cover_1
โครงการใหม่

ครูซัพใจ รุ่น 3 อบรมทักษะการสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจให้กับนักศึกษาครู

เด็กและเยาวชน
อื่นๆ

เงินบริจาคของคุณจะเพิ่มประสบการณ์ ทักษะและเครื่องมือสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจให้กับแกนนำนักศึกษาครูทั่วประเทศ30คน

ระยะเวลาระดมทุน

17 ธ.ค. 2568 - 31 มี.ค. 2569

พื้นที่ดำเนินโครงการ

ทั่วประเทศ

เป้าหมาย SDGs

GOOD HEALTH AND WELL-BEINGQUALITY EDUCATIONGENDER EQUALITYREDUCED INEQUALITIES

กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ

นักศึกษาครู
30คน
เด็กและเยาวชน
3,000คน
"หนูไม่อยากไปโรงเรียนค่ะ หนูไม่ชอบคุณครู"  ผู้ปกครองบางคนอาจจะเคยได้ยินคำพูดนี้จากลูกหลาน หรือถ้าย้อนไปในสมัยเด็กเราอาจมีสักแว่บที่เคยคิดอย่างนี้ สาเหตุอาจเป็นเพราะโรงเรียนไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจในการเรียนรู้สำหรับนักเรียน

พื้นที่ปลอดภัย
 ไม่ใช่คำใหม่ แต่ ทักษะการสร้างความรู้สึกปลอดภัยทางจิตใจ ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับสังคมและห้องเรียนไทย

ทีมเพลินฯ ฝันอยากเห็นห้องเรียนไทยเป็นพื้นที่อบอุ่น ปลอดภัย และโอบรับความหลากหลายของทั้งผู้เรียนและผู้สอน จึงออกแบบและสร้างหลักสูตร ครูซัพใจ เพื่อส่งต่อทักษะการสร้างความรู้สึกปลอดภัยทางจิตใจ ในแบบเดียวกับที่นักจิตบำบัดใช้ให้กับคุณครู แต่อยู่ในรูปแบบที่สนุก ย่อยง่าย เรียนแบบมีประสบการณ์ตรงผ่านเครื่องมือศิลปะและการเล่น เพื่อให้คุณครูไทยโอบรับความหลากหลายในตนเองและดูแลจิตใจตนเองได้ ก่อนจะไปสนับสนุนดูแลจิตใจคนรอบตัวและผู้เรียน

หลังจากผลตอบรับที่ดีมากใน 2 รุ่นแรก ครูซัพใจ รุ่น 3 มุ่งขยายผลไปยังนักศึกษาครู 30 คนจากทั่วประเทศ และหวังจะส่งต่อพื้นที่ปลอดภัยไปยังเด็กๆ 3,000 คน ภายใน 2 ปี  เพราะเราเชื่อว่าหากติดทักษะการสร้างความรู้สึกปลอดภัยทางจิตใจให้แก่นักศึกษาครูก่อนเขาจะเข้าไปสู่ระบบการศึกษา ย่อมทำให้เขามีเกราะในการดูแลตนเองก่อนจะสามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้แก่เด็ก ๆ และป้องกันการเกิดผลลัพธ์เชิงลบในห้องเรียน อาทิ การ Bully การใช้อำนาจในชั้นเรียนอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลให้เด็ก ๆ เกิดความรู้สึกปลอดภัยและอยากมาโรงเรียนเพื่อเรียนรู้กับครู ได้มากขึ้น

ปัญหาสังคม

ปัญหาสุขภาพจิตในวัยรุ่นไทยกำลังอยู่ในสภาวะที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน กรมสุขภาพจิต (2024) รายงานว่า จากการสำรวจเด็กและวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี 3.6 แสนคน พบเสี่ยงซึมเศร้ามากถึง 10.86% โดยมีหลายคนที่มีแนวโน้มทำร้ายตัวเองและมีความคิดจบชีวิตตนเอง ในทางกลับกัน บุคลากรทางการแพทย์ในแขนงสุขภาพจิตของไทยนั้นขาดแคลนอย่างหนัก สสส (2023) นโยบายการดูแลสุขภาพจิตของวัยรุ่นไทยจึงไม่ควรมุ่งเน้นการรักษา แต่ควรสร้างโครงข่ายที่จะป้องกันก่อนเกิดปัญหา และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนึ่งในพื้นที่ที่วัยรุ่นไทยใช้เวลาอยู่มากที่สุดคือ ภายในโรงเรียน และบุคคลที่ใกล้ชิดกับวัยรุ่นก็หนีไม่พ้น คุณครู เพราะฉะนั้นการสนับสนุนให้คุณครูซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจภายในห้องเรียนมีความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของประเด็นนี้ เข้าใจบทบาท หน้าที่ และท่าทีที่เหมาะสมของตนเองในการสร้างความปลอดภัยทางจิตใจ การรู้เท่าทันความคิด อารมณ์ พฤติกรรมของตนเองที่อาจส่งผลกระทบกับสุขภาพจิตของผู้เรียน รวมถึงมีทักษะในการมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มผู้เรียนวัยรุ่น จึงเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนอย่างยิ่ง

 จากการดำเนินงานโครงการ *ครูซัพใจ* ที่ผ่านมาทั้ง 2 รุ่น ด้วยกระบวนการ Thematic Coding พบว่า คุณครูมากกว่า 80% จากผู้เข้าร่วมอบรมทั้งหมด มองเห็นอำนาจทับซ้อนที่อยู่กับอัตลักษณ์ครู เห็นความสำคัญของทักษะการฟังและการสื่อสารอย่างตระหนักรู้ในการสร้างความปลอดภัยทางจิตใจให้กับผู้เรียน รวมถึงได้เรียนรู้ทักษะการดูแลตนเองเมื่ออยู่ท่ามกลางความขัดแย้งในชีวิตประจำวัน ผ่านทางฐานกาย และฐานใจ

ได้ลองเอาการสังเกตความขัดแย้งภายในตัวเองและผ่อนคลายตัวเอง การฟังเพื่อตระหนักรู้แบบต่าง ๆ ไปใช้ตอนแก้ปัญหาให้กับนักเรียนค่ะ เราจัดการความรู้สึกย้อนแย้งที่มีหลังฟังเรื่องนักเรียนได้ดีขึ้นค่ะ รู้สึกว่าวางปัญหาได้ไวกว่าเดิม ไม่จม ไม่คิดนานเท่าแต่ก่อน - คุณครูมัธยมจากโครงการครูซัพใจรุ่นที่ 1
ลองนำกิจกรรมแสดงความรู้สึกภายในมาสู่ภายนอกไปใช้กับนักเรียน Feedback ของนักเรียนบอกว่าได้ฝึกการมองภาพแล้วตีความกับตัวเองแล้วได้เห็นการมอง การวิเคราะห์ของคนอื่น ได้คุยและเข้าใจกันเองมากขึ้นระหว่างรุ่นพี่ รุ่นน้อง - คุณครูวิทยาลับบริหารธุรกิจ จากโครงการครูซัพใจรุ่นที่ 1

 ทีมเพลินฯ เล็งเห็นว่า ทักษะและผลลัพธ์รูปแบบนี้จะเป็นประโยชน์กับ "ว่าที่คุณครู" ที่กำลังอยู่ระหว่างศึกษาด้วยเช่นเดียวกัน จึงได้จัดให้มีการระดมทุนในครั้งนี้ขึ้น เพื่อนำเงินบริจาคไปจัดการอบรมให้กับนักศึกษาครู โดยมีเป้าหมายให้นักศึกษาครูเข้าร่วม 30 คน และมีการให้ทุนค่าเดินทางและค่าที่พักกับนักศึกษาครูที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล จำนวน 15 ทุน เพื่อกระจายโอกาสการเข้าถึงการอบรมโดยทำงานร่วมกับโครงการครูรักษ์ถิ่น รักคุณธรรม ซึ่งสามารถการันตีได้ว่านักศึกษาครูเหล่านี้จบไปแล้วจะประกอบอาชีพครูอย่างแน่นอน (สามารถดูรายละเอียดโครงการครูรักษ์ถิ่น รักคุณธรรม ได้ที่ลิงค์นี้)

           

วิธีการแก้ปัญหา

  1. จัดการอบรมเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในจิตใจ และทักษะการจัดการความขัดแย้งภายนอกสำหรับนักศึกษาครูเพื่อส่งเสริมการสร้างห้องเรียนที่มีความปลอดภัยทางจิตใจ (อบรม onsite 4 วัน @ กทม.)

  2. จัดให้มีระบบให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหลังอบรมเพื่อพัฒนาการตระหนักรู้และทักษะในการสร้างความปลอดภัยทางจิตใจผ่านช่องทางสื่อสารออนไลน์อย่างน้อย 3 ครั้ง

  3. สร้างชุมชนนักปฏิบัติการเพื่อเป็นรากฐานในการสร้างเครือข่ายนักศึกษาครู เพื่อเพิ่มโอกาสการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างนักศึกษาครูด้วยกัน โดยมี incentive ในการพัฒนา หรือดูแลตนเองสำหรับนักศึกษาครูผู้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง

  4. ขับเคลื่อนโครงการกับนักศึกษาครู เพื่อสร้างเมล็ดพันธุ์ในการสร้างทัศนคติเกี่ยวกับพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจเข้าสู่โรงเรียน โดยแบ่งออกเป็นนักศึกษาครูในกทม. 15 คน และนักศึกษาครูต่างจังหวัด 15 คน ซึ่งมีกระบวนการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการผ่านการเขียนอธิบายถึงเหตุผลของความต้องการเข้าร่วมโครงการและการนำไปปรับใช้กับตนเอง

แผนการดำเนินงาน

  1. พ.ย. 2568

    เตรียมข้อมูลระดมทุน

  2. พ.ย. - ธ.ค. 2568

    พูดคุยความร่วมมือระหว่างโครงการครูซัพใจและมหาวิทยาลัยที่ต้องการพัฒนาทักษะการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้แก่นักศึกษาครู เช่น จุฬาลงกรณ์ ราชภัฏ มศว ฯลฯ

  3. ม.ค. - มี.ค. 2569

    ออกแบบแนวทางการประชาสัมพันธ์ถึงกลุ่มเป้าหมายนักศึกษาครูทั่วประเทศ

  4. เม.ย. - พ.ค. 2569

    เปิดรับสมัครนักศึกษาครูที่สนใจเข้าร่วมโครงการทางช่องทาง Online และ On-site ผ่านความร่วมมือของมหาวิทยาลัย

  5. พ.ค. 2569 - พ.ค. 2568

    ประกาศผลผู้ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรม

  6. มิ.ย. 2569

    จัดกิจกรรมอบรม On-site หลักสูตรครูซัพใจ ให้กับนักศึกษาครู ระยะเวลา 4 วัน (สัปดาห์ละ 2 วัน รวมทั้งสิ้นใช้เวลา 2 สัปดาห์)

  7. ก.ค. - ก.ย. 2569

    จัดกิจกรรมวงสนทนาเพื่อสร้างชุมชนนักปฏิบัติรูปแบบ Online เดือนละ 1 ครั้ง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเพิ่มเติมทักษะที่นักศึกษาครูต้องการ

  8. ต.ค. - พ.ย. 2569

    สรุปผลการดำเนินโครงการสร้างแกนนำนักศึกษาครูในการสร้างพื้นที่ปลอดภัย

  9. เม.ย. - ก.ย. 2569

    ประชาสัมพันธ์ผลลัพธ์และสิ่งที่ได้เรียนรู้ระหว่างโครงการในรูปแบบ visual note หรือ VDO สั้น ผ่านพื้นที่ออนไลน์ต่าง ๆ

แผนการใช้เงิน

รายการจำนวนจำนวนเงิน (บาท)
ทุนสนับสนุนการเข้าร่วมโครงการให้แก่นักศึกษาครู ระยะเวลา 4 เดือน คนละ 17,000 บาท

รวมค่าลงทะเบียนอบรม / ค่าอาหาร / ค่าที่พัก+ค่าเดินทาง สำหรับนศ.ครูต่างจังหวัด

30คน510,000.00
รวมเป็นเงินทั้งหมด510,000.00
ค่าสนับสนุนเทใจ (10%)51,000.00
ยอดระดมทุน
561,000.00

ผู้รับผิดชอบโครงการ

เพลินจะเรียนเพียรจะเล่น (ทีมเพลินฯ) เกิดจากการรวมตัวกันของนักวิชาชีพด้านสุขภาพจิต นักศิลปะบำบัด นักพัฒนาศักยภาพคุณครู และเพื่อนๆ สหวิชาชีพ ที่มีความตั้งใจเดียวกันคือการผลักดันการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการสนับสนุนสุขภาวะทางจิตใจและทางสังคมให้กับคนไทย โดยเรามีอาวุธลับอยู่ที่การใช้เครื่องมือศิลปะ การเล่น และการโอบรับความเป็นมนุษย์ มาสร้างการเรียนรู้และการดูแลจิตใจที่ทั้งสนุก และได้ผลจริง ทีมเพลินฯ มีประสบการณ์ทำงานอบรม ออกแบบและจัดกิจกรรมให้กับองค์กรมากมาย ในประเด็นการสร้างความตระหนักรู้ภายใน การดูแลสุขภาพจิตคนในองค์กร การสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจ และการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืน องค์กรที่ร่วมงานกับเรา เช่น สสส. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สมาคมคนรุ่นใหม่กับนวัตกรรมทางสังคม (ภายใต้โครงการ *ครูซัพใจ*) และอื่นๆ อีกมากมาย ทีมเพลินฯ นำทีมโดย - ฤทธิ์-ศุภฤทธิ์ ทวีเกียรติ พ่อเลี้ยงเดี่ยวของลูกที่มีความต้องการพิเศษ นักบำบัดในถาดทราย นักเพศวิทยาคลินิกและนักเพศบำบัด - หลิว-เกวลิน ศักดิ์สยามกุล นักศิลปะบำบัดขึ้นทะเบียน (ANZACATA) และนักออกแบบกระบวนการเรียนรู้เพื่อความยั่งยืน - ฝ้าย-เอมวรางค์ ศิริรัตนคุ้มวงศ์ นักพัฒนาศักยภาพครู และผู้บริหารโครงการเพื่อสังคมมืออาชีพ ประสบการณ์มากกว่า 10 ปี

ดูโปรไฟล์

สร้างเพจระดมทุน

ร่วมกันระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการนี้

สร้างเพจระดมทุนให้โครงการนี้
icon