project เด็กและเยาวชน

Save Drop Out Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ (อีกครั้ง)

มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนชั้นม.2 หรือ ม.3 จำนวน 150 คนๆละ 2,000 บาท ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนขนาดเล็กในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและเคยสมัครขอรับทุนการศึกษามาที่มูลนิธิ EDF แต่ไม่ได้รับทุนเนื่องจากเงินบริจาคที่ทางมูลนิธิได้รับมานั้นไม่เพียงพอ จึงต้องการระดมทุนให้แก่เด็กๆกลุ่มนี้ให้ได้รับทุนการศึกษาในปีการศึกษา 2566 โดยเร่งด่วน เพื่อที่จะเป็นกำลังใจที่จะช่วยประคับประคองชีวิตในการเรียนของพวกเขาให้จบชั้นม.3 เป็นอย่างน้อย โดยไม่ออกจากโรงเรียนกลางคัน เนื่องจากความขัดสนของครอบครัว

ระยะเวลาโครงการ 01 มี.ค. ถึง 30 มิ.ย. 2566 พื้นที่ดำเนินโครงการ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย

ยอดบริจาคขณะนี้

95,092 บาท

เป้าหมาย

412,500 บาท
ดำเนินการไปแล้ว 23%
จำนวนผู้บริจาค 126

สำเร็จแล้ว

ความคืบหน้าโครงการ

มอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียน จำนวน 34 ทุน

3 พฤศจิกายน 2023

ตามที่มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (EDF) ได้ทำโครงการระดมทุน “ Save Drop Out Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ (อีกครั้ง) ” ผ่านเว็บไซต์เทใจดอทคอม ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2566 จนถึง วันที่ 31 มิถุนายน 2566 เพื่อจะนำเงินบริจาคไปเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนชั้นม.2 หรือ ม.3 จำนวน 150 คน คนละ 2,000 บาท ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนประถมขยายโอกาสขนาดเล็กในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยนั้น หลังจากปิดโครงการสามารถระดมทุนที่สามารถนำไปจัดสรรเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้ทั้งหมด 34 ทุน และจัดสรรอีกส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการประเมิน ติดตามข้อมูลเด็กที่ได้รับทุนการศึกษาในครั้งนี้

ก่อนการโอนเงินทุนการศึกษานั้น มูลนิธิ EDF ได้ร่วมมือกับโรงเรียนแต่ละโรงเรียนในการช่วยคัดเลือกเด็กนักเรียนชั้น ม.2 และ ม.3 ที่มีคุณสมบัติโดยทั่วไปดังต่อไปนี้

  1. เป็นนักเรียนที่กำลังเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หรือ 3
  2. ครอบครัวมีฐานะยากจน โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อปีต่ำกว่า 50,000-70,000 บาท
  3. ไม่เป็นบุตรข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานท้องถิ่นของรัฐหรือลูกจ้างประจำ
  4. เป็นผู้ที่สนใจ ฝักใฝ่การศึกษา มีความประพฤติเรียบร้อย มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง และบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

เพื่อเสนอชื่อขอรับทุนการศึกษา โดยพิจารณาร่วมกับจดหมายแนะนำตัวพร้อมรูปถ่ายที่ถ่ายคู่กับที่อยู่อาศัย หลังจากพิจารณาข้อมูลเหล่านี้แล้ว ทางฝ่ายทุนการศึกษาจะทำการเช็คข้อมูลบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนแต่ละคนก่อนจะทำการโอนทุนการศึกษา (บางกรณีอาจจะโอนไปที่บัญชีธนาคารของโรงเรียนก่อน) และหลังจากเงินทุนการศึกษาเข้าบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณครูที่ดูแลโครงการทุนการศึกษาจะทำการสแกนหน้าบัญชีธนาคารที่มีเงินเข้าและส่งมาในระบบของงานทุนการศึกษาของมูลนิธิเพื่อเป็นหลักฐานต่อไป

นอกจากนั้น คุณครูที่ดูแลเรื่องงานทุนการศึกษาจะเป็นผู้ดูแลสมุดบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนทุนทุกคน ดังนั้นผู้บริจาคจึงมั่นใจได้ว่าเงินทุนที่เด็กๆต้องการถอนไปใช้จ่ายนั้นจะนำไปใช้เกี่ยวกับการศึกษาแต่เพียงอย่างเดียว

รายชื่อนักเรียนทุนที่ได้รับทุนการศึกษาจากโครงการ “ Save Drop Out Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ (อีกครั้ง) ” โดยแบ่งเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 34 คน ได้แก่


ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

 " ผมอยู่กับตายาย แม่ น้าและน้องฝาแฝด พ่อกับแม่แยกทางกัน ตาผมทำนาส่วนยายรับจ้างทำงานทั่วไป ปัจจุบันกำลังเรียนชั้นม.3 เป็นรองประธานนักเรียนและเป็นสมาชิกวงโปงลางของโรงเรียน ดูแลน้องๆ ในวงทั้งนักดนตรีและนางรำ และคิดว่าหลังจากจบม.3 แล้วจะสอบเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยนาฏศิลป์กาฬสินธุ์ สาขาวิชาดนตรีพื้นบ้านเพราะผมมีความชอบทางด้านดนตรี และผมอยากจะถ่ายทอดความรู้นี้ให้แก่น้องๆ รุ่นต่อไปด้วยครับ
ผมขอขอบคุณผู้บริจาคเป็นอย่างสูงที่มอบทุนการศึกษาให้ผม ทำให้ผมมีชีวิตการศึกษาที่ดีขึ้นเพราะได้นำทุนการศึกษามาซื้ออุปกรณ์การเรียนและใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษาในชีวิตประจำวัน และหวังว่าจะได้รับทุนการศึกษาจนสำเร็จการศึกษาในระดับสูง และขออวยพรให้ผู้บริจาคมีแต่ความสุข สุขภาพแข็งแรงครับ " เด็กชายสุภวัฒน์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสุ่มเส้าวิทยา จ.อุดรธานี

 " พ่อกับแม่ของดิฉันแยกทางกันต่างคนต่างไปมีครอบครัวใหม่ ดิฉันจึงอาศัยอยู่กับตายาย และน้องสาวต่างบิดาอีก 1 คน รายได้ในครอบครัวได้มาจากตาและยายที่ทำงานรับจ้างทั่วไป ดิฉันจึงช่วยงานบ้านทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของตาและยาย ดิฉันชอบเรียนวิชาภาษาไทยมากและเป็นวิชาที่ได้คะแนนสูงสุด นอกจากนั้นดิฉันยังมีความสามารถในการร้องเพลง เคยได้เป็นตัวแทนนักเรียนไปร่วมแข่งกิจกรรมการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งระดับอำเภอด้วย
ดิฉันสัญญาว่าจะนำทุนการศึกษาที่ท่านให้นี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในด้านการศึกษา และหลังจากจบชั้นม.3 แล้ว ดิฉันอยากเรียนต่อในสายอาชีพ แผนกการตลาด เพราะเรียนสายอาชีพจะได้ฝึกงานและมีรายได้เพื่อที่จะช่วยค่าใช้จ่ายในครอบครัวและมีเงินสำหรับการเรียนจนจบ 3 ปีต่อไป "
เด็กหญิงวิชญาดา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวังยาวเจริญวิทย์ จ.ร้อยเอ็ด

 " ผมอยู่กับตาและยาย ส่วนพ่อกับแม่อยู่อีกบ้านหนึ่ง ยายของผมมีโรคประจำตัวเลยทำให้ไม่สามารถทำงานหนักได้ ผมจึงต้องช่วยท่านทำงานบ้าน ส่วนพ่อกับแม่ของผมทำงานรับจ้างกรีดยางพาราและรับจ้างทำการเกษตรทั่วไป แต่ช่วงนี้ราคายางตกต่ำทำให้รายได้ลดลงมาก ผมจึงต้องประหยัดและอดออมเพื่อเป็นการช่วยพ่อแม่ พ่อแม่อยากให้ผมเรียนสูงๆ แต่ท่านก็บอกว่าไม่มีเงินส่งให้เรียน แต่ท่านก็พยายามทำงานหนักเพื่อให้ผมได้เรียน ผมสงสารทั้งสองคนมาก ทุนการศึกษานี้จึงจำเป็นและเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผม เพราะเป็นกำลังใจที่สำคัญ ผมขอขอบคุณผู้ที่มอบโอกาสและความเมตตานี้แก่ผมและจะขอใช้โอกาสนี้พัฒนาตัวเองให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดี สามารถดูแลตัวเอง ครอบครัวและช่วยเหลือสังคมครับ " เด็กชายคฑาวุธ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านท่าไร่ไทยเจริญ จ.บึงกาฬ

 " ครอบครัวหนูมีด้วยกัน 3 คนคือตัวหนู แม่และน้องชาย แม่ทำอาชีพขายกาแฟอยู่หน้าห้องเช่า ส่วนน้องของกำลังเรียนอยู่ชั้นม.1 ครอบครัวเรามีฐานะยากจน มีรายได้น้อย แต่แม่ก็พยายามทำงานหนักเพื่อหาเงินมาส่งให้หนูและน้องได้เรียน หนูจึงช่วยแบ่งเบาภาระของแม่โดยการช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ช่วยตั้งร้านและเก็บร้าน และในวันหยุดเสาร์อาทิตย์หนูก็จะไปรับจ้างทำความสะอาดร้านขายเนื้อวัวในตลาดสดเมืองสุรินทร์ที่หนูจะได้ค่าจ้างครั้งละ 200 บาท หนูมีความสุขมากกับการมาโรงเรียน มีเพื่อนและสภาพแวดล้อมที่ดี หนูภูมิใจมากที่สามารถเรียนโรงเรียนนี้ได้และหวังว่าจะได้เรียนต่อชั้นม.ปลายที่นี่ หนูอยากจะเรียนสายภาษาและอยากประกอบอาชีพล่ามแปลภาษาในอนาคต
นอกจากนั้นหนูยังชอบเรียนวิชาการงานอาชีพมากเพราะหนูชอบเย็บปักถักร้อย ความสามารถพิเศษอื่นๆที่มีคือเล่นซออู้ได้ ทุนการศึกษาที่ท่านผู้บริจาคได้มอบให้นั้นมีประโยชน์กับครอบครัวหนูมาก หนูจะนำไปใช้จ่ายเป็นค่าบำรุงการศึกษาและค่าใช้จ่ายในโรงเรียนในแต่ละวัน หนูขอขอบพระคุณท่านที่ให้ทุนการศึกษาแก่หนู และขอสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนและเป็นเด็กดี ขอขอบพระคุณค่ะ "
เด็กหญิงธัญวรัตน์ นักเรียนชั้นม.3 โรงเรียนสิรินธร 360 จ.สุรินทร์

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
เด็กและเยาวชนเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาทั้งหมดอาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ34 คนเด็กนักเรียนทั้ง 34 คนเป็นนักเรียนที่มีคุณสมบัติที่สมควรได้รับทุนการศึกษา และเด็กนักเรียนส่วนมากอาศัยอยู่กับผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้หรือมีรายได้น้อย ดังนั้นทุนการศึกษาที่ได้รับเด็กๆ จะสามารถนำไปซื้ออุปกรณ์การเรียนต่างๆ ได้ซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว และทุนการศึกษายังช่วยป้องกันไม่ให้เด็กๆ ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเนื่องจากความขัดสนของครอบครัวอีกด้วย
วิดีโอจากเด็กที่ได้รับทุน
อ่านต่อ »
ดูความคืบหน้าโครงการทั้งหมด

มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนชั้นม.2 หรือ ม.3 จำนวน 150 คนๆละ 2,000 บาท ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนขนาดเล็กในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและเคยสมัครขอรับทุนการศึกษามาที่มูลนิธิ EDF แต่ไม่ได้รับทุนเนื่องจากเงินบริจาคที่ทางมูลนิธิได้รับมานั้นไม่เพียงพอ จึงต้องการระดมทุนให้แก่เด็กๆกลุ่มนี้ให้ได้รับทุนการศึกษาในปีการศึกษา 2566 โดยเร่งด่วน เพื่อที่จะเป็นกำลังใจที่จะช่วยประคับประคองชีวิตในการเรียนของพวกเขาให้จบชั้นม.3 เป็นอย่างน้อย โดยไม่ออกจากโรงเรียนกลางคัน เนื่องจากความขัดสนของครอบครัว

ปัญหาสังคมและวิธีการแก้ไขปัญหา

ในปี 2565 ที่ผ่านมา มูลนิธิได้ทำการระดมทุนผ่านช่องทางเทใจดอทคอมเพื่อนำไปเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนชั้นม.2 และม.3 ที่ยังไม่เคยได้รับทุนจากมูลนิธิมาก่อนในระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึง 31 กรกฎาคม 2565 โดยสามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมายและสามารถจัดสรรทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนได้ถึง 151 คน ทำให้พวกเขาได้มีทุนการศึกษามาช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัว รวมทั้งยังทำให้เกิดกำลังใจในการที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆในชีวิตอีกด้วย

ดังนั้น ในปีการศึกษา 2566 นี้ มูลนิธิ EDF จึงได้เปิดระดมทุนผ่านทางเทใจดอทคอมอีกครั้งด้วยวัตถุประสงค์เดิมที่มุ่งหวังที่จะช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ส่งใบสมัครขอรับทุนมายังมูลนิธิแต่มูลนิธิไม่สามารถจัดสรรทุนการศึกษาให้ได้เนื่องจากจำนวนเงินบริจาคไม่เพียงพอกับผู้สมัครขอรับทุน โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 150 คน โดยมีมูลค่าทุนๆละ 2,000 บาท ให้เด็กนักเรียนกลุ่มเป้าหมายใช้เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวกับการศึกษา เช่น อุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน เพื่อที่จะให้พวกเขาได้เรียนหนังสือได้ตลอดปีการศึกษาอย่างมีความสุขโดยปราศจากความเสี่ยงในการต้องออกจากโรงเรียนกลางคันเพียงเพราะมีความยากจนเป็นข้อจำกัด

มีการเปิดเผยจากกระทรวงศึกษาธิการว่า ในปีการศึกษา 2564 มีเด็กนักเรียนที่หลุดออกจากระบบการศึกษามากกว่า 238,000 คนทั่วประเทศ และตัวเลขนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นในปีการศึกษาต่อๆไปด้วยเหตุผลด้านเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ถึงแม้ว่าในปัจจุบันการมีนโยบายเรียนฟรีเข้ามาช่วยเหลือแล้วก็ตาม แต่ปัญหา "ความยากจน" ทำให้เด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลอีกจำนวนมากไม่สามารถรับผิดชอบ”ค่าบำรุงการศึกษา” ที่โรงเรียนเรียกเก็บกับครอบครัวเด็กนักเรียนเพิ่มเติมได้ ซึ่งสาเหตุทั้งปวงก็เนื่องมาจากความไม่เสมอภาคทางด้านงบประมาณจากส่วนกลางที่มีให้ระหว่างโรงเรียนในเมืองและในชนบทที่แตกต่างกันมาก ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้โรงเรียนต้องขอรับการสนับสนุน”ค่าบำรุงการศึกษา” พิเศษนี้จากผู้ปกครองนักเรียนเพื่อที่จะทำให้การเรียนการสอนมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น ซึ่งในภาวะที่ค่าครองชีพที่สูงขึ้นเป็นอย่างมากในปัจจุบันแม้แต่จะหารายได้มาเลี้ยงดูชีวิตประจำวันยังยากแล้ว ส่งผลให้เด็กๆในครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่แยกทางและอาศัยอยู่กับผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้หลักกลุ่มนี้มีความเสี่ยงมากที่สุดที่จะหลุดออกจากระบบการศึกษา ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไข ในอนาคตข้างหน้าสิ่งนี้จะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศชาติอีกด้วย

สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหานักเรียนออกกลางคันนั้น มูลนิธิ EDF เชื่อว่านอกจากสถานศึกษาจะต้องจัดระบบการบริหารจัดการและระบบการติดตามนักเรียนที่ออกกลางคันมาเข้าเรียนอย่างจริงจัง การสร้างความเข้าใจระหว่างนักเรียนและครอบครัวให้มีความตระหนักและเห็นความสำคัญของการศึกษา รวมทั้งการร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นในการเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงต่างๆเช่น การพนันหรือยาเสพติดที่อาจชักจูงให้เด็กนักเรียนไม่สนใจการเรียนแล้ว การจัดสรรทุนการศึกษาเพื่อให้เด็กนักเรียนที่ครอบครัวยากจนหรือประสบปัญหาพ่อแม่แยกทางและต้องอาศัยอยู่กับผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้ก็เป็นวิธีการหนึ่งในการที่ช่วยให้นักเรียนได้กลับมาสู่ระบบการศึกษาได้

มูลนิธิ EDF เริ่มต้นดำเนินโครงการทุนการศึกษาเพื่อเด็กยากจน ในปี พ.ศ 2531 ที่จังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดแรก โดยมีนักเรียนที่ได้รับทุนในปีแรกจำนวน 41 คน ในปัจจุบัน มูลนิธิ EDF สามารถส่งต่อความช่วยเหลือที่ได้รับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยในรูปแบบของทุนการศึกษาไปยังเด็กนักเรียนด้อยโอกาสแล้วกว่า 400,000 คน ใน 5,600 โรงเรียน ครอบคลุม 61 จังหวัดทั่วประเทศไทย


ตัวอย่างเด็กนักเรียนที่ต้องการทุนการศึกษา

ด.ญ.จิรารัตน์ โรงเรียนบ้านโนนดู่ จ.ศรีสะเกษ

ต้องการขอรับทุนชั้นม.2


หนูอาศัยอยู่กับตายายและน้องชายอีก 2 คน แม่เสียชีวิตส่วนพ่อไปแต่งงานใหม่ ตากับยายจึงเป็นผู้คอยหาเลี้ยงดูแลหนูกับน้องๆ บ้านหนูไม่ได้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านแต่อยู่ในทุ่งนา ยายรับจ้างทำงานทั่วไปเช่นหาหน่อไม้ หาเห็ด ให้เงินหนูไปโรงเรียนได้แค่วันละ 10 บาท พอได้แค่ซื้อข้าวซื้ออาหารกิน หลักเลิกเรียนหนูก็กลับบ้านช่วยงานบ้านตากับยาย หนูอยากจะได้ทุนการศึกษามาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการเรียนและเอาไว้ซื้อข้าวซื้ออาหาร


ด.ช.ธนกฤต

ต้องการขอรับทุนชั้นม.2


ครอบครัวผมมีกัน 4 คนคือตายกับยายและน้องอีกคน พ่อกับแม่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพ นานๆถึงส่งเงินมาให้เพราะพ่อเองก็มีภาระมากและได้เงินเดือนแค่ 8,000 บาทเท่านั้น ตากับยายไม่ค่อยมีเงินเพราะทำงานไม่ค่อยได้อายุจะ 70 แล้ว มีแต่เงินเดือนผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาทเท่านั้น พวกเราเลยไม่ค่อยมีเงินทั้งเงินซื้อนมให้น้องและค่าเรียน ค่ากับข้าวในแต่ละวัน ผมช่วยงานบ้านทุกอย่างรวมทั้งดูแลน้องที่ยังเล็กอายุเพิ่งจะ 4 ขวบด้วย ผมขี่จักรยานไปโรงเรียนแต่จักรยานก็เก่ามากใกล้จะพังแล้ว ข้าวก็มีลุงป้าเอามาให้บ้างแต่ไม่มากเพราะเราไม่มีที่นาเป็นของตัวเอง ดังนั้นผมจึงอยากได้ทุนการศึกษามาไว้เรียนหนังสือและเอามาใช้ในครอบครัว เอามาซื้อนมให้น้องครับ


ด.ญ.รุจิรัตน์ โรงเรียนบัวแก้ววิทยาคม จ.ขอนแก่น

ต้องการขอรับทุนชั้นม.2


ครอบครัวของหนูมีอยู่ด้วยกัน 4 คนคือพ่อแม่ น้องและหนู พ่อแม่ทำงานรับจ้างกรีดยาง เป็นงานหนักและไม่ค่อยได้พักผ่อนแต่เขาก็ต้องทำเพราะครอบครัวเรามีฐานะยากจน และจำเป็นต้องหาเงินมาใช้จ่ายในแต่ละวัน ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์หนูช่วยพ่อกับแม่ทำงานบ้านเพื่อที่จะแบ่งเบาภาระของท่าน หนูอยากให้พ่อกับแม่สบายแต่ก็ช่วยได้ส่วนหนึ่ง เพราะพ่อกับแม่ต้องทำงานหาใช้หนี้ที่กู้มาเพื่อประทังชีวิต หนูรู้ซึ้งถึงความยากจนความลำบาก หนูจึงตั้งใจเรียนเพื่อวันข้างหน้าจะมีอนาคตที่ดีสามารถเลี้ยงพ่อแม่ได้ไม่ต้องลำบากเหมือนทุกวันนี้ หนูจึงอยากจะขอสมัครรับทุนนี้และหากได้ทุนหนูขอสัญญาว่าจะนำเงินทุนไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดค่ะ


ขั้นตอนการดำเนินโครงการ

เมษายน – พฤษภาคม 2566 : มูลนิธิ EDF รับสมัครข้อมูลนักเรียนที่ต้องการขอรับทุนการศึกษาจากโรงเรียนและพิจารณาใบสมัครจากรูปถ่ายที่ถ่ายคู่กับบ้านพร้อมข้อมูลครอบครัว โดยมีเกณฑ์การคัดเลือกดังต่อไปนี้

1) เป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

2) ครอบครัวมีฐานะยากจนโดยมีรายได้เฉลี่ยต่อปีต่ำกว่า 50,000-70,000 บาท

3) ไม่เป็นบุตรข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานท้องถิ่นของรัฐ หรือลูกจ้างประจำ

4) เป็นผู้ที่สนใจในการศึกษา มีความประพฤติเรียบร้อย มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมโดยไม่ได้นำผลการเรียนมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณามอบทุน

มิถุนายน 2566 : มูลนิธิ EDF ปิดรับการบริจาคสำหรับปีการศึกษา 2566

กรกฎาคม – สิงหาคม 2566 : โอนเงินทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียน โดยหลังจากนักเรียนได้รับเงินทุนการศึกษาเรียบร้อยแล้ว คุณครูผู้ดูแลโครงการทุนการศึกษา EDF ในแต่ละโรงเรียนจะต้องส่งสำเนาหน้าเงินเข้าบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียน กลับมาให้มูลนิธิฯเพื่อเป็นหลักฐานเงินเข้า

กันยายน – ตุลาคม 2566 : มูลนิธิ EDF ส่งรายงานของเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาให้กับผู้บริจาคได้รับทราบ

กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการ

เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ 3 ที่อยู่ในโรงเรียนประถมขยายโอกาสขนาดเล็กในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยจำนวน 150 คน


ผู้รับผิดชอบโครงการ

อนุชาติ คงมา

ฝ่ายรณรงค์ทุนการศึกษา มูลนิธิ EDF

มอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียน จำนวน 34 ทุน

3 พฤศจิกายน 2023

ตามที่มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา (EDF) ได้ทำโครงการระดมทุน “ Save Drop Out Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ (อีกครั้ง) ” ผ่านเว็บไซต์เทใจดอทคอม ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2566 จนถึง วันที่ 31 มิถุนายน 2566 เพื่อจะนำเงินบริจาคไปเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนชั้นม.2 หรือ ม.3 จำนวน 150 คน คนละ 2,000 บาท ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนประถมขยายโอกาสขนาดเล็กในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยนั้น หลังจากปิดโครงการสามารถระดมทุนที่สามารถนำไปจัดสรรเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้ทั้งหมด 34 ทุน และจัดสรรอีกส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการประเมิน ติดตามข้อมูลเด็กที่ได้รับทุนการศึกษาในครั้งนี้

ก่อนการโอนเงินทุนการศึกษานั้น มูลนิธิ EDF ได้ร่วมมือกับโรงเรียนแต่ละโรงเรียนในการช่วยคัดเลือกเด็กนักเรียนชั้น ม.2 และ ม.3 ที่มีคุณสมบัติโดยทั่วไปดังต่อไปนี้

  1. เป็นนักเรียนที่กำลังเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หรือ 3
  2. ครอบครัวมีฐานะยากจน โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อปีต่ำกว่า 50,000-70,000 บาท
  3. ไม่เป็นบุตรข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานท้องถิ่นของรัฐหรือลูกจ้างประจำ
  4. เป็นผู้ที่สนใจ ฝักใฝ่การศึกษา มีความประพฤติเรียบร้อย มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง และบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม

เพื่อเสนอชื่อขอรับทุนการศึกษา โดยพิจารณาร่วมกับจดหมายแนะนำตัวพร้อมรูปถ่ายที่ถ่ายคู่กับที่อยู่อาศัย หลังจากพิจารณาข้อมูลเหล่านี้แล้ว ทางฝ่ายทุนการศึกษาจะทำการเช็คข้อมูลบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนแต่ละคนก่อนจะทำการโอนทุนการศึกษา (บางกรณีอาจจะโอนไปที่บัญชีธนาคารของโรงเรียนก่อน) และหลังจากเงินทุนการศึกษาเข้าบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณครูที่ดูแลโครงการทุนการศึกษาจะทำการสแกนหน้าบัญชีธนาคารที่มีเงินเข้าและส่งมาในระบบของงานทุนการศึกษาของมูลนิธิเพื่อเป็นหลักฐานต่อไป

นอกจากนั้น คุณครูที่ดูแลเรื่องงานทุนการศึกษาจะเป็นผู้ดูแลสมุดบัญชีธนาคารของเด็กนักเรียนทุนทุกคน ดังนั้นผู้บริจาคจึงมั่นใจได้ว่าเงินทุนที่เด็กๆต้องการถอนไปใช้จ่ายนั้นจะนำไปใช้เกี่ยวกับการศึกษาแต่เพียงอย่างเดียว

รายชื่อนักเรียนทุนที่ได้รับทุนการศึกษาจากโครงการ “ Save Drop Out Students ต่อลมหายใจให้น้องได้เรียนจบ (อีกครั้ง) ” โดยแบ่งเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 34 คน ได้แก่


ความประทับใจของผู้ที่ได้รับประโยชน์

 " ผมอยู่กับตายาย แม่ น้าและน้องฝาแฝด พ่อกับแม่แยกทางกัน ตาผมทำนาส่วนยายรับจ้างทำงานทั่วไป ปัจจุบันกำลังเรียนชั้นม.3 เป็นรองประธานนักเรียนและเป็นสมาชิกวงโปงลางของโรงเรียน ดูแลน้องๆ ในวงทั้งนักดนตรีและนางรำ และคิดว่าหลังจากจบม.3 แล้วจะสอบเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยนาฏศิลป์กาฬสินธุ์ สาขาวิชาดนตรีพื้นบ้านเพราะผมมีความชอบทางด้านดนตรี และผมอยากจะถ่ายทอดความรู้นี้ให้แก่น้องๆ รุ่นต่อไปด้วยครับ
ผมขอขอบคุณผู้บริจาคเป็นอย่างสูงที่มอบทุนการศึกษาให้ผม ทำให้ผมมีชีวิตการศึกษาที่ดีขึ้นเพราะได้นำทุนการศึกษามาซื้ออุปกรณ์การเรียนและใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษาในชีวิตประจำวัน และหวังว่าจะได้รับทุนการศึกษาจนสำเร็จการศึกษาในระดับสูง และขออวยพรให้ผู้บริจาคมีแต่ความสุข สุขภาพแข็งแรงครับ " เด็กชายสุภวัฒน์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสุ่มเส้าวิทยา จ.อุดรธานี

 " พ่อกับแม่ของดิฉันแยกทางกันต่างคนต่างไปมีครอบครัวใหม่ ดิฉันจึงอาศัยอยู่กับตายาย และน้องสาวต่างบิดาอีก 1 คน รายได้ในครอบครัวได้มาจากตาและยายที่ทำงานรับจ้างทั่วไป ดิฉันจึงช่วยงานบ้านทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของตาและยาย ดิฉันชอบเรียนวิชาภาษาไทยมากและเป็นวิชาที่ได้คะแนนสูงสุด นอกจากนั้นดิฉันยังมีความสามารถในการร้องเพลง เคยได้เป็นตัวแทนนักเรียนไปร่วมแข่งกิจกรรมการประกวดร้องเพลงลูกทุ่งระดับอำเภอด้วย
ดิฉันสัญญาว่าจะนำทุนการศึกษาที่ท่านให้นี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในด้านการศึกษา และหลังจากจบชั้นม.3 แล้ว ดิฉันอยากเรียนต่อในสายอาชีพ แผนกการตลาด เพราะเรียนสายอาชีพจะได้ฝึกงานและมีรายได้เพื่อที่จะช่วยค่าใช้จ่ายในครอบครัวและมีเงินสำหรับการเรียนจนจบ 3 ปีต่อไป "
เด็กหญิงวิชญาดา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวังยาวเจริญวิทย์ จ.ร้อยเอ็ด

 " ผมอยู่กับตาและยาย ส่วนพ่อกับแม่อยู่อีกบ้านหนึ่ง ยายของผมมีโรคประจำตัวเลยทำให้ไม่สามารถทำงานหนักได้ ผมจึงต้องช่วยท่านทำงานบ้าน ส่วนพ่อกับแม่ของผมทำงานรับจ้างกรีดยางพาราและรับจ้างทำการเกษตรทั่วไป แต่ช่วงนี้ราคายางตกต่ำทำให้รายได้ลดลงมาก ผมจึงต้องประหยัดและอดออมเพื่อเป็นการช่วยพ่อแม่ พ่อแม่อยากให้ผมเรียนสูงๆ แต่ท่านก็บอกว่าไม่มีเงินส่งให้เรียน แต่ท่านก็พยายามทำงานหนักเพื่อให้ผมได้เรียน ผมสงสารทั้งสองคนมาก ทุนการศึกษานี้จึงจำเป็นและเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผม เพราะเป็นกำลังใจที่สำคัญ ผมขอขอบคุณผู้ที่มอบโอกาสและความเมตตานี้แก่ผมและจะขอใช้โอกาสนี้พัฒนาตัวเองให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดี สามารถดูแลตัวเอง ครอบครัวและช่วยเหลือสังคมครับ " เด็กชายคฑาวุธ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านท่าไร่ไทยเจริญ จ.บึงกาฬ

 " ครอบครัวหนูมีด้วยกัน 3 คนคือตัวหนู แม่และน้องชาย แม่ทำอาชีพขายกาแฟอยู่หน้าห้องเช่า ส่วนน้องของกำลังเรียนอยู่ชั้นม.1 ครอบครัวเรามีฐานะยากจน มีรายได้น้อย แต่แม่ก็พยายามทำงานหนักเพื่อหาเงินมาส่งให้หนูและน้องได้เรียน หนูจึงช่วยแบ่งเบาภาระของแม่โดยการช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง ช่วยตั้งร้านและเก็บร้าน และในวันหยุดเสาร์อาทิตย์หนูก็จะไปรับจ้างทำความสะอาดร้านขายเนื้อวัวในตลาดสดเมืองสุรินทร์ที่หนูจะได้ค่าจ้างครั้งละ 200 บาท หนูมีความสุขมากกับการมาโรงเรียน มีเพื่อนและสภาพแวดล้อมที่ดี หนูภูมิใจมากที่สามารถเรียนโรงเรียนนี้ได้และหวังว่าจะได้เรียนต่อชั้นม.ปลายที่นี่ หนูอยากจะเรียนสายภาษาและอยากประกอบอาชีพล่ามแปลภาษาในอนาคต
นอกจากนั้นหนูยังชอบเรียนวิชาการงานอาชีพมากเพราะหนูชอบเย็บปักถักร้อย ความสามารถพิเศษอื่นๆที่มีคือเล่นซออู้ได้ ทุนการศึกษาที่ท่านผู้บริจาคได้มอบให้นั้นมีประโยชน์กับครอบครัวหนูมาก หนูจะนำไปใช้จ่ายเป็นค่าบำรุงการศึกษาและค่าใช้จ่ายในโรงเรียนในแต่ละวัน หนูขอขอบพระคุณท่านที่ให้ทุนการศึกษาแก่หนู และขอสัญญาว่าจะตั้งใจเรียนและเป็นเด็กดี ขอขอบพระคุณค่ะ "
เด็กหญิงธัญวรัตน์ นักเรียนชั้นม.3 โรงเรียนสิรินธร 360 จ.สุรินทร์

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำโครงการ
กลุ่มที่ได้รับประโยชน์อธิบายจำนวนที่ได้ประโยชน์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
เด็กและเยาวชนเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาทั้งหมดอาศัยอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ34 คนเด็กนักเรียนทั้ง 34 คนเป็นนักเรียนที่มีคุณสมบัติที่สมควรได้รับทุนการศึกษา และเด็กนักเรียนส่วนมากอาศัยอยู่กับผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้หรือมีรายได้น้อย ดังนั้นทุนการศึกษาที่ได้รับเด็กๆ จะสามารถนำไปซื้ออุปกรณ์การเรียนต่างๆ ได้ซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว และทุนการศึกษายังช่วยป้องกันไม่ให้เด็กๆ ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเนื่องจากความขัดสนของครอบครัวอีกด้วย
วิดีโอจากเด็กที่ได้รับทุน

แผนการใช้เงิน

ลำดับ รายการ จำนวน จำนวนเงิน (บาท)
1 ทุนการศึกษาที่โอนให้กับเด็กนักเรียน 150 คน (คนละ 2,000 บาท) 300,000.00
2 ค่าบริหารจัดการ ( 1. การสุ่มลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติเด็กนักเรียนทุน ติดตามข้อมูล ประเมินผลข้อมูลของเด็กนักเรียน รวมทั้งค่าเดินทาง ที่พัก อาหาร ฯลฯ 2) ค่าใช้จ่ายด้านเอกสารเพื่อการติดต่อประสานงานกับโรงเรียนและเด็กนักเรียน ค่าโทรศัพท์ ค่าไปรษณีย์ ค่าการจัดทำเอกสารต่างๆที่ใช้ในการดำเนินโครงการ 3) ค่าจ้างบุคลากรในการดำเนินโครงการทุนการศึกษารวมถึงค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้อง 4) ค่าธรรมเนียมในการโอนเงินไปยังธนาคารต่างๆ 150 (500 บาทต่อคน) 75,000.00
รวมเป็นเงินทั้งหมด
375,000.00
ค่าธรรมเนียมของเทใจ (10%)
37,500.00

ยอดระดมทุน
412,500.00