project เด็กและเยาวชน

Save Drop Out Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ

มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนชั้นม.2 หรือ ม.3 จำนวน 150 คนๆละ 2,000 บาท ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนขนาดเล็กในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและเคยสมัครขอรับทุนการศึกษามาที่มูลนิธิ EDF ในปีการศึกษา 2564 ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับทุนเนื่องจากเงินบริจาคที่ทางมูลนิธิได้รับมานั้นไม่เพียงพอ จึงต้องการระดมทุนให้แก่เด็กๆกลุ่มนี้ได้รับทุนการศึกษาในปีการศึกษา 2565 นี้ เพื่อที่จะเป็นกำลังใจที่จะช่วยประคับประคองชีวิตในการเรียนของพวกเขาให้จบชั้นม.3 เป็นอย่างน้อย โดยไม่ออกจากโรงเรียนกลางคัน และเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัวของพวกเขาในภาวะที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ระยะเวลาโครงการ 01 มี.ค. 2565 ถึง 30 มิ.ย. 2565 พื้นที่ดำเนินโครงการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ยอดบริจาคขณะนี้

414,904 บาท

เป้าหมาย

412,500 บาท
ดำเนินการไปแล้ว 101%
จำนวนผู้บริจาค 306

สำเร็จแล้ว

ความคืบหน้าโครงการ

มอบทุนการศึกษาให้เด็ก ม.2 และ ม.3 ในภาคอีสาน จำนวน 151 ทุน

14 ตุลาคม 2022

ตามที่มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (EDF) ได้ทำโครงการระดมทุนผ่านเว็บไซต์เทใจดอทคอม ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2565 จนถึง วันที่ 31 กรกฎาคม 2565 โดยมีเป้าหมายการระดมทุนอยู่ที่ 412,500 บาท เพื่อจะนำเงินบริจาคไปเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนชั้นม.2 หรือ ม.3 จำนวน 150 คนๆละ 2,000 บาท ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนประถมขยายโอกาสขนาดเล็กในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยนั้น หลังจากปิดโครงการสามารถระดมทุนได้เงินบริจาคทั้งสิ้น 414,904 บาท ซึ่งสามารถนำไปจัดสรรเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้ทั้งหมด 151 ทุน

ทางมูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (EDF) ได้ทำการโอนเงินทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนทุนทั้ง 151 คน เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2565 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ก่อนการโอนเงินทุนการศึกษานั้น มูลนิธิ EDF ได้ร่วมมือกับทั้งทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนแต่ละโรงเรียนในการช่วยคัดเลือกเด็กนักเรียนชั้นม.2 และ ม.3 ที่มีความจำเป็นในการขอรับทุนการศึกษา โดยพิจารณาจากจดหมายแนะนำตัวพร้อมรูปถ่ายที่ถ่ายคู่กับที่อยู่อาศัย รวมทั้งข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับรายได้ของครอบครัวของเด็กนักเรียน หลังจากพิจารณาข้อมูลเหล่านี้แล้ว ทางฝ่ายทุนการศึกษาจะทำการเช็คข้อมูลบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนแต่ละคน (บางกรณีอาจจะโอนไปที่บัญชีธนาคารของโรงเรียนก่อน) ก่อนจะทำการโอนทุนการศึกษา และหลังจากเงินทุนการศึกษาเข้าบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณครูที่ดูแลโครงการทุนการศึกษาจะทำการสแกนหน้าบัญชีธนาคารที่มีเงินเข้าและส่งมาในระบบของงานทุนการศึกษาของมูลนิธิเพื่อเป็นหลักฐานต่อไป

นอกจากนั้น คุณครูที่ดูแลเรื่องงานทุนการศึกษาจะเป็นผู้ดูแลสมุดบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนทุนทุกคน ดังนั้นผู้บริจาคสามารถมั่นใจได้ว่าเงินทุนที่เด็กๆต้องการถอนไปใช้จ่ายนั้นจะนำไปใช้เกี่ยวกับการศึกษาแต่เพียงอย่างเดียว

รายชื่อนักเรียนทุนที่ได้รับทุนการศึกษา จากโครงการ “Save Drop Out Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ” โดยแบ่งเป็นเด็กนักเรียนชั้นม.2 จำนวน 44 คน และชั้นม.3 จำนวน 107 คน รวม 151 คน




จากการมอบทุนให้แก่เด็กนักเรียน ทางมูลนิธิฯ ได้รวบรวมข้อมูลของเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนเก็บเป็นสถิติของการรับทุนในครั้งนี้ได้ ต่อไปนี้

อายุของเด็กนักเรียนทุน

สถานภาพของครอบครัว

ผู้ปกครองที่เด็กนักเรียนอาศัยอยู่ด้วยในปัจจุบัน

ความประทับใจจากเด็กนักเรียนที่ได้รับทุน

นางสาวสุพัตรา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านแกใหญ่ จังหวัดสุรินทร์

“ครอบครัวดิฉันมีคุณตา คุณยาย คุณแม่ พี่ชายและน้องชาย พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ดิฉันอยู่ป.1 หลังจากนั้นแม่ก็ไปทำงานต่างจังหวัด ดิฉันจึงอาศัยอยู่กับตายายที่มีอาชีพรับจ้างทำไร่ทำนา พี่ชายดิฉันเมื่อโตขึ้นก็ไปทำงานต่างจังหวัดและส่งเงินมาช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวอยู่บ้าง พอดิฉันขึ้นชั้นม.1 ค่าใช้จ่ายในครอบครัวก็เริ่มมากขึ้น แม่ก็กลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลน้องเพราะยายแก่มากแล้วร่างกายไม่แข็งแรงดูแลไม่ไหว ดิฉันได้เงินจากเบี้ยเลี้ยงชีพคนชราของยายเป็นค่าใช้จ่ายในการไปโรงเรียน
ดิฉันพยายามหางานเพื่อที่จะได้ไม่ต้องขอเงินยายอีก แต่ก็หาไม่ได้เพราะอายุยังน้อยไม่มีที่ไหนรับ จึงหันมาขายขนมที่โรงเรียน แรกๆก็ขายดีแต่หลังๆก็ไม่ค่อยดีเพราะโรงเรียนมีกิจกรรมมากและต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบด้วย
หากได้ทุนการศึกษา ดิฉันจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับการเรียนให้ได้มากที่สุด เช่นนำไปซื้ออุปกรณ์การเรียนหรือนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายที่โรงเรียน และจะนำส่วนหนึ่งให้ยายเก็บไว้เพื่อใช้ในยามลำบากจริงๆ สุดท้ายนี้ดิฉันขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ได้สนับสนุนทุนการศึกษาต่อเด็กนักเรียนที่ครอบครัวยากไร้มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ”

นายอภินันท์ ลาน้ำเที่ยง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านนาคำ จังหวัดบึงกาฬ

“ปัจจุบันผมอาศัยอยู่กับพ่อ แม่ใหม่ และตา ครอบครัวมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง ตาของผมถึงแม้จะอายุมากแล้วแต่ก็ยังต้องทำงานเป็นหลักอยู่เพราะพ่อผมขาพิการ แต่ถึงกระนั้นพ่อผมก็พยายามทำงานให้ได้เพราะถ้าไม่ทำงานเลยเราจะไม่มีเงินไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ส่วนผมเองหลังเลิกเรียนจะไปช่วยพ่อรับจ้างกรีดยาง แต่ด้วยสถานการณ์โควิด19 ที่ผ่านมาและข้าวของเครื่องใช้ที่ราคาแพงขึ้น พวกเราจึงจำเป็นต้องประหยัดอดออมมากยิ่งขึ้นเพื่อไว้ใช้ในยามจำเป็นและเพื่อเก็บไว้สำหรับการศึกษาต่อ เพระพ่อต้องการให้ผมเรียนสูงๆเพื่อที่จะได้ทำงานได้เงินเดือนดีและพ่อยังสอนให้ผมเป็นคนดีที่คอยช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ในอนาคตผมอยากมีงานที่มั่นคงเพราะจะทำให้ครอบครัวของผมสบายและผมสามารถเลี้ยงดูท่านในยามชราได้
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อท่านได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้วจะเมตตาและให้ความอนุเคราะห์ทุนการศึกษาเพื่อนำไปใช้ในการเรียนต่อไป ขอบพระคุณท่านผู้อุปการะทุนเป็นอย่างสูงครับ”

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ

ภาพประกอบ

เด็กนักเรียนโรงเรียนโคกค่ายโคกใหญ่วิทยา จ.กาฬสินธุ์

เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านโคกลำดวน จ.สุรินทร์

เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านบัวเชด จ.สุรินทร์

เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านผือ จ.สุรินทร์

เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านโสน จ.สุรินทร์

เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองโจงโลง จ.สุรินทร์

เด็กนักเรียนโรงเรียนราษฎร์พัฒนา จ.สุรินทร์

เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านชุมแสง จ.สุรินทร์

เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านเหล่าหลวงเตาถ่าน จ.มุกดาหาร

อ่านต่อ »
ดูความคืบหน้าโครงการทั้งหมด

มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนชั้นม.2 หรือ ม.3 จำนวน 150 คนๆละ 2,000 บาท ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนขนาดเล็กในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและเคยสมัครขอรับทุนการศึกษามาที่มูลนิธิ EDF ในปีการศึกษา 2564 ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับทุนเนื่องจากเงินบริจาคที่ทางมูลนิธิได้รับมานั้นไม่เพียงพอ จึงต้องการระดมทุนให้แก่เด็กๆกลุ่มนี้ได้รับทุนการศึกษาในปีการศึกษา 2565 นี้ เพื่อที่จะเป็นกำลังใจที่จะช่วยประคับประคองชีวิตในการเรียนของพวกเขาให้จบชั้นม.3 เป็นอย่างน้อย โดยไม่ออกจากโรงเรียนกลางคัน และเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัวของพวกเขาในภาวะที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ปัญหาสังคมและวิธีการแก้ไขปัญหา

ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าการเข้าถึงระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานจะดีขึ้นกว่าในอดีตเนื่องจากมีนโยบายเรียนฟรีเข้ามาช่วยเหลือ แต่ปัญหา "ความยากจน" ทำให้เด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลอีกจำนวนมากไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่ค่าครองชีพปัจจุบันที่สูงขึ้น ยังผลให้เด็กๆกลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะหลุดออกจากระบบการศึกษา อีกทั้งปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่มีมาอย่างยาวนานนี้ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศชาติอีกด้วย

จากรายงานของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ประจำปี 2564 เด็กนักเรียนในครอบครัวยากจนยังคงเป็นเหยื่อของความเสี่ยงทางการศึกษาแทบทุกประเภท เช่น การมีโอกาสได้รับการศึกษาน้อย การออกเรียนกลางคัน และการมีผลสัมฤทธิ์ในการเรียนต่ำ ซึ่งก็อาจหมายถึงโอกาสในการเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไปนั้นมีน้อยลงยิ่งไปกว่าเดิม ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและสังคมอื่นๆ เช่น การเป็นแรงงานนอกระบบที่ถูกกดขี่รายได้ การมีครอบครัวในวัยเรียน หรือการหลุดเข้าสังคมมืด ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นผลพวงตามมา

มูลนิธิ EDF เริ่มต้นดำเนินโครงการทุนการศึกษาเพื่อเด็กยากจน ในปี พ.ศ 2531 ที่จังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดแรก โดยมีนักเรียนที่ได้รับทุนในปีแรกจำนวน 41 คน ในปัจจุบัน มูลนิธิ EDF สามารถส่งต่อความช่วยเหลือที่ได้รับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยในรูปแบบของทุนการศึกษาไปยังเด็กนักเรียนด้อยโอกาสแล้วกว่า 400,000 คน ใน 5,600 โรงเรียน ครอบคลุม 61 จังหวัดทั่วประเทศไทย

ในปี 2564 ที่ผ่านมา มีนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ยื่นใบสมัครเพื่อขอรับทุนการศึกษาสำหรับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นมาที่ EDF กว่า 10,000 คน ในขณะที่ทาง EDF สามารถจัดสรรทุนการศึกษาในแก่เด็กนักเรียนได้เพียง 8,000 คนตามเงินบริจาคที่ได้รับมา ซึ่งยังมีเด็กนักเรียนอีกกว่า 2,000 คน ที่ถึงแม้ว่าจะได้เลื่อนชั้นไปเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในปีการศึกษานี้แล้วก็ตาม แต่เนื่องด้วยพวกเขาไม่ได้รับทุนการศึกษา มูลนิธิ EDF จึงมีความมุ่งหวังที่จะระดมทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนกลุ่มนี้เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวกับการศึกษา เช่น อุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน เพื่อที่จะให้พวกเขาได้เรียนหนังสือจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยไม่ต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน เพื่อไปเป็นแรงงานไร้ฝีมือเพียงเพราะมีความยากจนเป็นข้อจำกัด และยังเป็นการแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองของพวกเขาในภาวะที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ขาดแคลนรายได้หรือมีข้อจำกัดในการทำงานเนื่องมาตรการควบคุมโรค


ตัวอย่างเด็กนักเรียนที่ต้องการทุนการศึกษา 

สวัสดีค่ะ หนูชื่อเด็กหญิงพัชราภา อายุ 12 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในจังหวัดนครราชสีมา หนูอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ พ่อแม่ของหนูทำงานรับจ้างทั่วไปเช่น ตัดอ้อย เก็บข้าวโพด ขุดมันสำปะหลัง รายได้ไม่แน่นอน หากวันไหนไม่มีงานก็ไม่มีรายได้ บางครั้งหนูต้องหยุดเรียนเพื่อไปช่วยแม่รับจ้างเพื่อหารายได้เข้าครอบครัวและเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียน


                                                                  น้องพัชราภากับแม่

หนูเดินทางไปโรงเรียนโดยปั่นจักรยานระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ทางจากบ้านไปโรงเรียนเป็นดินลูกรังค่อนข้างลำบากมาก หากวันไหนฝนตกหนัก หนูต้องลาหยุดเนื่องจากเดินทางโรงเรียนไม่ได้ บางวันต้องอาศัยมากับผู้ปกครองของเพื่อนที่มีรถมอเตอร์ไซค์ 

                                                                     

                                                  สภาพถนนเข้าบ้านของน้องพัชราภา


                                                          บ้านของน้องพัชราภา

หนูสัญญากับตัวเองและพ่อแม่ว่าจะอดทนและพยายามเรียนหนังสือเพื่ออนาคตภายภาคหน้าหนูจะได้มีงานที่ดีทำ เพื่อที่จะได้มีรายได้ที่มั่นคงมาเลี้ยงดูพ่อแม่ให้ท่านได้สุขสบาย หนูจึงอย่างได้รับทุนการศึกษา เพื่อจะสามารถเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไป  ถ้าได้รับทุนการศึกษาหนูจะนำไปใช้ในการศึกษาเล่าเรียนและซื้ออุปกรณ์การเรียนต่างๆที่จำเป็น เช่น สมุด ปากกา ชุดนักเรียน หนังสือ และหากมีเงินเหลือหนูจะเก็บออมไว้เพื่อใช้เรียนต่อในอนาคตค่ะ

สุดท้ายนี้ หนูกราบขอบคุณผู้ที่จะมอบทุนการศึกษาให้แก่หนู หนูสัญญาว่าจะตั้งใจเรียน เป็นเด็กดีและไม่ทำให้พ่อแม่ คุณครู และผู้ให้ทุนต้องผิดหวังในตัวหนู ขอบคุณค่ะ

ขั้นตอนการดำเนินโครงการ

เมษายน – พฤษภาคม 2565 : มูลนิธิ EDF รับสมัครข้อมูลนักเรียนที่ต้องการขอรับทุนการศึกษาจากโรงเรียนและพิจารณาใบสมัครจากรูปถ่ายที่ถ่ายคู่กับบ้านพร้อมข้อมูลครอบครัว โดยมีเกณฑ์การคัดเลือกดังต่อไปนี้

1) เป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

2) ครอบครัวมีฐานะยากจนโดยมีรายได้เฉลี่ยต่อปีต่ำกว่า 50,000-70,000 บาท

3) ไม่เป็นบุตรข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานท้องถิ่นของรัฐ หรือลูกจ้างประจำ

4) เป็นผู้ที่สนใจในการศึกษา มีความประพฤติเรียบร้อย มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมโดยไม่ได้นำผลการเรียนมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณามอบทุน

มิถุนายน 2565 : มูลนิธิ EDF ปิดรับการบริจาคสำหรับปีการศึกษา 2565

กรกฎาคม – สิงหาคม 2565 : โอนเงินทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน โดยหลังจากนักเรียนได้รับเงินทุนการศึกษาเรียบร้อยแล้ว คุณครูผู้ดูแลโครงการทุนการศึกษา EDF ในแต่ละโรงเรียนจะต้องส่งสำเนาหน้าเงินเข้าบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียน กลับมาให้มูลนิธิฯเพื่อเป็นหลักฐานเงินเข้า

กันยายน – ตุลาคม 2565 : มูลนิธิ EDF ส่งรายงานของเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาให้กับผู้บริจาคได้รับทราบ

ผู้รับผิดชอบโครงการ

อนุชาติ คงมา

ฝ่ายรณรงค์ทุนการศึกษา มูลนิธิ EDF

ขยายความช่วยเหลือจาก 100 คน เป็น 150 คน

25 พฤษภาคม 2022

เนื่องจากขณะนี้ (ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2565) โครงการ "Save Drop Out Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ" ของมูลนิธิ EDF สามารถระดมทุนจากผู้บริจาคที่มีจิตศรัทธาได้มากกว่า 80% แล้ว ทางมูลนิธิ EDF ขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงที่คำนึงถึงความสำคัญของการศึกษาที่มีต่อเยาวชนไทยผู้ที่จะเติบโตขึ้นเป็นอนาคตของชาติให้ได้มีทุนการศึกษาที่จะช่วยประคับประคองชีวิตการเรียนของพวกเขาอย่างน้อยให้จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 

และในเดือนพฤษภาคมนี้ ทางมูลนิธิกำลังคัดเลือกเด็กนักเรียนทุนที่ส่งใบสมัครพร้อมรูปถ่ายมายังระบบของมูลนิธิ โดยคาดว่าจะมีนักเรียนที่ส่งเข้ามามากถึง 10,000 คน ซึ่งจากสถิติของปีที่ผ่านมา เราสามารถระดมทุนจากทั้งรายบุคคลและบริษัทเพื่อนำมามอบเป็นทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนได้กว่า 8,000 คน 

เนื่องด้วยในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทางมูลนิธิได้ทำการระดมทุนผ่านทางเทใจดอมคอม โดยมุ่งหวังว่าจะสามารถมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กๆได้มากกว่าปีที่ผ่านมา ดังนั้นในระยะเวลาการระดมทุนของโครงการ "Save Drop Out Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ" ที่เหลืออีกประมาณ 1 เดือนก่อนจะปิดโครงการนี้ ทางมูลนิธิ EDF จึงต้องการขยายเป้าการระดมทุนจาก 100 คน เป็น 150 คน รวมเป็นเงิน 412,500 บาท (รวมค่าธรรมเนียม 10% ของเทใจแล้ว) 


อนุชาติ คงมา

ฝ่ายรณรงค์ทุนการศึกษา มูลนิธิ EDF

ขยายเวลาความช่วยเหลือถึง 31 กรกฎาคม 2565

15 มิถุนายน 2022

ตามที่ มูลนิธิ EDF ต้องการขยายเป้าการระดมทุนจาก 100 คน เป็น 150 คน จึงขอเปลี่ยนแปลงการปิดระดมทุนเป็น 31 ก.ค. 2565

สำหรับขั้นตอนการทำงานมีการปรับเปลี่ยนเพิ่ม ตามนี้

ขั้นตอนการดำเนินโครงการ

เมษายน – พฤษภาคม 2565 : มูลนิธิ EDF รับสมัครข้อมูลนักเรียนที่ต้องการขอรับทุนการศึกษาจากโรงเรียนและพิจารณาใบสมัครจากรูปถ่ายที่ถ่ายคู่กับบ้านพร้อมข้อมูลครอบครัว โดยมีเกณฑ์การคัดเลือกดังต่อไปนี้

เป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

  • ครอบครัวมีฐานะยากจนโดยมีรายได้เฉลี่ยต่อปีต่ำกว่า 50,000-70,000 บาท
  • ไม่เป็นบุตรข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานท้องถิ่นของรัฐ หรือลูกจ้างประจำ
  • เป็นผู้ที่สนใจในการศึกษา มีความประพฤติเรียบร้อย มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมโดยไม่ได้นำผลการเรียนมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณามอบทุน

31 กรกฎาคม 2565 : ปิดการระดมทุน

สิงหาคม- กันยายน 2565 : หลังจากทางเทใจโอนเงินบริจาคที่ระดมมาได้มายัง EDF แล้ว ทางเราจะทำการเบิกถอนและทำการโอนไปยังบัญชีของโรงเรียนหรือเด็กนักเรียนทุนต่อไป

กันยายน ตุลาคม 2565 : ส่งรายงานลิสต์รายชื่อและรูปถ่ายของเด็กนักเรียนทุน 

อนุชาติ คงมา

ฝ่ายรณรงค์ทุนการศึกษา มูลนิธิ EDF

มอบทุนการศึกษาให้เด็ก ม.2 และ ม.3 ในภาคอีสาน จำนวน 151 ทุน

14 ตุลาคม 2022

ตามที่มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (EDF) ได้ทำโครงการระดมทุนผ่านเว็บไซต์เทใจดอทคอม ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2565 จนถึง วันที่ 31 กรกฎาคม 2565 โดยมีเป้าหมายการระดมทุนอยู่ที่ 412,500 บาท เพื่อจะนำเงินบริจาคไปเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนชั้นม.2 หรือ ม.3 จำนวน 150 คนๆละ 2,000 บาท ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนประถมขยายโอกาสขนาดเล็กในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยนั้น หลังจากปิดโครงการสามารถระดมทุนได้เงินบริจาคทั้งสิ้น 414,904 บาท ซึ่งสามารถนำไปจัดสรรเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้ทั้งหมด 151 ทุน

ทางมูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (EDF) ได้ทำการโอนเงินทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนทุนทั้ง 151 คน เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2565 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ก่อนการโอนเงินทุนการศึกษานั้น มูลนิธิ EDF ได้ร่วมมือกับทั้งทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนแต่ละโรงเรียนในการช่วยคัดเลือกเด็กนักเรียนชั้นม.2 และ ม.3 ที่มีความจำเป็นในการขอรับทุนการศึกษา โดยพิจารณาจากจดหมายแนะนำตัวพร้อมรูปถ่ายที่ถ่ายคู่กับที่อยู่อาศัย รวมทั้งข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับรายได้ของครอบครัวของเด็กนักเรียน หลังจากพิจารณาข้อมูลเหล่านี้แล้ว ทางฝ่ายทุนการศึกษาจะทำการเช็คข้อมูลบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนแต่ละคน (บางกรณีอาจจะโอนไปที่บัญชีธนาคารของโรงเรียนก่อน) ก่อนจะทำการโอนทุนการศึกษา และหลังจากเงินทุนการศึกษาเข้าบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณครูที่ดูแลโครงการทุนการศึกษาจะทำการสแกนหน้าบัญชีธนาคารที่มีเงินเข้าและส่งมาในระบบของงานทุนการศึกษาของมูลนิธิเพื่อเป็นหลักฐานต่อไป

นอกจากนั้น คุณครูที่ดูแลเรื่องงานทุนการศึกษาจะเป็นผู้ดูแลสมุดบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนทุนทุกคน ดังนั้นผู้บริจาคสามารถมั่นใจได้ว่าเงินทุนที่เด็กๆต้องการถอนไปใช้จ่ายนั้นจะนำไปใช้เกี่ยวกับการศึกษาแต่เพียงอย่างเดียว

รายชื่อนักเรียนทุนที่ได้รับทุนการศึกษา จากโครงการ “Save Drop Out Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ” โดยแบ่งเป็นเด็กนักเรียนชั้นม.2 จำนวน 44 คน และชั้นม.3 จำนวน 107 คน รวม 151 คน




จากการมอบทุนให้แก่เด็กนักเรียน ทางมูลนิธิฯ ได้รวบรวมข้อมูลของเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนเก็บเป็นสถิติของการรับทุนในครั้งนี้ได้ ต่อไปนี้

อายุของเด็กนักเรียนทุน

สถานภาพของครอบครัว

ผู้ปกครองที่เด็กนักเรียนอาศัยอยู่ด้วยในปัจจุบัน

ความประทับใจจากเด็กนักเรียนที่ได้รับทุน

นางสาวสุพัตรา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านแกใหญ่ จังหวัดสุรินทร์

“ครอบครัวดิฉันมีคุณตา คุณยาย คุณแม่ พี่ชายและน้องชาย พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่ดิฉันอยู่ป.1 หลังจากนั้นแม่ก็ไปทำงานต่างจังหวัด ดิฉันจึงอาศัยอยู่กับตายายที่มีอาชีพรับจ้างทำไร่ทำนา พี่ชายดิฉันเมื่อโตขึ้นก็ไปทำงานต่างจังหวัดและส่งเงินมาช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวอยู่บ้าง พอดิฉันขึ้นชั้นม.1 ค่าใช้จ่ายในครอบครัวก็เริ่มมากขึ้น แม่ก็กลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลน้องเพราะยายแก่มากแล้วร่างกายไม่แข็งแรงดูแลไม่ไหว ดิฉันได้เงินจากเบี้ยเลี้ยงชีพคนชราของยายเป็นค่าใช้จ่ายในการไปโรงเรียน
ดิฉันพยายามหางานเพื่อที่จะได้ไม่ต้องขอเงินยายอีก แต่ก็หาไม่ได้เพราะอายุยังน้อยไม่มีที่ไหนรับ จึงหันมาขายขนมที่โรงเรียน แรกๆก็ขายดีแต่หลังๆก็ไม่ค่อยดีเพราะโรงเรียนมีกิจกรรมมากและต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบด้วย
หากได้ทุนการศึกษา ดิฉันจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับการเรียนให้ได้มากที่สุด เช่นนำไปซื้ออุปกรณ์การเรียนหรือนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายที่โรงเรียน และจะนำส่วนหนึ่งให้ยายเก็บไว้เพื่อใช้ในยามลำบากจริงๆ สุดท้ายนี้ดิฉันขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ได้สนับสนุนทุนการศึกษาต่อเด็กนักเรียนที่ครอบครัวยากไร้มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ”

นายอภินันท์ ลาน้ำเที่ยง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านนาคำ จังหวัดบึงกาฬ

“ปัจจุบันผมอาศัยอยู่กับพ่อ แม่ใหม่ และตา ครอบครัวมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง ตาของผมถึงแม้จะอายุมากแล้วแต่ก็ยังต้องทำงานเป็นหลักอยู่เพราะพ่อผมขาพิการ แต่ถึงกระนั้นพ่อผมก็พยายามทำงานให้ได้เพราะถ้าไม่ทำงานเลยเราจะไม่มีเงินไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ส่วนผมเองหลังเลิกเรียนจะไปช่วยพ่อรับจ้างกรีดยาง แต่ด้วยสถานการณ์โควิด19 ที่ผ่านมาและข้าวของเครื่องใช้ที่ราคาแพงขึ้น พวกเราจึงจำเป็นต้องประหยัดอดออมมากยิ่งขึ้นเพื่อไว้ใช้ในยามจำเป็นและเพื่อเก็บไว้สำหรับการศึกษาต่อ เพระพ่อต้องการให้ผมเรียนสูงๆเพื่อที่จะได้ทำงานได้เงินเดือนดีและพ่อยังสอนให้ผมเป็นคนดีที่คอยช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ในอนาคตผมอยากมีงานที่มั่นคงเพราะจะทำให้ครอบครัวของผมสบายและผมสามารถเลี้ยงดูท่านในยามชราได้
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อท่านได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้วจะเมตตาและให้ความอนุเคราะห์ทุนการศึกษาเพื่อนำไปใช้ในการเรียนต่อไป ขอบพระคุณท่านผู้อุปการะทุนเป็นอย่างสูงครับ”

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ

ภาพประกอบ

เด็กนักเรียนโรงเรียนโคกค่ายโคกใหญ่วิทยา จ.กาฬสินธุ์

เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านโคกลำดวน จ.สุรินทร์

เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านบัวเชด จ.สุรินทร์

เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านผือ จ.สุรินทร์

เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านโสน จ.สุรินทร์

เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองโจงโลง จ.สุรินทร์

เด็กนักเรียนโรงเรียนราษฎร์พัฒนา จ.สุรินทร์

เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านชุมแสง จ.สุรินทร์

เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านเหล่าหลวงเตาถ่าน จ.มุกดาหาร

แผนการใช้เงิน

ลำดับ รายการ จำนวน จำนวนเงิน (บาท)
1 ทุนการศึกษาที่โอนให้กับเด็กนักเรียน 150 (คนละ 2,000 บาท) 300,000.00
2 ค่าบริหารจัดการในการสุ่มลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติเด็กนักเรียนทุน ติดตามข้อมูล ประเมินผลข้อมูลของเด็กนักเรียน รวมทั้งค่าเดินทาง ที่พัก อาหาร ฯลฯ 150 (200 บาทต่อคน) 30,000.00
3 ค่าใช้จ่ายด้านเอกสารเพื่อการติดต่อประสานงานกับโรงเรียนและเด็กนักเรียน ค่าโทรศัพท์ ค่าไปรษณีย์ ค่าการจัดทำเอกสารต่างๆที่ใช้ในการดำเนินโครงการ 150 (111.5 บาทต่อคน) 16,725.00
4 ค่าจ้างบุคลากรในการดำเนินโครงการทุนการศึกษารวมถึงค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้อง 150 (108.50 บาทต่อคน) 16,275.00
5 ค่าธรรมเนียมในการโอนเงินไปยังธนาคารต่างๆ 150 (80 บาทต่อคน) 12,000.00
รวมเป็นเงินทั้งหมด
375,000.00
ค่าธรรมเนียมของเทใจ (10%)
37,500.00

ยอดระดมทุน
412,500.00