ชาปลูกชีวิต คืนผืนป่าดอยปู่หมื่น
สร้างต้นแบบการปลูกชาแบบวนเกษตรบนดอยปู่หมื่น จ.เชียงใหม่ โมเดลที่ลูกหลานชาวลาหู่จะสามารถปลูกชาต้นเล็กๆไปพร้อมกับปลูกต้นไม้ใหญ่ อาทิ ต้นพีช, ต้นบ๊วย,พลัม ,พีแคน เพื่อคืนผืนป่า รักษาระบบนิเวศน์และทรัพยากรธรรมชาติให้มีความอุดมสมบูรณ์ตามเดิม
ระยะเวลาโครงการ 5 เดือน พื้นที่ดำเนินโครงการ ดอยปู่หมื่น อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
ยอดบริจาคขณะนี้
120,638 บาทเป้าหมาย
176,550 บาทสำเร็จแล้ว
ความคืบหน้าโครงการ
ความคืบหน้าการดำเนินงาน สิงหาคม-กันยายน 2564
ช่วงที่ 1
วันที่ 4-13 สิงหาคม 2564
สนับสนุนการซื้อกล้าพันธุ์และจ้างงานในหมู่บ้านปู่หมื่น กลุ่มที่สมัครมาปลูกต้นไม้ช่วยให้คนในชุมชนมีงานทำ จากที่เคยว่างงานเพราะผลกระทบของสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19
ช่วงที่ 2
15 กันยายน 2564 เป็นต้นไป จนถึงปี 2565
รับซื้อเมล็ดชาช่วงที่ 1 ในปริมาณ 10 กิโลกรัม และเริ่มงานเพาะกล้าชาจากเมล็ดชา เพื่อนำกล้าชาไปปลูกและแจกจ่ายต่อไป โดยให้คนในชุมชนช่วยดูแลกระบวนการเพาะจนกว่าจะได้กล้าชา ต่อเนื่องไปอีก 1 ปี คาดว่าจะได้กล้าชาประมาณ 10,000 - 20,000 ต้น และจะมีการอัพเดทยอดต้นกล้าที่ได้ทั้งหมดอีกครั้งในปี 2565 เมื่อสิ้นสุดการดำเนินงานตามที่ระบุไว้ของโครงการ
คำขอบคุณจากผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการ
รู้สึกดีใจมากที่ได้เข้าร่วมโครงการปลูกต้นไม้ ได้เงินค่าจ้างไปเลี้ยงครอบครัว และดีที่ได้ปลูกต้นไม้ ทำให้มีต้นไม้มากขึ้น เป็นที่ทำมาหากินต่อไป อยากให้มีโครงการนี้จะได้ทำงานต่อไปค่ะ
นางฟ๋อแล จะมู (นามี) - 39 ปี
รู้สึกดีใจมากและมีความสุขที่ได้เข้าร่วมโครกงารปลูกป่า ได้เงินค่าจ้างจากการทำงานไปผ่อนรถมอเตอร์ไซค์ และใช้จ่ายในครอบครัว อยากทำงานอีกครั้ง การปลูกต้นไม้ทำให้มีธรรมชาติที่ดีมากขึ้น และเป็นอาชีพต่อไปในอนาคต ช่วงนี้ว่างงาน ไม่มีใครจ้าง อยากได้งานเพิ่มอีกครับ
นายอรุณ - 21 ปี
ดอยปู่หมื่นเป็นพื้นที่ชาวลาหู่อาศัยอยู่และมีอาชีพปลูกชา ปีพ.ศ. 2515 ในหลวงราชกาลที่ 9 ได้พระราชทานต้นชาให้แก่ชาวบ้านให้ได้มีอาชีพ
ปัจจุบันจำนวนคนในชุมชนเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีความต้องการใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากขึ้น ชาวบ้านขาดความรู้และความเข้าใจในการบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ ทำให้เกิดการบุกรุกพื้นที่ป่าตัดไม้มาใช้ในชีวิตประจำวันและการทำไร่เลื่อนลอย จึงส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในพื้นที่
ภาพประกอบ : พวกเราชาวดอยปู่หมื่น
ดิฉันจิราวรรณ ไชยกอ เป็นลูกผู้นำชุมชนดอยปู่หมื่น ซึ่ง ปัจจุปันเป็นเจ้าแบรนด์ชา Ahpa Tea อาปาที ชาของพ่อ ที่อำเภอฝาง และทำเส้นทางท่องเที่ยววิถีชาชุมชนที่หมู่บ้านปู่หมื่น อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ กับ ดร.ไพรัช พิลบูลย์รุ่งโรจน์ คณะเศรษฐสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ นายอุดม ชิดนายี ที่ปรึกษา สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเขต จังหวัดเชียงใหม่ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาชุมชนชาวเขาให้ยั่งยืน จึงอยากช่วยกันให้ดอยปู่หมื่นยังมีป่าไม้เหมือนเดิม ขณะที่ชาวบ้านก็มีรายได้ที่จะเลี้ยงตัวเองได้เช่นกัน
โครงการ "ชาปลูกชีวิต คืนผืนป่า" มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาเรื่องการบริหารจัดการที่ดินหรือพื้นที่ทำกินที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด นั่นก็คือ การทำแปลงชาวนเกษตรต้นแบบที่ควบคู่ไปกับต้นไม้ใหญ่
ทั่วไปแล้ว เรามักเห็นภาพแปลงชาบนภูเขามีลำต้น ความสูงที่เท่ากัน ทว่าการปลูกชาสายพันธ์ดังกล่าวต้องใช้พื้นที่ในการจัดการเยอะ สำหรับโครงการนี้เราจะให้กล้าชา สายพันธุ์อัสสัม ที่สามารถปลูกไปพร้อมกับต้นไม้ใหญ่ อาทิ ต้นพีช, ต้นบ๊วย,พลัม ,พีแคน ซึ่งจะทำเป็นการรักษาระบบนิเวศน์และทรัพยากรธรรมชาติให้มีความอุดมสมบูรณ์ตามเดิม
ภาพประกอบ : แผนการปลูกพืชผสมผสานและป่า
ขั้นตอนการดำเนินโครงการ
- วางแผนการจัดการพื้นที่14 ไร่ ในแปลงสาธิตโดยมีเจ้าหน้าที่โครงการหลวงเกษตรอ่างขาง เป็นที่ปรึกษาในการวางแผนการจัดการพื้นที่ครั้งนี้
- เตรียมพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกพืชพรรณแต่ละชนิด ให้เหมาะสมตามฤดูกาล
- ลงมือเพาะปลูกพืชพรรณตามที่วางแผนไว้
- ดูแลรักษาและพัฒนาพื้นที่แปลงสาธิตให้อยู่เคียงคู่กับดอยปู่หมื่นจากรุ่นสู่รุ่น
ภาพประกอบ : เริ่มเตรียมพื้นที่ปลูกชา
ประโยชน์ของโครงการ
- สร้างความรู้และความเข้าใจในการจัดสรรพื้นที่เดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด
- สร้างแหล่งการเรียนรู้เพื่อให้ผู้ที่สนใจจะศึกษาในเรื่องของการทำแปลงสาธิต
- ช่วยรักษาระบบนิเวศน์และธรรมชาติป่าไม้ ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำและหัวใจสำคัญที่หล่อเลี้ยงคนในพื้นที่ ให้คงอยู่ตลอดไป
- สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านและเกษตรกรในชุมชน
- ปลูกจิตสำนึกให้ชาวบ้านรู้คุณค่าของธรรมชาติป่าไม้ เพื่อหลีกเลี่ยงการบุกรุกพื้นที่อุทยาน
- เพื่อสร้างความสมดุลในการอยู่ร่วมกันของชาวบ้านและธรรมชาติ
สมาชิกภายในทีม
นส.จิราวรรณ ไชยกอ ฝ่ายพัฒนาเศรษฐกิจดอยปู่หมื่น
นาย อุดม ชิดนายี ที่ปรึกษา สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเขต จังหวัดเชียงใหม่ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาชุมชนชาวเขาให้ยั่งยืน
ดร.ไพรัช พิลบูลย์รุ่งโรจน์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะเศรษฐสตร์ ที่ปรึกษาโครงการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ดอยปู่หมื่น
นางฟ๋อแล จะมู ชุมชนบ้านปู่หมื่น
ภาคี
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะเศรษฐสตร์
สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ โดย นายสมพล นิลเวศน์นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ
ความคืบหน้าการดำเนินงาน สิงหาคม-กันยายน 2564
ช่วงที่ 1
วันที่ 4-13 สิงหาคม 2564
สนับสนุนการซื้อกล้าพันธุ์และจ้างงานในหมู่บ้านปู่หมื่น กลุ่มที่สมัครมาปลูกต้นไม้ช่วยให้คนในชุมชนมีงานทำ จากที่เคยว่างงานเพราะผลกระทบของสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19
ช่วงที่ 2
15 กันยายน 2564 เป็นต้นไป จนถึงปี 2565
รับซื้อเมล็ดชาช่วงที่ 1 ในปริมาณ 10 กิโลกรัม และเริ่มงานเพาะกล้าชาจากเมล็ดชา เพื่อนำกล้าชาไปปลูกและแจกจ่ายต่อไป โดยให้คนในชุมชนช่วยดูแลกระบวนการเพาะจนกว่าจะได้กล้าชา ต่อเนื่องไปอีก 1 ปี คาดว่าจะได้กล้าชาประมาณ 10,000 - 20,000 ต้น และจะมีการอัพเดทยอดต้นกล้าที่ได้ทั้งหมดอีกครั้งในปี 2565 เมื่อสิ้นสุดการดำเนินงานตามที่ระบุไว้ของโครงการ
คำขอบคุณจากผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการ
รู้สึกดีใจมากที่ได้เข้าร่วมโครงการปลูกต้นไม้ ได้เงินค่าจ้างไปเลี้ยงครอบครัว และดีที่ได้ปลูกต้นไม้ ทำให้มีต้นไม้มากขึ้น เป็นที่ทำมาหากินต่อไป อยากให้มีโครงการนี้จะได้ทำงานต่อไปค่ะ
นางฟ๋อแล จะมู (นามี) - 39 ปี
รู้สึกดีใจมากและมีความสุขที่ได้เข้าร่วมโครกงารปลูกป่า ได้เงินค่าจ้างจากการทำงานไปผ่อนรถมอเตอร์ไซค์ และใช้จ่ายในครอบครัว อยากทำงานอีกครั้ง การปลูกต้นไม้ทำให้มีธรรมชาติที่ดีมากขึ้น และเป็นอาชีพต่อไปในอนาคต ช่วงนี้ว่างงาน ไม่มีใครจ้าง อยากได้งานเพิ่มอีกครับ
นายอรุณ - 21 ปี
แผนการใช้เงิน
รายการ | จำนวน | จำนวนเงิน (บาท) |
1.ต้นกล้าชา ต้นละ 15 บาท | 9,500 ต้น | 142,500 |
2.ต้นพีช, ต้นบ๊วย,พลัม ,พีแคน ต้นละ 20 บาท | 900 ต้น | 18,000 |
3.ค่าดำเนินงานเทใจดอทคอม 10% (ค่าระบบออนไลน์ ต้นทุนค่าธรรมเนียมธนาคารและ payment gateway ค่าคัดกรองโครงการ ตรวจสอบ ติดตาม วัดผล และรายงานความคืบหน้า) | 16,050 | |
รวม | 176,550 |