ความเคลื่อนไหว

  • ความคืบหน้าโครงการ > ตรวจ DNA ให้เด็กเยาวชนและกลุ่มเปราะบางที่ไร้รัฐไร้สัญชาติ

    ตรวจ DNA บุคคลไร้สัญญาติ 19 คน

    16 พฤษภาคม 2024

    จากการตรวจบุคคลไร้สัญชาติให้กับเด็กและผู้เปราะบางในปี 2566 ที่ผ่านมา จากการระดมทุนจากผู้บริจาคจากเทใจดอทคอม ADRA Thailand ได้รับการสนับสนุนค่าดำเนินการตรวจ DNA และค่าเดินทางเพื่อช่วยเหลือเด็กและผู้เปราะบาง พื้นที่อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เป็นจำนวน 19 คน แบ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 4 ราย และบุคคลไร้สัญชาติทั่วไป จำนวน 15 ราย ให้เข้าถึงสิทธิสัญชาติไทย

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น

    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จำนวนความเปลี่ยนแปลง
    เด็กและเยาวชน อาศัยอำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย4 คนเด็กที่ไร้สัญชาติได้รับการตรวจ DNA และมีโอกาสได้รับสัญชาติไทย
    ประชาชนผู้เปราะบาง อาศัยอำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย15 คนมีโอกาสได้รับสัญชาติไทย
    ADRA Thailand และเทใจดอทคอม ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนโครงการเพื่อช่วยเหลือเด็กและผู้เปราะบางให้ได้รับการตรวจสายโลหิตเพื่อได้รับการพิจารณาให้สัญชาติไทยและสิทธิทางกฎหมาย 💖

    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > น้ำดื่มสะอาดเพื่อเด็กกำพร้า

    ล้างเครื่องกรองน้ำ และติดตั้งตู้กดน้ำเย็นพื่ออุปโภค บริโภค

    16 พฤษภาคม 2024

    วันที่ 10 เมษายน 67 ติดต่อประสานงานกับช่างเพื่อให้มาล้างเครื่องกรองน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค

    วันที่ 16 เมษายน 67 ช่างเข้ามาล้างทำความสะอาดเปลี่ยนสารกรอง น้ำเพื่ออุปโภคบริโภค แทงก์น้ำหลังบ้าน จำนวน 2 ถัง

    วันที่ 19 เมษายน 67 สั่งซื้อตู้กดน้ำเย็นสแตนเลส แบบต่อท่อ 2 ก๊อก จำนวน 1 เครื่อง

    วันที่ 22 เมษายน 67 ได้รับตู้กดน้ำเย็นสแตนเลส แบบต่อท่อ 2 ก๊อก จำนวน 1 เครื่อง

    วันที่ 23 เมษายน 67 จัดซื้ออุปกรณ์สำหรับติดตั้งตู้กดน้ำเย็นและอื่นๆ

    วันที่ 24 เมษายน 67 ติดตั้งตู้กดน้ำเย็นแล้วเสร็จ พร้อมให้เด็กได้ดื่มน้ำเย็น

    *หมายเหตุ ทางมูลนิธิฯ จะล้างทำความสะอาดเปลี่ยนสารกรองสำหรับน้ำดื่ม กำลังการผลิต 6,000 ลิตรต่อวัน ขนาดรุ่น One Stop 6 Q เปลี่ยนสารกรองปีละ 1 ครั้ง จำนวน 1 ชุด และจะทำการล้างในเดือนกรกฎาคม

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์ 

     “ ผมขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่ได้มีส่วนทำให้พวกผมได้ดื่มน้ำที่สะอาดปลอดภัยและน้ำที่เย็นครับ รวมทั้งได้ใช้น้ำที่สะอาดด้วยครับ ” น้องกาก้า
    “ ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนและเทใจมากๆ ครับ ที่ทำให้พวกผมมีน้ำดื่มสะอาดและได้ใช้น้ำที่สะอาดด้วยครับ ขอบคุณครับ ” น้องสมชาย
    “ ขอบคุณทุกๆ ท่านจากใจจริงๆ ค่ะ เพราะน้ำคือสิ่งที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตมากๆ พี่ๆ ได้มอบสิ่งดีๆ ให้กับพวกหนู ขอให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับพี่ๆ ด้วยเช่นกันนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ ” น้องขวัญ

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชนเด็กและเยาวชน ศูนย์การเรียนบ้านนานา ในมูลนิธิพันธกิจเด็กและชุมชน อ.แม่สาย จ.เชียงราย160 คนเด็กๆ ในมูลนิธิฯมีน้ำสะอาดและปลอดภัยไว้อุปโภค บริโภค และ โรคผิดผิวหนังของเด็กลดลง   
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม





    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > มอบอุปกรณ์การศึกษา โรงเรียนบ้านมูเซอ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่

    มอบอุปกรณ์ศิลปะแก่โรงเรียนบ้านมูเซอ อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่

    14 พฤษภาคม 2024

    ทางผู้จัดทำโครงการได้มีการติดต่อซื้ออุปกรณ์การเรียนทางด้านศิลปะ เพื่อเป็นการสนับสนุนด้านอุปกรณ์การเรียนให้แก่โรงเรียนมูเซอ คุณครูและนักเรียนสามารถมีอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ณ ขณะนี้ อยู่ระหว่างการจัดส่งอุปกรณ์ไปยังโรงเรียนบ้านมูเซอ อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้มีอุปกรณ์บางส่วนถึงทางโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ในวันที่ 25 เมษายน 2657 ทางโรงเรียนบ้านมูเซอได้รับอุปกรณ์การศึกษาด้านศิลปะ จากโครงการมอบอุปกรณ์การศึกษา โรงเรียนบ้านมูเซอ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ โดยนักศึกษาชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยพัฒนศาสาตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ได้ใช้แพลตฟอร์มเทใจดอทคอมในการดำเนินโครงงานระดมทุนส่งเสริมอุปกรณ์การศึกษาแก่นักเรียนที่ขาดแคลนอุปกรณ์ในการเสริมทักษะ พัฒนาศักยภาพของตนเองในระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา เป็นจำนวน 388 คน ซึ่งทุกคนจะได้รับอุปกรณ์ที่ช่วยสนับสนุนให้พัฒนาการที่ดียิ่งขึ้นในชั้นเรียน และทางโรงเรียนหรือครอบครัวเองได้รับการแบ่งเบาภาระในการต้องจัดซื้อ จัดหาอุปกรณ์ให้แก่นักเรียนและลูกหลาน

    ดังนั้น โครงการมอบอุปกรณ์การศึกษา โรงเรียนบ้านมูเซอ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ สามารถช่วยเหลือและสนับสนุนทางด้านของโรงเรียน นักเรียน คุณครู รวมไปถึงครอบครัวของนักเรียนเอง เนื่องจากทางผู้จัดทำโครงการได้มองเห็นถึงสิ่งที่นักเรียนในโรงเรียนบ้านมูเซอมีและอยากสนับสนุน นั้นคือ ความสามารถทางด้านศิลปะ ได้เห็นจากในหลาย ๆ กิจกรรมที่โรงเรียนจัด และกิจกรรมภายนอก

    ข้อเสนอแนะ โครงการมอบอุปกรณ์การศึกษา โรงเรียนบ้านมูเซอ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ มีดังนี้

    • การช่วยเหลือในครั้งถัดไปอาจเป็นการส่งเสริมศักยภาพของนักเรียนโดยตรง ผ่านการจัดกิจกรรมที่เชิญวิทยากร หรือประเด็นที่นักเรียนสนใจ เพื่อเป็นแนวทางให้นักเรียนได้สานต่อความสนใจของตนเอง
    • อาจมีการช่วยเหลือในด้านอื่น ๆ เช่น อุปกรณ์พัฒนาคุณภาพชีวิต (เครื่องกรองน้ำ ห้องน้ำ ฯลฯ)
    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

    “ ขอขอบพระคุณไปยังคณะทีมงานในโครงการเทใจดอทคอม ทุกท่านที่ได้ระดมทุนเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนด้านศิลปะให้แก่เด็กๆ นักเรียน ซึ่งอุปกรณ์การเรียนดังกล่าวล้วนเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเด็กๆ ทั้งนี้คุณครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียน ในการจัดการเรียนการสอน และสนับสนุนนักเรียนที่มีความสนใจและมีความสามารถด้านศิลปะอย่างเต็มความสามารถ ทางโรงเรียนรู้สึกซาบซึ้งใจมากๆ จึงขอขอบพระคุณทางโครงการเทใจมา ณ โอกาสนี้ ” นายพศิน ใบศล ผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมด้วยนางสาวพิกุล แปงใจ รองผู้อำนวยการโรงเรียน และคณะครูโรงเรียนบ้านมูเซอ

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชนเด็ก ชั้นอนุบาล - มัธยมตอนต้น ในโรงเรียนบ้านมูเซอ388 คนเด็กนักเรียนมีอุปกรณ์การเรียนที่เหมาะสมต่อการพัฒนาในช่วงวัยของตนเอง และอุปกรณ์เหล่านี้เป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการเรียนรู้เสริมสร้างจินตนาการ ความฝัน ให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต อุปกรณ์นี้ยังสามารถใช้กับนักเรียนในรุ่นถัดไปได้
    โรงเรียนโรงเรียนบ้านมูเซอ1 โรงเรียนโรงเรียนบ้านมูเซอมีอุปกรณ์การเรียนการสอนที่เพียงพอต่อเด็กนักเรียนภายในโรงเรียน 
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม



    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > หน้ากากอนามัยเพื่อผู้ประสบภัยมลพิษทางอากาศของเด็กด้อยโอกาส

    มอบหน้ากากอนามัย N95 ให้กับเด็กๆ ในศูนย์การเรียนบ้านนานา

    10 พฤษภาคม 2024
    • วันที่ 12 มีนาคม 2567 ทางเทใจโอนเงินเข้ามาที่ มูลนิธิพันธกิจเด็กและชุมชน
    • วันที่ 15 มีนาคม 2567 ทางบ้านนานาไปเบิกเงินเพื่อจะจัดซื้อหน้ากากอนามัย
    • วันที่ 19 มีนาคม 2567 ไปซื้อหน้ากากอนามัย N95 ป้องกันฝุ่น PM 2.5 จำนวน 82 กล่อง สำหรับเด็ก 120 คน ระยะเวลา 1 เดือน กับ 16 วัน
    • วันที่ 20 มีนาคม 2567 แจกหน้ากากอนามัย N95 ให้กับเด็กด้อยโอกาสในศูนย์การเรียนบ้านนานา ได้สวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5 สำหรับ 1 เดือน กับ 16 วัน
    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์ 

     “ ขอขอบคุณผู้ที่มีส่วนสนับสนุนให้พวกผมได้มีหน้ากากอนามัยมาให้พวกผมได้ใส่เพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5 ครับ ” น้องวิน

     “ ผมดีใจมากเลยครับที่ผมมีหน้ากากอนามัยใส่แล้ว จะ ไม่ได้ดมฝุ่นเหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมาครับ ” น้องดาเนียล

     “ หนูดีใจที่มีหน้ากากอนามัยใส่แล้วค่ะ เพราะว่าตอนนี้หมอกควันจากไฟป่าเยอะมากๆ ทำให้แสบตาแสบจมูก และขอขอบคุณทางเทใจและผู้ที่มีส่วนในการสนับสนุนในครั้งนี้ด้วยค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ ” น้องฮันนา

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ 
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชนเด็กด้อยโอกาสในศูนย์การเรียนบ้านนานา120 คนเด็กๆ ได้รับการบรรเทามลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น จากการเผาไร่ นา และไฟป่าได้ โดยใส่หน้ากากอนามัยกรองมลภาวะต่างๆ
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม




    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > น้องไนซ์ ผิวหนังหลุดลอก ไฟคลอกทั่วร่างกาย

    “น้องไนซ์” เข้ารับการรักษาแผลไฟคลอกทั่วร่างกาย

    9 พฤษภาคม 2024

    ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้ “น้องไนซ์” อายุ 14 ปี จ.น่าน ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุไฟคลอกเมื่อปี 2566 ปัจจุบันน้องได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายหนังเทียมและฉีดฟิลเลอร์รักษาแผลเป็นรอยนูนให้ยุบลงแล้ว

    มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ.ฯ ขอขอบคุณผู้บริจาคที่มีจิตเมตตาที่ช่วยสนับสนุนและช่วยเหลือค่าอุปกรณ์ทำแผล Pontoson Gel x อุปกรณ์ผ่าตัด Meek Micrograft อุปกรณ์ Pressure Garment เพื่อตัดเอาชิ้นเนื้อที่ตายออก และชุดพิเศษที่ใช้ลดแผลเป็น รวมถึงค่าผ่าตัดศัลยกรรมพลาสติกผิวหนังและค่าใช้จ่ายในการฉีดฟิลเลอร์รักษารอยนูนแผลเป็น เดือนละ 1 ครั้งๆ ละ 30-40 เข็ม

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

    “ ดิฉันและครอบครัวขอกราบขอบคุณทางมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ ฯ และผู้มีจิตตาเมตตา ที่มอบชีวิตใหม่ให้น้องไนซ์ เพราะหากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากท่าน ดิฉันและครอบครัวก็ไม่รู้ว่าจะหาหนทางไหนที่จะหาเงินจำนวนมากมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าอุปกรณ์ที่เบิกจ่ายไม่ได้ตามสิทธิ์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปโรงพยาบาลในแต่ละครั้ง ตอนนี้อาการของน้องไนซ์ดีขึ้นมากเป็นลำดับ น้องกำลังฝึกเดินเพื่อไม่ให้พังผืดที่ข้อพับยึดติดกัน ขอบคุณเจ้าหน้าที่ ซี.ซี.เอฟ.ฯ ที่คอยมาเยี่ยมและขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามให้กำลังใจแม่และน้องด้วยค่ะ ” ผู้ปกครองน้องไนซ์

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชนน้องไนซ์ เด็กที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุไฟคลอก1 คนน้องได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายหนังเทียมและฉีดฟิลเลอร์รักษาแผลเป็นรอยนูนให้ยุบลง
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม



     

    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > กองทุนรักษาเต่าบาดเจ็บ

    การช่วยเหลือเต่าและตะพาบไทย ประจำปี 2564-2566

    8 พฤษภาคม 2024

    สรุปผลการช่วยเหลือเต่าและตะพาบไทย ประจำปี 2564

    ในปี 2564 ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ ได้รับเต่าและตะพาบไทยไม่มีเจ้าของที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและเจ็บป่วย เข้ามารักษาในโรงพยาบาลจำนวนทั้งสิ้น 81 ตัว โดยแบ่งเป็นเต่าชนิดต่างๆ แสดงดังในตาราง


    โดยจากจำนวนเต่าทั้งหมด แบ่งเป็น

    • เต่าที่ได้รับบาดเจ็บกระดองแตกจากอุบัติเหตุรถทับ จำนวน 31 ตัว
    • เต่าที่มีอาการเจ็บป่วยอื่น จำนวน 48 ตัว
    • เต่าติดเบ็ด จำนวน 2 ตัว

    หลังจากทำการรักษาพบว่ามีเต่าที่ได้รับการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติไปแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 66 ตัว และเต่าที่เสียชีวิตจำนวน 15 ตัว

    สรุปผลการช่วยเหลือเต่าและตะพาบไทย ประจำปี 2565

    ในปี 2565 ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ ได้รับเต่าและตะพาบไทยไม่มีเจ้าของที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและเจ็บป่วย เข้ามารักษาในโรงพยาบาลจำนวนทั้งสิ้น 164 ตัว โดยแบ่งเป็นเต่าชนิดต่างๆ แสดงดังในตาราง 


    โดยจากจำนวนเต่าทั้งหมด แบ่งเป็น

    • เต่าที่ได้รับบาดเจ็บกระดองแตกจากอุบัติเหตุรถทับ จำนวน 79 ตัว
    • เต่าที่มีอาการเจ็บป่วยอื่น จำนวน 79 ตัว
    • เต่าติดเบ็ด จำนวน 6 ตัว

    หลังจากทำการรักษาพบว่ามีเต่าที่ได้รับการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 127 ตัว และเต่าที่เสียชีวิตจำนวน 37 ตัว

    สรุปผลการช่วยเหลือเต่าและตะพาบไทย ประจำปี 2566

    ในปี 2566 ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ ได้รับเต่าและตะพาบไทยไม่มีเจ้าของที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและเจ็บป่วย เข้ามารักษาในโรงพยาบาลจำนวนทั้งสิ้น 159 ตัว โดยแบ่งเป็นเต่าชนิดต่างๆ แสดงดังในตาราง


    โดยจากจำนวนเต่าทั้งหมด แบ่งเป็น

    • เต่าที่ได้รับบาดเจ็บกระดองแตกจากอุบัติเหตุรถทับ จำนวน 65 ตัว
    • เต่าที่มีอาการเจ็บป่วยอื่น จำนวน 86 ตัว
    • เต่าติดเบ็ด จำนวน 8 ตัว

    หลังจากทำการรักษาพบว่ามีเต่าที่ได้รับการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 111 ตัว เต่าที่ยังอยู่ในการดูแลรักษาจำนวน 10 ตัว เต่าที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟูร่างกายก่อนทำการปล่อยจำนวน 21 ตัว และเต่าที่เสียชีวิตจำนวน 17 ตัว

    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม





    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > ข้าวสาร 3 มื้อ ช่วยเด็กถูกทอดทิ้งและถูกทำร้าย (ปี2)

    จัดซื้อข้าวสารให้เด็กๆ บ้านพักวางใจ

    2 พฤษภาคม 2024

    ข้าวสารทั้งหมดจำนวน 4 กระสอบในทุกเดือนตลอดระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 จนถึงเดือนพฤษภาคม 2567 ได้ช่วยชีวิตเด็กที่อยูในบ้านพักวางใจทั้งหมด 43 คน ให้ได้รับอาหารทุกวันจำนวน 3 มื้ออย่างไม่ขาด

    ซึ่งก่อนหน้าที่บ้านพักวางใจจะได้รับการช่วยเหลือด้านข้าวสาร เด็กและผู้ดูแลต้องวิตกกังวลถึงจำนวนข้าวสารที่มาถึงเด็กในแต่ละเดือน เนื่องจากการสนับสนุนจากผู้ปกครองเด็กบางคนที่มีกำลัง ไม่สามารถให้ได้เพียงพอต่อเด็กทั้งหมดในหอพัก จึงทำให้บางครั้งต้องเปิดรับบริจาคข้าวสารจากชาวบ้านหรือผู้ที่ต้องการบริจาคข้าวสารมาโดยตลอด ซึ่งโครงการข้าวสาร 3 มื้อใน 1 ปีที่ผ่านมาได้ช่วยให้เด็กได้อุ่นใจและมีอาหารทานทุกมื้อ นอกจากจะนำข้าวสารเป็นอาหารพื้นฐานของเด็ก ทางหอพักได้นำมาดัดแปลงเป็นเมนูต่างๆ เช่น เมนูข้าวต้มหมู เมนูข้าวผัด เมนูโจ๊ก เมนูข้าวยำ เพื่อให้เด็กไดรับความหลากหลายทางเมนูอาหาร

    นอกจากนี้ตลอดที่ทางหอพักได้รับความช่วยเหลือด้านข้าวสาร ยังพบว่าในบางเดือนต้องดื้นรนสรรหาผักและเนื้อสัตว์เพื่อประกอบอาหาร เนื่องจากในขณะนี้หอพักยังมิได้มีผู้สนับสนุนหลักในด้านการช่วยเหลืออาหารเด็ก จึงทำให้ต้องใช้ช่องทางเทใจเป็นอีกหนึ่งสื่อหลักเพื่อประชาสัมพันธ์และระดมทุนเพื่อเด็กเหล่านี้ต่อไป

    ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์ 


    “ หนูเป็นตัวแทนของเด็กบ้านพักวางใจนะคะ อยู่หอนี้มา 7 ปีแล้วค่ะ เข้ามาอยู่ใหม่ๆ ก็มีปัญหาด้านการเงินนะคะ ทั้งค่าเทอม ค่าอาหาร พอบ้างไม่พอบ้าง แต่ได้มารู้จักกับเพจเทใจค่ะ ที่ได้เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระอาหารมื้อเช้า กลางวัน เย็น ให้กับพวกหนูและก็เด็กหอที่อยู่ในบ้านพักวางใจค่ะ ขอบคุณเทใจมากค่ะที่ได้เห็นใจและได้เข้ามาช่วยเหลือพวกหนู ขอบคุณค่ะ นางสาวอภิสรา ยีเซาะ อายุ 16 ปี


    “ สวัสดีค่ะ หนูเข้ามาอาศัยบ้านพักวางใจมานานแล้วค่ะ ช่วงแรกๆ ที่เข้ามาก็กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะมีแค่แม่คนเดียวที่ต้องคอยส่งพวกหนูที่มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน ทั้งค่ากิน ค่าเทอม ทุกอย่างไม่พอเลยค่ะ แต่ตั้งแต่เพจเทใจได้เข้ามาช่วยเหลือ รู้สึกดีใจมากค่ะ และก็ช่วยพวกหนูได้เยอะมากเลยค่ะ ทำให้ช่วงแบ่งเบาภาระของบ้านพักวางใจได้เยอะมากเลยค่ะ อยากขอบคุณมากๆ ค่ะ ” เด็กหญิงเบญจมาศ ยีเซาะ อายุ 14 ปี


    “ ผมชื่ออากาเป้ครับ ผมอยู่บ้านพักวางใจตั้งแต่เด็กจนโตครับ ก่อนที่จะได้รู้จักเพจเทใจที่เข้ามาช่วยเหลือ พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กก็กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายของเด็กที่อยู่บ้านพัก เพราะบางคนแทบจะไม่มีรายได้ บางคนให้ได้แค่ค่าเทอม ซึ่งค่าใช้จ่ายของเด็กเกิดขึ้นตลอดทุกวัน ทำให้ค่าใช้จ่ายก็เลยเป็นปัญหาหลักสำหรับเด็กทุกคนในบ้านพักหลังนี้ครับ แต่ตั้งแต่รู้จักเพจเทใจ พ่อแม่ผู้ปกครอง รวมทั้งเด็กทุกคนก็อุ่นใจมากขึ้นที่ได้รับการช่วยเหลือ ผมขอเป็นตัวแทนของเด็กทุกคนกราบขอบพระคุณเพจเทใจและผู้ใหญ่ใจดีทุกท่านที่มีเมตตากรุณาต่อเรา ขอให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญ มีอายุยืนยาวนะครับ ขอบคุณมากครับ ” นายวิรากร หวุ่นลองกู่ อายุ 16 ปี

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชน เด็กอายุ 5-21 ปี ที่ถูกทอดทิ้งและถูกทำร้าย ณ บ้านพักวางใจ ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย 43 คนเด็กทุกคนในบ้านพัก ได้รับประทานข้าวสารจำนวน 3 มื้อเป็นระยะเวลา 1 ปี 
    ผู้ดูแลเด็กและเยาวชนผู้ดูแลเด็ก ที่ถูกทอดทิ้งและถูกทำร้าย ณ บ้านพักวางใจ ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย2 คนผู้ดูแลเด็ก 2 คน ได้รับประทานข้าวสารจำนวน 3 มื้อเป็นระยะเวลา 1 ปี ร่วมกับเด็กในบ้านพัก โดยมิต้องกังวลถึงความเสี่ยงต่อการได้รับอาหารของเด็กตลอด 1 ปี 
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม






    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > ยาใจผู้ป่วยมะเร็ง

    แนะแนวทางการรับมือให้กับผู้ป่วยมะเร็ง 20,000 คน

    25 เมษายน 2024

    อาร์ต ฟอร์ แคนเซอร์ บายไอรีล ภายใต้บริษัท อาร์ต ออฟ ไลฟ์ วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัดได้ส่งมอบแนวทางในการรับมือกับโรคมะเร็งผ่าน “ยากำลังใจ” ในโครงการยากำลังใจ ให้กับผู้ป่วยและผู้ดูแล จำนวน 20,000 รายทั่วประเทศ ผ่าน 37 โรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ

    นอกจากนี้ยังมีสื่อความรู้และกำลังใจ จากการแชร์ประสบการณ์ตรงจากผู้ป่วยมะเร็ง และอดีตผู้ป่วยมะเร็ง รวมถึงวีดิโอสาธิตการทำ 7 เมนู สุขภาพเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งมีกลุ่มผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ดูแล และผู้ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงแหล่งข้อมูลความรู้ผ่านกิจกรรมของโครงการยากำลังใจ มากกว่า 1,275,101 คนทั่วประเทศ ซึ่งออย ไอรีล ไตรสารศรี ผู้ก่อตั้งอาร์ต ฟอร์ แคนเซอร์ บายไอรีล และเป็นผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะที่ 4 กล่าวว่า

    “ โครงการยากำลังใจปี 2566 ถือได้ว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการเป็นอย่างมาก ที่เราต้องการให้ผู้ป่วยและผู้ดูแล ได้เรียนรู้แนวทางและเทคนิคในการรับมือกับโรคมะเร็ง ด้วยความหวังและทัศนคติเชิงบวกควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์ โดยทางอาร์ต ฟอร์ แคนเซอร์ บายไอรีล ยังคงมุ่งหวังที่จะได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐและภาคเอกชน ในการสนับสนุนต่อยอดในการขับเคลื่อนกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์และโครงการอื่นๆ ที่จะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้ป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพิ่มอัตราการรอดชีวิตให้กับผู้ป่วยมะเร็ง ไทยในอนาคตอย่างยั่งยืน ”

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    ผู้ป่วยผู้ป่วยมะเร็งและผู้ดูแล
    ทั่วประเทศไทย
    20,000 รายได้เรียนรู้แนวทางและเทคนิคในการรับมือกับโรคมะเร็งด้วยความหวัง และทัศนคติเชิงบวกควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์
    วิดีโอการดำเนินกิจกรรม



    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > "ยากำลังใจ เวอร์ชั่น 2" ยาเม็ดแรกสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง

    แนะแนวทางการรับมือให้กับผู้ป่วยมะเร็ง 20,000 คน

    24 เมษายน 2024

    อาร์ต ฟอร์ แคนเซอร์ บายไอรีล ภายใต้บริษัท อาร์ต ออฟ ไลฟ์ วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัดได้ส่งมอบแนวทางในการรับมือกับโรคมะเร็งผ่าน “ยากำลังใจ” ในโครงการยากำลังใจ ให้กับผู้ป่วยและผู้ดูแล จำนวน 20,000 รายทั่วประเทศ ผ่าน 37 โรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ

    นอกจากนี้ยังมีสื่อความรู้และกำลังใจ จากการแชร์ประสบการณ์ตรงจากผู้ป่วยมะเร็ง และอดีตผู้ป่วยมะเร็ง รวมถึงวีดิโอสาธิตการทำ 7 เมนู สุขภาพเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งมีกลุ่มผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ดูแล และผู้ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงแหล่งข้อมูลความรู้ผ่านกิจกรรมของโครงการยากำลังใจ มากกว่า 1,275,101 คนทั่วประเทศ ซึ่งออย ไอรีล ไตรสารศรี ผู้ก่อตั้งอาร์ต ฟอร์ แคนเซอร์ บายไอรีล และเป็นผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะที่ 4 กล่าวว่า

    “ โครงการยากำลังใจปี 2566 ถือได้ว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการเป็นอย่างมาก ที่เราต้องการให้ผู้ป่วยและผู้ดูแล ได้เรียนรู้แนวทางและเทคนิคในการรับมือกับโรคมะเร็ง ด้วยความหวังและทัศนคติเชิงบวกควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์ โดยทางอาร์ต ฟอร์ แคนเซอร์ บายไอรีล ยังคงมุ่งหวังที่จะได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐและภาคเอกชน ในการสนับสนุนต่อยอดในการขับเคลื่อนกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์และโครงการอื่นๆ ที่จะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้ป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพิ่มอัตราการรอดชีวิตให้กับผู้ป่วยมะเร็ง ไทยในอนาคตอย่างยั่งยืน ”

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    ผู้ป่วยผู้ป่วยมะเร็งและผู้ดูแล
    ทั่วประเทศไทย
    20,000 รายได้เรียนรู้แนวทางและเทคนิคในการรับมือกับโรคมะเร็งด้วยความหวัง และทัศนคติเชิงบวกควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์
    วิดีโอการดำเนินกิจกรรม



    อ่านต่อ
  • ความคืบหน้าโครงการ > ช่วยค่ารถรับ-ส่ง เด็กที่ขาดโอกาสได้ไปเรียน

    สนับสนุนค่ารถรับส่งนักเรียน จำนวน 164 คน

    23 เมษายน 2024

    โครงการได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2567 นี้ ขณะนี้ทางโครงการได้ดำเนินโครงการไปแล้ว 3 เดือน คือเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคม โดยโครงการได้ดำเนินการจ่ายค่ารถรับส่งนักเรียนให้กับโรงเรียนทั้งหมด 5 โรงเรียนด้วยกันคือ

    1. โรงเรียนบ้านป่าไร่ จำนวน 62 คน
    2. โรงเรียนแม่ระมาดวิทยาคม จำนวน 15 คน
    3. โรงเรียนบ้านต้นผึ้ง จำนวน 1 คน
    4. โรงเรียนบ้านคะเนจื้อ จำนวน 10 คน
    5. โรงเรียนอนุกุลวิทยา จำนวน 76 คน

    โครงการยังคงเหลือเวลาในการทำโครงการอีก 2 เดือน โดยโครงการจะเว้นเดือนเมษายนไว้ เนื่องจาก เดือนเมษายนเป็นเดือนที่ไม่มีการเรียนการสอน ทำให้เด็กไม่ต้องไปโรงเรียน จึงไม่มีการจ่ายค่ารถรับส่งนักเรียน และโครงการจะเริ่มจ่ายเงินค่ารถรับส่งอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม และเดือนมิถุนายน

    จำนวนนักเรียนที่ขึ้นรถรับส่งนักเรียนดังกล่าว นอกจากพวกเขาได้รับการสนับสนุนค่ารถรับส่งนักเรียนแล้ว พวกเขายังมีส่วนร่วมในการช่วยจ่ายค่ารถรับส่งนักเรียน โดยทางโครงการจะช่วยคนละ 350 บาท และผู้ปกครองจะสมทบให้อีก 150 บาท และถ้าเกิด ในช่วงเดือนกราคมจนถึงเดือนมีนาคม ไม่มีเงินสนับสนุนค่ารถรับส่งนักเรียน ภาระทั้งหมดจะตกไปอยู่กับผู้ปกครองทั้งหมด โดยจากผู้ปกครองต้องจ่ายสมทบ 150 บาท ผู้ปกครองจะต้องครอบคลุมทั้งหมด คือ 500 บาท ผู้ปกครองส่วนใหญ่ ไม่มีรายได้หลัก มีเพียงรายได้ที่เป็นรายวัน ซึ่งไม่ได้มีงานทุกวัน และรายได้แต่ละวันที่ผู้ปกครองได้รับไม่ได้เป็นค่าแรงขั้นต่ำ แต่เป็นค่าแรงที่ถูกกำหนดไว้จากนายจ้างว่าจะจ่ายเพียงวันละ 150 บาท ถึง 200 บาทเท่านั้น ทำให้ภาระค่ารถที่ต้องจ่ายอาจจะไม่เพียงพอต่อรายได้ที่ได้รับมา จนอาจทำให้ผู้ปกครองเลือกที่จะเอาลูกออกจากโรงเรียนเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่เนื่องจากมีโครงการช่วยสนับสนุนค่ารถรับส่งนักเรียนในส่วนนี้ ทำให้เด็กๆ ได้เรียนอย่างมีความสุข และได้เรียนจนจบปีการศึกษา โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีค่ารถรับส่งนักเรียน และไม่มีใครออกกลางคันเนื่องจากไม่มีค่ารถไปโรงเรียน

    ค่ารถรับส่งนักเรียน เป็นค่าใช้จ่ายที่สูง และต้องจ่ายเป็นประจำทุกเดือน ทุกปี จนกว่าเด็กจะเรียนจบช่วงชั้น และไปเรียนต่อ ยังมีนักเรียนอีกหลายคนที่ผ่านมาไม่มีค่ารถนักเรียน และพวกเขาเลือกที่จะออกจากโรงเรียน ทางโครงการจึงได้เลงเห็นถึงความจำเป็นในการจ่ายค่ารถให้กับนักเรียน เพื่อให้เด็กได้เรียนจนจบ และไม่หลุดออกจากระบบการศึกษา

    การสนับสนุนค่ารถรับส่งนักเรียนจะดำเนินการต่อถึงเดือนพฤษภาคม และเดือนมิถุนายน แต่ใน 2 เดือนนี้จะเป็นปีการศึกษา 2567 อาจจะมีการโยกย้ายของเด็กนักเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีถึงประถม 6 เด็กอาจจะต้องย้ายโรงเรียน แต่โรงเรียนที่ย้ายไปจะเป็นโรงเรียนที่รถรับส่งของเราก็ได้รับส่งเช่นเดียวกัน จำนวนเด็กขึ้นรถในแต่ละโรงเรียนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
    กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    เด็กและเยาวชนเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านป่าไร่ โรงเรียนบ้านคะเนจื้อ โรงเรียนบ้านต้นผึ้ง โรงเรียนแม่ระมาดวิทยาคม อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก และโรงเรียนอนุกุลวิทยา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก164 คนเด็กนักเรียนมีรถรับส่งนักเรียนไป กลับ โรงเรียนทุกวันในวันที่โรงเรียนเปิดเรียน
    รูปภาพการดำเนินกิจกรรม






    อ่านต่อ