ประเทศไทยมีจำนวนเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าสูงถึง 25-30% คิดเป็นเด็กจำนวน 570,000 คนต่อปี ซึ่งปัญหาเด็กพัฒนาการล่าช้านี้ส่งผลกระทบต่อสังคมในทุกระดับชั้น ในระดับครอบครัว ภาวะพัฒนาการล่าช้าเมื่อปล่อยทิ้งไว้จะมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นจนเป็นภาวะที่ต้องมีการบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่องและเป็นเวลานาน ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่เพิ่มมากขึ้น ก่อให้เกิดความเครียดต่อสมาชิกทุกคนในครอบครัว และหากเด็กมีอาการรุนแรงทำให้เสียโอกาสทางการศึกษา ในระดับสังคม เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่จะส่งผลให้เป็นผู้ใหญ่ที่ขาดความสามารถในการเรียนรู้ทักษะใหม่ และขาดความสามารถในการปรับตัว ส่งผลให้เสียโอกาสในการเลี้ยงดูตนเองได้ ในระดับประเทศ เป็นการเสียโอกาสทางการแข่งขันทางเศรษฐกิจจากการมีประชากรที่ด้อยคุณภาพ โดยประเทศไทยมีการประเมินไว้ว่าถ้าสามารถแก้ปัญหาเด็กพัฒนาการล่าช้าได้ จะเพิ่ม GDP ได้อีก 2% สาเหตุของปัญหาเด็กพัฒนาการล่าช้า มาจากการค้นพบเด็กที่มีภาวะเสี่ยงพัฒนาการล่าช้าได้ช้า ทำให้เด็กเสียโอกาสในการได้รับการส่งเสริมกระตุ้นพัฒนาการให้กลับมาสมวัย ในช่วงวัยที่แก้ไขได้ดีที่สุด คือในช่วงวัยแรกเกิดถึงสามขวบ เพราะเป็นช่วงที่มีงานวิจัยรองรับว่าเป็นช่วงเวลาที่สมองของเด็กมีการยืดหยุ่น เรียนรู้และเติบโตได้ดีที่สุด จากข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ. 2564 มีจำนวนเด็กที่ได้รับการคัดกรองพัฒนาการเพียงร้อยละ 69.94 ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 90 และมีเด็กที่ได้รับการกระตุ้นพัฒนาการทันทีที่มีภาวะเสี่ยงพัฒนาการเพียงร้อยละ 14.43 จากการศึกษาข้อมูลในเชิงพฤติกรรมของกลุ่มพ่อแม่ ทั่วประเทศ ลูกทำได้พบว่า สาเหตุพื้นฐานของการที่เด็กได้รับการคัดกรองต่ำกว่าเป้าหมายมาจากการที่พ่อแม่ผู้เลี้ยงดูเด็กขาดการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการคัดกรอง และขาดทักษะในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กเมื่อมีภาวะเสี่ยงพัฒนาการล่าช้า ทำให้เด็กพลาดช่วงโอกาสทองของชีวิตในการมีคุณภาพชีวิตจากการมีพัฒนาการสมวัยไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งจากผลงานวิจัยมากมายที่ยืนยันถึงความสำคัญของประสิทธิผลในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดภายในช่วงแรกเริ่มของชีวิต ลูกทำได้ จึงให้ความสำคัญกับเป้าหมายในการให้บริการเพื่อการส่งเสริมและสนับสนุนให้พ่อแม่ผู้เลี้ยงดูเด็กเป็นผู้ที่มีทักษะในการจัดการส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการสมวัยได้ โดยใช้กระบวนการการเรียนรู้พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย พ่อแม่ผู้เลี้ยงเด็ก ทั่วประเทศ โดยการสุ่มเลือกจากจังหวัด 5 จังหวัด เพื่อเป็นตัวแทนของประชากรในแต่ละภูมิภาคในประเทศไทย เป็นตัวแทนในการศึกษาข้อมูล กลุ่มเป้าหมาย: พ่อแม่ที่มีข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ มีรายได้ครัวเรือนไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน มีลูกคนแรก และใช้บริการสาธารณสุขทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลเป็นหลัก กระบวนการในการแก้ปัญหา การสร้างกระบวนการการคัดกรองและส่งเสริมพัฒนาการเด็กที่พ่อแม่เข้าถึงได้ง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพ ลูกทำได้ ได้ให้บริการใน 2 ส่วนคือ เครื่องมือที่ช่วยให้พ่อแม่คัดกรองพัฒนาการทั้ง 5 ด้าน ได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พ่อแม่ได้รู้ระดับพัฒนาการของลูกที่แท้จริง และวิธีในการส่งเสริมพัฒนาการลูกทันทีที่มีภาวะเสี่ยง ผ่านทางแชทบอท LINE@lukthamdai ด้วยมีคุณสมบัติติการให้บริการหลักคือ ระบบการลงทะเบียน เพื่อระบบคำนวณช่วงวัยที่เหมาะสมในการคัดกรองพัฒนาการ ระบบการแจ้งเตือน เมื่อถึงช่วงวัยที่ต้องทำการคัดกรองพัฒนาการ ระบบการให้คำปรึกษา ด้วย LIVE Agent บริการให้คำปรึกษา เมื่อพ่อแม่ที่ข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดการพัฒนาการ เพื่อให้พ่อแม่มีทักษะความรู้มากพอที่เกิดความเชื่อมั่นว่า เราคือผู้ที่จัดการพัฒนาการลูกได้ดีที่สุด ผลลัพธ์ในการแก้ไขปัญหา บริการลูกทำได้ ช่วยให้พ่อแม่เกิดการคัดกรองและติดตามระดับพัฒนาการทั้ง 5 ด้าน ในเด็กอย่างน้อย 2 ช่วงวัยแล้วมากกว่า 1,800 คน บริการลูกทำได้ ให้คำแนะนำที่พ่อแม่นำไปใช้กระตุ้นพัฒนาการลูกทันทีที่มีความเสี่ยงพัฒนาการล่าช้าแล้วมากกว่า 550 คน ลูกทำได้ เป็นการสร้างกระบวนการคัดกรองและส่งเสริมพัฒนาการขึ้นมาใหม่ โดยเน้นการสร้างให้เกิด Active Parent ที่เข้าใจถึงความสำคัญและมีทักษะในการส่งสเริมพัฒนาการสมวัย ด้วยการให้บริการทางด้านสุขภาพขั้นพื้นฐาน Primary Health Care ที่เน้นการป้องกันที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการแก้ไข และช่วยส่งเสริมให้การเข้าถึงบริการการคัดกรองและส่งเสริมพัฒนาการเด็กเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเป็นธรรม เพื่อสร้างความยั่งยืนในการแก้ปัญหาเด็กไทยพัฒนาการล่าช้า
-