กองทุนเพื่อวิจัยและสร้างชุดตรวจและอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อสู้กับโควิด19

เป้าหมายของเราคือจะไม่ให้หมอต้องเลือกว่าจะรักษาชีวิตใคร เพราะขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ เราจึงจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการวิจัยเพื่อช่วยในการตรวจวินิจฉัยหาเชื้อไวรัส และประดิษฐ์อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สามารถใช้กับคนไข้โรคโควิด-19 โดยเฉพาะโครงการ การพัฒนาชุดตรวจ "COVID-19 SCAN" สำหรับการตรวจวินิจฉัยโรค ณ จุดดูแลผู้ป่วยทั่วไป
ระยะเวลาโครงการ 3 เดือน พื้นที่ดำเนินโครงการ ไทย
ยอดบริจาคขณะนี้
4,101,221 บาทเป้าหมาย
5,350,000 บาทสำเร็จแล้ว
ความคืบหน้าโครงการ
การวิจัย "COVID-19 SCAN" ได้รับการตีพิมพ์
จากการค้นคว้าวิจัย และพัฒนาชุดตรวจ COVID-19 จากฝีมือคนไทย เป็นเวลากว่า 1 ปี
ปัจจุบันงานวิจัยการสร้างชุดตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ถูกตีพิมพ์ โดย American Chemical Society
อ่านรายละเอียดงานวิจัยได้ที่ :https://pubs.acs.org/doi/10.1021/acsomega.0c04929
อ่านต่อ »เนื่องจากการระบาดของโรค COVID-19 เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก
จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 อยู่ที่ 784,381 คน เสียชีวิต 37,780 คน ใน 203 ประเทศ
เมื่อสถานการณ์วิกฤตทั้งโลก จึงทำให้อุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ไม่เพียงพอต่อความต้องการ และหาซื้อยาก
สิ่งหนึ่งที่จะช่วยหยุดยั้งการแพร่หลายของไวรัสได้คือ การตรวจและวินิจฉัยโรคได้อย่างทันท่วงที เพื่อให้สามารถจำแนกผู้ป่วยที่ติดเชื้อออกจากกลุ่มคนปกติ ทำให้มีการควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผู้ป่วยได้รับการรักษาโดยเร็ว ดังนั้นจึงมีกลุ่มแพทย์ นักวิจัย และวิศวกรจากสถาบันต่างๆ มารวมตัวกันเพื่อทำการวิจัยสร้างชุดตรวจสอบไวรัสโรคโควิด-19 ที่สามารถตรวจได้ง่าย เร็ว และมีราคาถูก
เนื่องจากการตรวจวินิจฉัยที่มีทั่วไปในตลาดนั้นยังมีข้อจำกัดด้านราคาที่สูงและข้อจำกัดในการใช้ เช่น การตรวจหาทาง Serology เพื่อตรวจหา antibody ต่อเชื้อซึ่งจะให้ผลบวกหลังการติดเชื้อเป็นสัปดาห์ หรือการเพาะเชื้อไวรัส ที่ต้องใช้เวลานานถึง 2-3 สัปดาห์ นอกจากวิธีนี้ การตรวจด้วย real-time PCR สามารถตรวจวินิจฉัยได้ภายใน 4-6 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือที่มีราคาแพงและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินการตรวจวินิจฉัย ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดในโรงพยาบาลชั้นนำเท่านั้น ดังนั้นเราจึงเห็นว่าเป็นความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะพัฒนาวิธีตรวจวินิจฉัยที่มีประสิทธิภาพและสามารถใช้ตรวจวินิจฉัย ณ จุดดูแลผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว
แต่การวิจัย ต้องการใช้เงินเพื่อสร้าง prototype และอุปกรณ์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อให้การวิจัยและขยายผลดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว เราจึงขอตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัยนี้ เพื่อให้การวิจัยส่งผลให้เกิดอุปกรณ์ที่ใช้ได้จริงสำหรับคนไทยทั่วประเทศ
บรรยายภาพ : ตัวอย่างการตรวจ COVID-19 scan ให้ผลบวกด้วยสัญญาณแสงสีเขียว
หากมีทุนทรัพย์เหลือจากโครงการวิจัยเพื่อช่วยในการตรวจวินิจฉัยหาเชื้อไวรัสนี้ เราจะสนับสนุนโครงการวิจัยอื่นๆ ของทีมวิจัย เช่น สนับสนุนการสร้างอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ เช่นเครื่องช่วยหายใจ (ventilator), HEPA Filter, อุปกรณ์เครื่องกรองอากาศ PAPR โดยเป้าหมายคือการสร้างอุปกรณ์ที่การแพทย์ในยามฉุกเฉินที่เลือกส่วนประกอบและวิธีการขึ้นรูปที่สามารถทำได้ง่ายๆ ในประเทศไทยง่าย เช่น การตัดวัสดุแผ่นโดยใช้เลเซอร์ (laser cut) ทำให้โรงงานพลาสติก ที่มีเครื่อง laser cut สามารถตัดและช่วยประกอบเครื่องได้ทั่วประเทศ
แนวทางการทำงาน
จัดซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็นโดยมีคำขอจากอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับโครงการ
สมาชิกในทีม
- ศูนย์ชีววิทยาเชิงระบบ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
- บริษัท Sertis จํากัด
- สำนักวิชาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมชีวโมเลกุล สถาบันวิทยสิริเมธี
- ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- Carenation
- เทใจดอทคอม
ความคืบหน้าชุดตรวจสอบไวรัสโรคโควิด-19
การตรวจโควิด-19 นั้นมี 2 ประเภทคือ
การตรวจดูเชื้อ
- ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Polymerase chain reaction (PCR) ซึ่งเป็นเทคนิคที่กระทรวงสาธารณสุขรับรอง มีความแม่นยำสูง แต่หากว่าอุปกรณ์ที่ใช้ตรวจนั้นมีราคาค่อนข้างสูง (หลักล้าน) ต้องใช้บุคลากรและห้องปฏิบัติการที่เชี่ยวชาญซึ่งมีน้อยมากในประเทศไทย จึงไม่สามารถตรวจได้ทุกพื้นที่ในประเทศ และนอกจากนั้นยังใช้เวลาตรวจอย่างน้อย 2-3 วันก่อนที่จะรู้ผล
การตรวจภูมิต้านทาน (Antibody)
- เป็นเทคนิคที่ถูกและรวดเร็ว แต่หากว่าความแม่นยำจะต่ำกว่าแบบแรก เพราะต้องใช้เวลานานเป็นอาทิตย์หลังจากที่ร่างกายรับเชื้อโรค ก่อนที่ร่างกายจะเริ่มสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา
ทางทีมวิจัยจึงพยายามหาวิธีการตรวจที่มีความแม่นยำสูงเทียบเท่ากับเทคนิคPCR แต่มีราคาถูก อุปกรณ์ราคาไม่แพง ไม่ต้องสกัดเชื้อโรคลดขั้นตอนเสี่ยง และใช้ระยะเวลาในการตรวจน้อยกว่า 1 ช่วโมง แต่มีความแม่นยำเทียบเท่า PCR ทีมจึงเลือกใช้เทคนิคที่เรียกว่า CRISPR ซึ่งเป็นเทคนิคที่ต่างประเทศพัฒนาขึ้นมา แต่ทีมนำมาปรับต่อเพื่อประยุคใช้ทำให้เกิดได้จริงในประเทศไทย
การวิจัยตอนนี้ถือว่าก้าวหน้ามาพอสมควร ล่าสุดวันที่ 13 เมษายน 63 ทีมได้ทดสอบวิเคราะห์ตัวอย่างจริงที่ถูก Blind คำตอบ 10 ตัวอย่าง ผลปรากฏว่าเราสามารถตอบถูก 100% ที่สำคัญคือตัวอย่างเหล่านี้เป็น crude samples ไม่ได้สกัด RNA มาก่อน วิธีนี้ช่วยขจัด Bottleneck ของหลายๆสถานที่ โดยเฉพาะรพ.ที่ไม่มีแลปสกัด RNA
ขั้นตอนการวิจัยต่อไปคือต้องใช้คอมพิวเตอร์ ai ช่วยในการทำ image analysis เพื่อให้คอมพิวเตอร์อ่านค่าตัวอย่างที่มี RNA ของไวรัสอยู่น้อยได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และทำการวิเคราะห์ตัวอย่างให้มากขึ้นเพื่อทดสอบและนำไปสู่การใช้จริง
ความคืบหน้าของชุดตรวจสอบโควิด-19 เดือนมิถุนายน
ในช่วงที่ผ่านมาทางทีมนักวิจัยได้ดำเนินการพัฒนาชุดตรวจสอบโควิด-19 ดังนี้
ติดตั้งอุปกรณ์ตู้แช่แข็งจำนวน 2 ตู้ เพื่อเก็บตัวอย่างคนไข้ และชุดตรวจ ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ และหน่วยโรคไต ภาควิชาอายุกรรมศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ทำการตรวจสอบ validate ชุดตรวจ กับตัวอย่างคนไข้จำนวน 150 ตัวอย่างจากโรงพยาบาลราชวิถี
พัฒนาอุปกรณ์เก็บตัวอย่างเชื้อจากน้ำลาย
ส่วนที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ
- การพัฒนา software เพื่ออ่านผล COVID-19
- การจัดซื้อระบบหุ่นยนต์ เพื่อช่วยในการบรรจุน้ำยาที่ใช้ในการตรวจ
ทดลองชุดตรวจ COVID-19 ในคลินิกทันตกรรม
การพัฒนาชุดตรวจ COVID-19
ขณะนี้ทีมวิจัยประสบความสำเร็จในการพัฒนาชุดตรวจ COVID-19 ขึ้นอีกระดับ และปัจจุบันทีมวิจัยกำลังดำเนินการ 3 ส่วน ต่อไปนี้
- ขอประเมินประสิทธิภาพกับทางกรมควบคุมโรค และคำขอพิจารณาขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์กับทางองค์การอาหารและยา (อ.ย.)
- การติดตั้งระบบ microinjection เพื่อบรรจุสารละลายที่ใช้ในชุดตรวจ
- การพัฒนา software และได้อุปกรณ์ต้นแบบ (prototype) สำหรับอ่านผลตรวจ COVID-19
ภาพชุดตรวจ COVID-19 ได้นำไปใช้ทดลองในคลินิกทันตกรรม รพ.สมุทรปราการ
ทีมนักวิจัยร่วมสังเกตการณ์
การวิจัย "COVID-19 SCAN" ได้รับการตีพิมพ์
จากการค้นคว้าวิจัย และพัฒนาชุดตรวจ COVID-19 จากฝีมือคนไทย เป็นเวลากว่า 1 ปี
ปัจจุบันงานวิจัยการสร้างชุดตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ถูกตีพิมพ์ โดย American Chemical Society
อ่านรายละเอียดงานวิจัยได้ที่ :https://pubs.acs.org/doi/10.1021/acsomega.0c04929
แผนการใช้เงิน
รายการ | บาท |
1.ค่าจ้างผู้ช่วยนักวิจัย | 200,000 |
2. วัสดุวิทยาศาสตร์เพื่อการวิจัย (ตามความต้องการของแพทย์) ค่าชุดตรวจ 20,000 ชุด | 4,700,000 |
3 ค่าวัสดุทั่วไป | 100,000 |
4.ค่าดำเนินงานเทใจดอทคอม 7 % (ค่าระบบออนไลน์ ต้นทุนค่าธรรมเนียมธนาคารและ payment gateway ค่าคัดกรองโครงการ ตรวจสอบ ติดตาม วัดผล และรายงานความคืบหน้า) | 350,000 |
รวม | 5,350,000 |