น้อง "บิ๊ก" ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาส

Rhythm of hope ให้ดนตรีช่วยแก้ปัญหายาเสพติด

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2019

กระผมนาย สิวพล ท้าวอินต๊ะ ชื่อเล่นชื่อ บิ๊ก ครับ
เรียนอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนพานพิทยาคม  

กระผมนั้นเป็นคนที่ชอบร้องเพลงมาก ร้องเพลงอยู่เป็นชีวิตจิตใจ

วันหนึ่งเมื่อผมเปิดเฟซบุ๊กแล้วเลื่อนๆ ดูไทม์ไลน์ เวลาก็ประมาณเกือบเที่ยงคืนเพราะผมเป็นคนที่ค่อนข้างนอนดึกอยู่แล้ว ผมก็สะดุดกับโพสต์หนึ่งที่ว่า "ขอเชิญชวนนักเรียนนักศึกษาประกวดแข่งขันดนตรีต่อต้านยาเสพติด...." ผมกดเขาไปอ่านรายละเอียดทันที พออ่านจบก็เริ่มสนใจจึงได้เข้าไปฟังเพลงต้นฉบับ เห้ยย...เป็นเพลงแร็ปด้วยนะ เนื้อเกี่ยวกับยาเสพติด มีพี่เก่งด้วย ผมเลยแชร์โพสต์ไป แต่ก็ยังไม่ได้คิดจะลองส่งเข้าประกวดเพราะตัวผมเองก็ไม่ค่อยมีเวลาว่าง ถัดจากนั้นสักอาทิตย์ผมก็เลยลอง inbox ถามเรื่องข้อมูล ทางเพจของมูลนิธิ happiness u can give เกี่ยวกับการร้องเพลงส่งเข้าประกวด แล้วผมก็กดเข้าไปดูรายละเอียดที่เขียนไว้อีกครั้ง อ่านจนเข้าใจมากกว่าเดิม เปิดฟังเพลงอีก 2-3 รอบ ผมจึงคิดว่าอยากจะลองเปิดโอกาสให้ตัวเองดู ลองส่งไป คงไม่เสียหายหรอกเป็นประสบการณ์ดีๆ ถ้าชนะได้ถ้วยด้วยนะได้เสื้อด้วย ที่สำคัญคือได้ประสบการณ์ แต่ผมก็ร้างไปเกือบถึงกำหนดส่งผลการแข่งขัน เพราะไม่ค่อยว่างเลย ตกเย็นเลิกเรียนกลับถึงบ้านเปิดเพลงฟังแกะเนื้อเพลงลองร้องอยู่หลายรอบ จึงได้อัดเพลงเเละเสียงร้องส่งไปให้พี่แอดมิน ผ่านไปไม่กี่วันพี่แอดมินก็ส่งข้อความมาบอกว่าน้องชนะการประกวดนะครับพร้อมบอกรายละเอียดข้อมูลว่าจะต้องได้ทำอะไรบ้าง ตอนนั้นผมเรียนวิชาคณิตศาสตร์ผมจำได้เเม่น ผมดีใจมากคุยกับตัวเองอยู่นานว่าเห้ย เราชนะด้วย ไม่เสียใจที่เราลองเปิดโอกาสให้ตัวเองเลย😁😁😁 (นี่เป็นสาเหตุที่เพื่อนๆ งงในวันที่แม่อุ้มมามอบรางวัลนะครับ 😆) พอตกเย็นผมก็รีบทักหากรเพราะเป็นเพื่อนที่บ้านอยู่ใกล้เชียงรายและผมก็สนิทกับเค้ามาก ผมบอกรายละเอียดกับเขาถึงวันที่ต้องไปคือวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2562

วันที่เดินทางไปบันทึกเสียงร้อง วันนั้นเป็นวันที่ฝนฟ้าอากาศเป็นใจมาก ตกทั้งวันเลยครับ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับผม วันนั้นผมกับกรยืนท้ายรถสองแถวไปด้วยกัน แบกโน้ตบุ๊คมาทำงานด้วย 1 เครื่อง ฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เราสองคนก็เปียกปอนไปด้วยกัน ผมคิดในใจว่าไม่น่าพาเพื่อนมาลำบากเลย พลางมองหน้ากรแล้วหัวเราะ 555 เอาว่ะตั้งใจแล้วฝนตก ล้มๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา กว่าจะเดินทางมาถึงที่สตูดิโอ Sixonine record พวกเราก็แวะทานก๋วยเตี๋ยวต้มยำพร้อมกับชุ่มฉ่ำไปด้วยฝน

มาถึงปุ๊ปก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพี่แอดมินเขาก็ทักมาพอดี ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าในพี่แอดมินนั้นเป็นใคร พี่แอดมินเขาบอกให้เราเปิดบ้านแล้วเข้าไปนั่งรอสักครู่ ทีมงานกำลังเดินไปนะครับ ใจนึงก็กล้าใจนึงก็กลัวที่จะเข้าไป ประกอบกับที่ว่าเราไม่รู้ว่าใครจะมาหาเรา ไม่รู้ว่าจะเป็นไปตามหน้าเพจหรือเปล่าป้ายสตูดิโอก็ไม่มี เหลือบไปเห็นหนังสือเป็นรูปและตราสัญลักษณ์ของมูลนิธิฯ ใจก็เลยชื้นขึ้นมาหน่อย นั่งรอสักพัก ก็มีรถเก๋ง Toyota yaris ขับเข้ามาจอดที่บ้านตรงข้าม แล้วก็ปรากฏร่างผู้หญิงวัยกลางคน คนหนึ่งซึ่งเปิดประตูออกมาจากรถ พร้อมกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเดินตรงรี่เข้ามาหาเราทั้ง 2 คน เราจึงลุกขึ้นยืนมองเขาด้วยความฉงนว่าเป็นใคร พลางก็ยกมือไหว้เพราะคิดว่าต้องเป็นทีมงานหรือใครสักคนในมูลนิธิฯ เป็นแน่ พอเขาเดินเข้ามาถึงในบ้านก็ถามไถ่เรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับผมแล้วก็แนะนำตัวว่า ชื่ออุ้มนะให้เราเรียกแม่อุ้มด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มและจริงใจ ผมรู้สึกได้เลยในทันทีว่าแม่อุ้มเป็นคนยังไง แล้วแม่อุ้มก็เปิดบ้านพร้อมกับชวนให้เราสองคนซึ่งขณะนั้นก็เปียกชื้นไปด้วยน้ำฝน แล้วแม่อุ้มก็เปิดห้องอัดเสียงแล้วก็แจ้งข้อมูลต่างให้ผมนั้นได้ทราบ อีกทั้งยังห่วงใยเรื่องสุขภาพของพวกเราซึ่งเปียกฝนมา แม่อุ้มบอกว่ารอเดี๋ยวนะทีมงานกำลังมานะลูก ระหว่างนี้ลูกซ้อมรอก่อนนะ ทีมงานถ่ายคลิป mv และทีมงานบันทึกเสียงมาจากคนละที่กันนะ เดี๋ยวเราจะถ่ายก่อนทำ mv ก่อนแล้วค่อยบันทึกเสียงนะลูก ผมเองรู้สึกดีมากที่ได้เจอแม่อุ้ม จุดที่สำคัญที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้.....มาตอนที่ถ่ายทำ mv เสร็จ ก็ถึงคราต้องร้องบันทึกเสียงแล้ว ก่อนหน้านี้ผมเองได้แค่ฟังไม่ได้ร้องเลย เลยมาซ้อมในห้องอัดอยู่หลายรอบ ทบทวนเนื้อหาในเพลง อารมณ์เพลง ตอนบันทึกเสียงร้อง รู้สึกว่าเราต้องทำออกมาให้ดีที่สุดนะ

ผมก็รวบรวมความรู้สึก นึกภาพในคลิปต้นฉบับแล้วก็กลั่นกรองออกมาเป็นเสียงของผมเอง ผมอาจจะไปได้ร็อกได้ดังที่พี่ต้นฉบับทำไว้ อาจจะไม่ได้แร็ปได้ดีดังเช่นที่พี่ต้นฉบับทำไว้ แต่ในเรื่องของหัวใจและความรู้สึกที่ผมใส่ลงไปนั้น ไม่ได้น้อยกว่าที่พี่ต้นฉบับเขาใส่ลงไปเลย เพราะผมรักการร้องเพลง อีกทั้งยังอยากให้เพลงนี้ ออกมาดีที่สุดที่ผมจะสามารถทำได้

วันที่ผมได้ไปบันทึกเสียงนั้น ก็อยู่ในช่วงวันที่ใกล้วันแม่มาก "แม่ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไงแม่ก็ยังคงรักลูกเช่นดังเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง ถึงลูกจะติดยา ลูกจะติดเหล้า ลูกจะเลวร้ายเพียงใด แม่ก็ยังรักไม่เสื่อมคลาย แต่ถ้าหากวันใดแม่ไม่ได้อยู่กับเราแล้วใครจะรักเราได้เท่าแม่อีก" นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจของผมที่ได้เขียนใส่ลงไปในเพลงที่ชื่อว่าโอกาสสุดท้าย ผมคิดว่าเพลงนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อสังคม ต่อเด็กวัยรุ่นในปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของพวกเขา ความเร็วความแรงความเร่งรีบเข้ามาอยู่ในพวกเขา แต่ไม่ใช่แค่สิ่งเหล่านี้ เรื่องยาเสพติด บุหรี่ เหล้า ก็เข้ามากับสิ่งเหล่านี้ด้วย ทำให้เกิดปัญหาในตัวของเขาเองและในสังคม บทเพลงเพลงนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะบอกเล่าเรื่องราวความร้ายแรงของสิ่งเสพติด แนวทางป้องกัน และทางออกที่ดี

เมื่อผมบันทึกเสียงเสร็จแล้วก็เตรียมตัวเดินทางกลับบ้าน ได้ถ่ายรูปร่วมกับพี่ๆ sound engineer น้องๆ ช่างกล้องบันทึกวิดีโอ เวลาช่างไวเหมือนโกหก ล่วงเลยผ่านมาเกือบ 5 โมงเย็น แม่อุ้มบอกให้ผมกับกรขึ้นรถแม่จะไปส่งที่ท่ารถ 

....จากนั้นเราก็ขึ้นรถกลับบ้านกัน แล้วก็ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพทั้งคู่...

.....มาถึงวันที่รับรางวัลทีมงานส่งข้อความมาบอกผมก่อนหน้านั้นประมาน 5-6 วัน ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ ....มาถึงวันที่รับรางวัลซึ่งตรงกับวันอังคารที่ โรงเรียนพานพิทยาคม ผมก็ได้เจอแม่อุ้มอีกครั้งพร้อมกับพี่ในมูลนิธิฯ และถ้วยรางวัล วันนั้นเป็นวันที่ผมดีใจมากอีกหนึ่งวันที่ได้รับรางวัลนี้ ถึงแม้ว่ารางวัลนี้จะเป็นรางวัลที่ไม่แพงและไม่ได้ใหญ่มาก แต่ผมก็ดีใจมากที่สุดที่ได้รับเพราะเป็นรางวัลแรกเรื่องดนตรีที่ผมได้รับ และผมภูมิใจมากที่ได้ถ่ายถอดเพลงนี้ให้น้องๆ พี่ๆ เพื่อนๆ ได้รับฟัง กระผมได้พูดให้เพื่อนๆ ทั้ง ม.6 ได้ฟังด้วยถ้อยคำตะกุกตะกักนิดหน่อยเพราะไม่เตรียมคำพูดไว้เลย

ท้ายที่สุดนี้กระผมขอขอบคุณพ่อแม่ที่ให้กำเนิดผม เพื่อนๆ ที่คอยสนับสนุนผม คุณครูที่ท่านช่วยเหลือผมอบรมสั่งสอนผมให้เป็นคนดีในสังคม ทุกๆ คนล้วนเป็นคุณครูของผมทั้งเพื่อน ที่สำคัญคือพ่อและแม่ที่ท่านได้อบรมบ่มเพาะผมมาตั้งแต่เด็กให้เป็นคนดีในสังคม ช่วยเหลือสังคม ขยัน ตั้งใจเรียน และอีกหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างที่ไม่สามารถกล่าว ณ ที่นี้ได้ทั้งหมด และขอขอบคุณมูลนิธิ happiness u can give ที่ได้เลือกให้ผมเป็นผู้ชนะการเเข่งขันในวันนั้นและได้เดินทางมามอบรางวัลให้ผมในวันนี้ และอยากจะขอขอบคุณแม่อุ้ม ที่ได้สอนผมในเรื่องการใช้ชีวิตการเปิดโอกาสให้ตัวเอง ขอบขอบคุณมากๆ ครับผม

อนาคตของผมนั้นผมวาดฝันไว้ว่าอยากเป็นคุณครูสอนวิชาภาษาไทย เพราะผมเป็นคนที่ชอบพูด ชอบร้องเพลง แต่งกลอนแต่งคำประพันธ์ต่างๆ ตลอดจนถึงเพลงผมก็สามารถแต่งได้ ผมชอบเรื่องของวรรณคดี และอื่นๆ เกี่ยวกับภาษาไทย และผมอยากนำความรู้ประสบการณ์ต่างๆ ของผม ไปสอนเด็กๆ ในอนาคต ให้เด็กๆ มีความรู้ในเรื่องภาษาไทย มีทักษะการใช้ชีวิต และเป็นคนดีในสังคมต่อไป

ผลงานเพลงโอกาสสุดท้าย

น้องบิ๊ก ผู้ชนะการประกวดที่มีโอกาสเข้าร่วมถ่ายทอดผลงานเพลง และเรียนรู้การทำงานเพลงครั้งแรก