Buddy HomeCare

โครงการ/ผลงานที่ผ่านมา

โครงการพัฒนากิจการเพื่อสังคม Buddy HomeCare (Prototype)

การสํารวจวิจัยเรื่อง การวิเคราะห์โอกาสและอุปสรรคของตลาดการให้บริการผู้สูงอายุในบริบทเมือง ทำให้ทราบราคาที่เหมาะสมของค่าบริการดูแลที่กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางสามารถเข้าถึงบริการดูแลได้ กระบวนการ dialouge และ เวิร์คชอปของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียในการร่วมพัฒนา โมเดลทางธุรกิจ และ แผนธุรกิจ โดยเปิดโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายทางสังคมของกิจการได้มีส่วนร่วมในการออกแบบโมเดลทางธุรกิจที่จะช่วยแก้ไขปัญหาของเขาได้ และการพัฒนาและทดสอบต้นแบบจําลอง (prototyping) โดยการคัดเลือกและอบรมชนกลุ่มน้อยชาวเขาที่ด้อยโอกาส จำนวน 10 คน เพื่ออบรมพัฒนาทักษะในการดูแลผู้สูงอายุ และจ้างงานทำงานในกิจการบั๊ดดี้โฮมแคร์ จากผลการดำเนินงานระยะ 12 เดือน พบว่าเยาวชนชาวเขาที่ด้อยโอกาส จำนวน 10 คน มีรายได้เพิ่มขึ้น จากเดิมที่รับจ้างในไร่ มีรายได้เฉลี่ยอยู่เพียงเดือนละ 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน เพิ่มขึ้นเป็น 10,450 บาทต่อคนต่อเดือน และมีสวัสดิการสังคมเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ไม่มี และโมเดลทางธุรกิจของบั๊ดดี้โฮมแคร์ สามารถมีกำไรและคืนทุนได้ใน 5.7 ปี โมเดลความเป็นไปได้ทางการเงินชี้ให้เห็นว่าสามารถดำเนินกิจการและสร้างผลลัพทธ์ทางสังคมได้อย่างยั่งยืน

โครงการพัฒนาต้นแบบกิจการเพื่อสังคม บัดดี โฮมแคร์ (Buddy HomeCare) ในการดูแลผู้สูงอายุ

จากผลการดําเนินงานระหว่าง กุมภาพันธ์ 2560 - กุมภาพันธ์ 2562 ได้คู่มือการดําเนินงานกิจการเพื่อสังคมในการดูแลผู้สูงอายุ โดยมีเนื้อหาสรุปโมเดล รายงานผลกระทบทางสังคม และรายงานความเป็นไปได้ทางการเงิน รวมถึงเกิดกลไกการดําเนินงานร่วมกันของ ชมรมอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเขตเมืองเชียงใหม่ (ช.อ.บ.) มูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ และโครงการบั๊ดดี้โฮมแคร์ มีการดําเนินกิจกรรมเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุยากไร้รวมทั้งสิ้น 1,743 คน โดยบูรณาการร่วมกับภาคส่วนต่างๆ รวม 20 องค์กร ช่วยให้เยาวชนด้อยโอกาสสําเร็จการศึกษาตามหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุเบื้องต้น 31 คน และมีงานทํา มีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยคนละ 3,000 บาทต่อเดือน เมื่อสิ้นสุดโครงการ ได้ประเมินผลลัพธ์ทางสังคม (Social Impact Assessment) โดยใช้กรอบแนวคิดทฤษฎีการเปลี่ยนแปลง (Theory of Change) ห่วงโซ่ผลกระทบทางสังคม (Impact Value Chain) การวิเคราะห์กรณีฐาน (Base Case Scenario) และการคํานวณผลตอบแทนทางสังคม (Social Return On Investment) คิดเป็นอัตรา SROI ที่ 5.10 บาท ต่อการลงทุน 1 บาท โดยเป็นผลประโยชน์ต่อผู้สูงอายุสูงถึง 99%

บั๊ดดี้โฮมแคร์ : ระบบบริหารจัดการเพื่อติดตาม และดูแลสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชนจังหวัดเชียงใหม่

โครงการพัฒนาต้นแบบนวัตกรรมข้อมูลด้านการดูแลผู้สูงอายุ เป็นโครงการที่พัฒนาขึ้นภายใต้การขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่ 3 กลยุทธ์นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Innovation) โดยเป็นการพัฒนาโครงการนวัตกรรมเพื่อสังคม (Social Innovation) ของสํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เพื่อใช้นวัตกรรมมาจัดการข้อมูลด้านการดูแลผู้สูงอายุในกิจการเพื่อสังคมบั๊ดดี้โฮมแคร์เพื่อ • นําระบบเทคโนโลยีในปัจจุบัน เช่น สมาร์ทโฟน แอปพลิเคชั่น การเก็บข้อมูลแบบคลาวด์ มาช่วยในการจัดเก็บข้อมูลรายบุคคลของผู้สูงอายุ ทดแทนการจัดเก็บแบบเดิมด้วยกระดาษ • นําวิธีจัดการระบบ (System Approach) มาใช้ในการนําเข้า และประเมินผลข้อมูล เพื่อให้สามารถสร้างแผนดูแลสุขภาพรายบุคคล (Individual care plan) ได้แบบเรียลไทม์ • ขยายผลลัพธ์ทางสังคมโดยเผยแพร่นวัตกรรมดังกล่าวให้ผู้ใช้ทั่วไปได้เข้าถึง สามารถประเมินสุขภาวะของผู้สูงอายุได้ด้วยตนเอง และข้อมูลถูกส่งผ่านไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีเป้าหมายเพื่อให้สามารถประเมินและกําหนดกิจกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือ จัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพ

เทใจให้ผู้สูงวัย ผ่านโควิดไปด้วยกัน

ช่วยครอบครัวผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบางที่ตกงานและขาดรายได้ 200 ครอบครัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้สามารถรักษาระยะห่างป้องกันโรคระบาด (social distancing) ด้วยอาหาร ยาและหน้ากากผ้าที่จำเป็นในช่วงหนึ่งเดือน ทีมงานบั๊ดดี้โฮมแคร์ ร่วมกับ อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน เขตเมือง เชียงใหม่ (ช.อ.บ.) นำ "ถุงยังชีพสู้ภัยโควิด" ที่จัดอาหารแห้งเพียงพอสำหรับ 14 วัน ยาสามัญประจำบ้าน และหน้ากากผ้า ไปช่วยเหลือครอบครัวผู้สูงอายุที่ยากไร้ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ จำนวน 200 ครอบครัว ครั้งที่ 1 ระหว่าง 8-10 เมษายน 2563 ครั้งที่ 2 วันที่ 20 เมษายน 2563 โดยการแจกถุงยังชีพแต่ละครั้งมีมาตรการในการแจกอย่างเคร่งคัด มีการจัดเตรียมสถานที่ให้มีการเว้นระยะห่างระหว่างกัน การตรวจวัดอุณหภูมิที่จุดคัดกรอง และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักป้องกันไวรัสโควิด-19 แม้จะห่างกายตามนโยบาย Social Distancing แต่ไม่จำเป็นต้องห่างกัน ทีมงานจึงมีการเยี่ยมบ้าน เพื่อให้ผู้สูงอายุได้ลดความวิตกกังวล และได้มีพื้นที่ที่สามารถระบาย แลกเปลี่ยนแบ่งปัน เกิดกำลังใจที่จะเดินหน้าร่วมสู้โควิดไปด้วยกัน