมาณจาก โครงการ Adopt A Granny ปันสุขผู้สูงวัย ในธีม อาหารจากคนเฒ่าถึงคนเฒ่า
โดยอาหารที่ปรุงเป็น แกงส้มปลาทับทิมใส่ดอกแค ผัดบ่ะห่อย (มะระขี้นก) ทานกับข้าวกล้อง และตบท้ายด้วยผลไม้ แอปเปิ้ล ส้ม และองุ่น
ทีมงานบั๊ดดี้โฮมแคร์ได้รับประสานจาก ไทยพีบีเอส เพื่อเข้าขอสัมภาษณ์ทีมงาน และผู้สูงอายุ ในประเด็นการเข้าไปดูแลที่บ้านในช่วงรักษาระยะห่างทางสังคม โดยน้องแบงค์เป็นผู้ให้สัมภาษณ์เล่าถึงที่มาของโครงการ และการปฏิบัติตัวเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อหรือแพร่กระจายในภาวะแพร่ระบาดของโควิด-19
จากการลงเยี่ยมในชุมชน พบว่าผู้สูงอายุ และคนในชุมชน ส่วนใหญ่มีความตื่นตัวต่อสถานการณ์โควิด แต่ยังคงต้องดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติต่อไป ด้วยภาวะความยากจน รายได้ไม่เพียงพอ รวมถึงข้อจำกัดในการเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกัน ทางทีมงานพยายามใช้เวลากับแต่ละเคสสั้นๆ เพียง 3-5 นาที เพื่อลดความเสี่ยงจากการสนทนาใกล้ชิดนานเกินไป
ข้อควรระวังอีกอย่างคือ เนื่องจากผู้สูงอายุ มีความผูกพันธ์ และรู้จักสนิทสนมกับอาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี จึงยังคงจับไม้จับมือ กับอาสา และเจ้าหน้าที่ จึงต้องมีการชวนผู้สูงอายุใช้เจลล้างมือให้สะอาดหลังการสัมผัสทุกครั้ง
สำหรับชุดเสื้อกันฝน ที่ทีมงานสวมเพื่อป้องกัน ทั้งป้องกันที่จะเสี่ยงแพร่เชื้อให้ผู้สูงอายุ/ป้องกันไม่ให้รับเชื้อเข้าสู่ตนเอง ทำได้เพียงช่วงสั้นๆ เนื่องจากหลังเข้าไปพบผู้สูงอายุแต่ละเคส ถูกสัมผัสตัวทุกเคส ซึ่งทำให้จำเป็นต้องเปลี่ยนทุกครั้งที่ไปแต่ละบ้าน อาจสิ้นเปลืองและเกินความจำเป็น จึงใช้วิธีล้างมือฆ่าเชื้อทุกครั้งแทน
ผลจากการลงเยี่ยม ผู้สูงอายุยินดี ดีใจ และมีความสุขจากการที่อาสาและทีมงาน ยังระลึกถึง ลงไปเยี่ยม ส่วนทีมงานนั้นเป็นลมจากการสวมชุดป้องกัน ที่รับรองได้ว่า ไม่มีเหงื่อและสารคัดหลั่งหลุดรอดออกไปจากเสื้อฝนและถุงมือได้
โครงการ ADOPT A GRANNY ปันสุขผู้สูงวัย ในการดำเนินการระหว่างเดือน พ.ค. 2562 - มี.ค. 2563 ระยะเวลา 1 ปี เพื่อระดมทุนผ่านแพลทฟอร์มเทใจในการปันสุขให้ผู้สูงวัย 220 คน ด้วยการสนับสนุนค่าอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสม เครื่องนุ่งห่มที่เหมาะสมกับสภาวะอากาศ และยาสามัญประจำบ้านแก่สูงอายุยากไร้ที่ถูกทอดทิ้ง เดือนละ 350 บาทหรือ 4,200 บาทต่อปี ดำเนินงานในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ 97 ชุมชน
กลไกการเยี่ยมบ้าน โครงการจะดำเนินงานโดย บั๊ดดี้โฮมแคร์ ซึ่งเป็นส่วนธุรกิจเพื่อสังคมของมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ ร่วมกับอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเขตเมืองเชียงใหม่ หรือ ช.อ.บ. จำนวน 111 คน โดยมีกิจกรรมหลัก 3 อย่างด้วยกันคือ
ในระยะดำเนินงาน (พ.ค. 2562 - มี.ค. 2563) ได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ 214 คน (จากเป้าหมาย 220 คน) และในการลงเยี่ยมนี้ มีการเก็บข้อมูลประวัติสุขภาพของผู้สูงอายุ พบว่าร้อยละ 44 เป็นผู้สูงอายุวัยปลาย อายุ 80 ปีขึ้นไป ร้อยละ 33 เป็นผู้สูงอายุวัยกลาง อายุระหว่าง 70-79 ปี ร้อยละ 21 เป็นผู้สูงอายุวัยต้น อายุระหว่าง 60-69 ปี และที่น่าสนใจคือ มีผู้ที่ยังอายุไม่ถึง 60 ปี ยังไม่เป็นผู้สูงอายุ แต่มีภาวะพึ่งพิง มีความชราภาพ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ อยู่ในกลุ่มนี้ ร้อยละ 1 โดยเป็นกลุ่มที่อาสาสมัครในชุมชนลงความเห็นว่าเป็นผู้ยากไร้ต้องการคนช่วยเหลือดูแล
จากการวิเคราะห์ภาวะพึ่งพิงโดยใช้เกณฑ์การดำเนินกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง (ADL) พบว่าร้อยละ 81 (174 คน กลุ่มสีเขียว) ยังสามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่มีความเสี่ยงจากภาวะความยากจน และอาศัยในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม กลุ่มนี้สามารถเตรียมตัวเพื่อลดภาวะพึ่งพิงในอนาคตได้ ร้อยละ 16 (33 คน กลุ่มสีแสดและสีแดง) มีภาวะพึ่งพิงโดยสมบูรณ์ ต้องการการสนับสนุนเยี่ยมบ้านช่วยเหลือด้านสุขภาพและกิจวัตรประจำวัน ร้อยละ 3 (7 คน กลุ่มสีเหลือง) มีภาวะพึ่งพิง แต่หากได้รับการดูแลฟื้นฟูสุขภาพที่เหมาะสม สม่ำเสมอ จะสามารถกลับมาช่วยเหลือตนเองได้ หรือยืดระยะเวลาไม่ให้ตกไปเป็นกลุ่มที่มีภาวะพึ่งพิงโดยสมบูรณ์ได้
การลงพื้นที่เยี่ยมผู้สูงอายุยากไร้ ด้วยการเข้าไปถามไถ่พูดคุย ทำให้ได้ข้อมูลปัญหาและความต้องการของผู้สูงอายุ จากนั้นบันทึกข้อมูลเหล่านี้ไว้เพื่อนำมาวิเคราะห์จัดกิจกรรมให้เหมาะสมต่อไป
จากการลงพื้นที่เยี่ยมผู้สูงอายุยากไร้ และสอบถามปัญหาด้านสุขภาพ วิเคราะห์ความชุกของปัญหาจากข้อมูลผู้สูงอายุ 214 คน พบว่า
ผู้สูงอายุร้อยละ 74 เป็นโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 19 มีไขมันในเลือดสูง และร้อยละ 11 เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นโรคที่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ส่วนโรคที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกายพบ โรคอัลไซเมอร์/สมองเสื่อม ร้อยละ 15 และข้อเข่าเสื่อม ร้อยละ 7
นอกจากภาวะโรคของผู้สูงอายุแล้ว ยังมีอาการทางกายที่มีความชุกในกลุ่มผู้สูงอายุตามฐานข้อมูลของโครงการคือ ร้อยละ 28 มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ร้อยละ 26 มีภาวะกระดูกเสื่อม และ ร้อยละ 15 มีอาการอัมพฤกษ์หรืออัมพาต ส่วนอาการทางจิตที่พบมี ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า ร้อยละ 11 และผู้ที่มีอาการกังวลและอารมณ์แปรปรวน ร้อยละ 6
เมื่อวิเคราะห์ความชุกของโรคประจำตัว และอาการทางกาย/จิต ของกลุ่มผู้สูงอายุที่โครงการดูแล จึงได้วางแผนจัดกิจกรรมประเมินภาวะสุขภาพ เฉลี่ย เดือนละ 1 ครั้ง สำหรับผู้สูงอายุที่ยังสามารถพึ่งพาตนเองได้ (174 คน กลุ่มสีเขียว) และ 2 ครั้งต่อเดือน สำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (7 คน กลุ่มสีเหลือง) และ 4 ครั้งต่อเดือน สำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงโดยสมบูรณ์ (33 คน กลุ่มสีแสดและสีแดง)
กระบวนการตรวจและประเมินภาวะสุขภาพ จะเข้าไปตั้งโต๊ะประเมินที่ศูนย์ของชุมชน เพื่อให้กลุ่มสีเขียว สามารถเข้ามาตรวจรวมกันที่ศูนย์ได้ครั้งละ 20-60 คน โดยกลุ่มนี้จะมีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลเฝ้าระวังสุขภาวะให้สามารถเตรียมตัวเพื่อลดภาวะพึ่งพิงในอนาคตได้ จะมีกิจกรรมวัดสมรรถภาพต่างๆ เช่น การบีบลูกบอลวัดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การคัดกรองภาวะซึมเศร้า ความเครียด ชั่งน้ำหนัก คำนวณค่า BMI เพื่อทราบภาวะอ้วนหรือผอมเกินไป ประเมินภาวะทุพโภชนาการ วัดความดันโลหิต วันส่วนสูง รวมถึงประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ และให้คำปรึกษาในการดูแลตนเอง
สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (7 คน กลุ่มสีเหลือง) และ กลุ่มผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงโดยสมบูรณ์ (33 คน กลุ่มสีแสดและสีแดง) จะใช้กระบวนการลงไปตรวจและประเมินภาวะสุขภาพที่บ้าน โดยมีการเก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อติดตามประเมินการเปลี่ยนแปลงทางภาวะสุขภาพ และใช้กิจกรรมต่างๆ มาส่งเสริม ฟื้นฟู ให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพกาย/จิต ดีขึ้น หรือคงสภาพให้ลดภาวะการพึ่งพิงได้มากที่สุด โดย
การให้คำแนะนำด้านการ ดูแลเรื่องสุขอนามัย
เนื่องจากผู้สูงอายุกลุ่มนี้รวม 40 คน มีภาวะพึ่งพิง ต้องการคนดูแล โครงการ ADOPT A GRANNY ปันสุขผู้สูงวัย สามารถลงพื้นที่เข้ามาเยี่ยมได้เพียง 2-4 ครั้งต่อเดือน จึงมีการกำหนดแผนการดูแลสุขภาพส่วนบุคคลร่วมกับอาสาสมัคร และญาติ เพื่อช่วยกันดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงเข้าไปอบรมเสริมทักษะให้อาสาสมัครและญาติในการดูแลที่ถูกวิธี
การช่วยเหลือทำความสะอาด
ภาวะสุขภาพที่ไม่ดีของผู้สูงอายุ หลายกรณีเกิดจากความสกปรก สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม อากาศอับชื้น แสงสว่างในบ้านไม่เพียงพอ และรวมถึงมีสิ่งของเกะกะขวางทางเดิน ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุเกิดอุบัติเหตุพลัดตกหกล้มได้ นอกจากให้คำแนะนำแล้ว ทางโครงการยังต้องช่วยผู้สูงอายุจัดบ้าน ทำความสะอาด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและการบาดเจ็บ
การช่วยเหลือดูแลเรื่องอาหาร และโภชนาการ
ผู้สูงอายุ 40 คน ที่มีภาวะพึ่งพิง ทั้งหมดมีโรคประจำตัวเรื้อรังที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต พฤติกรรมการกิน รวมถึงได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอ โครงการจึงจัดกิจกรรมร่วมกับอาสาสมัครในการปรุงอาหารสุกใหม่ เป็นอาหารพื้นเมืองที่มีส่วนประกอบของผักพื้นบ้านที่มีสรรพคุณทางยาสมุนไพร เพื่อช่วยเสริมโภชนาการให้เหมาะกับโรค มีการจัดกิจกรรม กับข้าวคุณตา-อาหารคุณยาย แล้วนำไปมอบให้ผู้สูงอายุแล้ว 4 ครั้ง จำนวน 40 คน
การช่วยเหลือดูแลเรื่องกายภาพบำบัด
เนื่องจากผู้สูงอายุที่มีอาการอัมพฤกษ์อัมพาตและกล้ามเนื้ออ่อนแรง รวม 33 คน ต้องการการทำกายภาพ และฝึกเดิน ทางโครงการจึงจัดกิจกรรมฝึกเดิน และนวดผ่อนคลาย ทุกๆ ครั้งที่ลงเยี่ยม และบรรจุกิจกรรมกายภาพ และฝึกเดินลงในแผนดูแลสุขภาพส่วนบุคคลตามอาการของผู้สูงอายุ
การช่วยเหลือปรับปรุงที่อยู่อาศัย
ในระหว่างการเยี่ยมบ้าน โครงการพบกรณีที่ผู้สูงอายุอยู่ลำพัง หรืออยู่ในครอบครัวที่ผู้สูงอายุดูแลกันเอง ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว เคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวก หรือมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงร่วมด้วย อาศัยอยู่ในบ้านที่ไม่ปลอดภัย เช่น พื้นต่างระดับ ห้องน้ำลื่น แสงสว่างไม่เพียงพอ จึงได้เข้าปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ ให้ผู้สูงอายุอาศัยอยู่ในบ้านของตนเองได้อย่างปลอดภัย
การมอบสิ่งช่วยเหลือตามความจำเป็น
ในระหว่างดำเนินงานโครงการ มีสถานการณ์ที่ยิ่งทำให้ผู้สูงอายุมีความเปราะบางยิ่งขึ้น ได้แก่สถานการณ์ฝุ่นควัน หรือภาวะความยากจน ขาดปัจจัยด้านอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ผ้าอ้อมสำหรับผู้ใหญ่ มุ้ง ยารักษาโรค หรือไม้เท้าพยุงเดิน โครงการได้จัดสรรสิ่งของช่วยเหลือตามจำเป็นต่อสถานการณ์นั้น
ขอบคุณเทใจจ้าดนักเจ้า