เงินบริจาคของคุณจะนำไปมอบชุดอาหารให้กับผู้สูงอายุและผู้พิการ110คน
การที่ผู้สูงอายุยากไร้ต้องอยู่ตามลำพัง ซ้ำร้ายบางคนมีหลานตัวน้อยต้องดูแล และด้วยความชราทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพเพื่อหาเลี้ยงตัวเองได้ โครงการช่วยเหลือโดยการมอบชุดอาหารให้ผู้สูงอายุ 110 คน ในแต่ละครั้งของการลงพื้นที่ไม่ใช่เพียงแค่การแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อเติมความอิ่มด้วยชุดอาหารเท่านั้น หากแต่มีการบรรเทาใจด้วยการได้พูดคุยไถ่ถามทุกข์สุข อันเป็นการช่วยเสริมสร้างกำลังใจอีกด้วย..."เพราะว่า...เมื่อท้องอิ่มเราจึงได้เห็นรอยยิ้มของพวกเขา"
สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) เป็นแนวโน้มที่ทุกชาติทั่วโลกหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากข้อมูลของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปี 2566 พบว่าประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุ 13 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ และในจำนวนนี้อาศัยอยู่ตามลำพังคิดเป็นร้อยละ 10.32 แม้ว่าภาครัฐจะแก้ไขปัญหาด้านค่าครองชีพของผู้สูงอายุ ด้วยการจ่ายเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปทุกเดือน แต่จำนวนเงินที่ได้รับยังคงไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้สูงอายุที่มีฐานะขัดสนและมีสภาพครอบครัวที่แหว่งกลาง ครัวเรือนที่ประกอบด้วยคน 2 รุ่น คือ รุ่นปู่ย่า ตายายและรุ่นหลาน ส่วนรุ่นพ่อแม่นั้นขาดหายไปเนื่องจากการละถิ่นฐานเพื่อไปทำงานไกลบ้าน และจำเป็นต้องทิ้งลูกไว้ให้พ่อแม่ที่ชราช่วยดูแล ส่งผลให้ผู้สูงอายุนอกจากจะต้องใช้จ่ายเพื่อตัวเองแล้ว พวกเขายังมีภาระค่าใช้จ่ายเพื่อลูกหลานเพิ่มขึ้นอีกด้วย
โครงการช่วยเหลือด้านอาหารของมูลธิโคเออร์เป็นโครงการต่อเนื่อง โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2529 ถึงปัจจุบัน โดยเจ้าหน้าที่โคเออร์ หรืออาสาสมัครได้ทำการเก็บข้อมูลผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะยากลำบาก ใช้ชีวิตตามลำพังไม่มีลูกหลานส่งเสียเลี้ยงดู อาศัยในบ้านเรือนที่ทรุดโทรมและขาดโภชนาการที่ดี จะได้รับการบันทึกข้อมูลไว้และจะได้รับความช่วยเหลือตามลำดับหากมีผู้สูงอายุในโครงการเสียชีวิต เพื่อให้ครบ จำนวน 110 คน ที่เจ้าหน้าที่จะสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง
การต้องอยู่ตามลำพังอย่างยากไร้ในยามชราและมีหลายโรครุมเร้า ย่อมเป็นการดีกว่าหากผู้สูงอายุเหล่านี้จะมีใครสักคนไปมาหาสู่หยิบยื่นความช่วยเหลือ ได้บอกเล่าเรื่องราวความทุกข์ยาก หรือแม้แต่ความสุขให้ผู้อื่นได้ฟัง อย่างน้อยก็จะได้ช่วยคลายเหงาลงได้ ทั้งยังจะส่งผลดีต่อจิตใจ ทำให้ผู้สูงอายุได้ตระหนักว่ายังมีความสำคัญ ไม่ได้เป็นภาระของผู้อื่น แม้ว่าหลายท่านที่มูลนิธิได้ให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องทุกเดือนจะจากไปแล้ว แต่พวกเราคณะทำงานยังคงจดจำรอยยิ้มและคำให้ศีลให้พรของท่านได้เป็นอย่างดี ทั้งเป็นพลังใจให้พวกเราทำงานส่งมอบชุดอาหาร เพื่อเติมความอิ่มและเพิ่มรอยยิ้มได้ต่อไป
มูลนิธิโคเออร์ (COERR FOUNDATION) เป็นหน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไร มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย และให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัย รวมทั้งราษฎรไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อันสืบเนื่องมาจากผู้ลี้ภัย และราษฎรไทยยากไร้ และด้อยโอกาส ทั้งนี้ด้วยการยึดหลักความรัก เมตตาธรรมและมนุษยธรรม เป็นพื้นฐานในการดำเนินการช่วยเหลือ โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา เพศ หรือลัทธิการเมืองแต่อย่างใด
Facebook: https://www.facebook.com/coerr.fb
Website: ้https://www.coerr.org/
ระดมทุนมอบชุดอาหารให้กับผู้สูงอายุและผู้พิการ เพื่อให้ได้รับอาหารครบมื้อ มีโภชนาการที่ดีขึ้น และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายครอบครัวหรือผู้ดูแลได้
ผู้สูงอายุและผู้พิการได้รับการบรรเทาใจ จากการลงพื้นที่เยี่ยมเยียนของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร
ลงพื้นที่เก็บข้อมูลของกลุ่มเป้าหมาย
พิจารณาช่วยเหลือ โดยนำข้อมูลจากอาสาสมัครเข้าสู่ที่ประชุมมูลนิธิเพื่อพิจารณามอบความช่วยเหลือ
มอบชุดอาหาร และเยี่ยมเยียนเสริมสร้างกำลังใจ: เจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร ร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) ลงพื้นที่มอบชุดอาหาร และตรวจสุขภาพเบื้องต้น เดือนละ 1 ครั้ง
รายการ | จำนวน | จำนวนเงิน (บาท) |
---|---|---|
ค่าอาหารแห้ง - อาทิ ข้าวสาร 10 กิโลกรัม ไข่ไก่ กุนเชียง ปลาร้า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นมกล่อง UHT ปลากระป๋อง - ชุดละ 400 บาท/เดือน | 110คน | 528,000.00 |
รวมเป็นเงินทั้งหมด | 528,000.00 | |
ค่าสนับสนุนเทใจ (10%) | 52,800.00 |
มูลนิธิโคเออร์ เดิมที่ชื่อ สำนักงานคาทอลิกสงเคราะห์ผู้ประสบภัยและผู้ลี้ภัย (โคเออร์) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2521 และได้จดทะเบียนเป็นมูลนิธิเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 รวมเวลาตั้งแต่ก่อตั้งถึงปัจจุบันคือ 46 ปี โคเออร์เป็นหน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไรดำเนินงานภายใต้สภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์ให้การบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยธรรมชาติและให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัย รวมทั้งราษฎรไทย ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อันสืบเนื่องมาจากผู้ลี้ภัย และราษฎรไทยยากไร้และด้อยโอกาส ทั้งนี้ ด้วยการยึดหลักความรัก เมตตาธรรมและมนุษยธรรม เป็นพื้นฐานในการดำเนินการช่วยเหลือ โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา เพศ หรือลัทธิการเมืองแต่อย่างใด ทั้งนี้ การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติเป็นการบรรเทาทุกข์ด้านอาหารและสิ่งของยังชีพ การให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรีและราชบุรีด้วยการมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ และให้ความรู้ด้านเกษตรกรรมเพื่อจะพึ่งพาตนเองได้เมื่อกลับสู่มาตุภูมิ และการช่วยเหลือราษฎรไทยยากไร้ ในจังหวัดสระแก้วและสุรินทร์ด้วยการบรรเทาทุกข์ด้านอาหาร
ดูโปรไฟล์ร่วมกันระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการนี้
สร้างเพจระดมทุนให้โครงการนี้