พาเด็กเจ็บป่วยเรื้อรังไปเที่ยวทะเล
พาเด็กป่วยเรื้อรังที่อาศัยอยู่ในโรงพยาบาลมากกว่าบ้านไปเที่ยวทะเล เพื่อเรียนรู้โลกกว้างที่ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลกองทัพเรือสัตหีบกัน
ระยะเวลาโครงการ 3 เดือน
ยอดบริจาคขณะนี้
75,614 บาทเป้าหมาย
51,700 บาทสำเร็จแล้ว
ความคืบหน้าโครงการ
กิจกรรม พาเด็กป่วยเที่ยวทะเลสัตหีบ
จากกกิจกรรม พาเด็กป่วยเที่ยวทะเลสัตหีบ ครั้งที่2 กิจกรรมในครั้งนี้ ทางโครงการโรงพยาบาลมีสุข มูลนิธิกระจกเงา ต้องการที่จะจัดกิจกรรมนันทนาการนอกสถานที่ให้กับเด็กๆ กลุ่มเจ็บป่วยเรื้อรัง ซึ่งบางคนต้องพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลานาน หรือบางครอบครัวมีปัญหาในส่วนของฐานะทางเศรษฐกิจ ทำให้ขาดโอกาสในการออกไปเรียนรู้โลกภายนอกที่นอกเหนือจากโรงพยาบาล
การออกไปทำกิจกรรมนอกโรงพยาบาล จะเป็นการเพิ่มพื้นที่ความทรงจำดีๆ ให้กับเด็กป่วย การเป็นเด็กเจ็บป่วยเรื้อรังสามารถออกไปเล่น ไปทานอาหาร ไปทำกิจกรรม รวมถึงได้ใช้ชีวิตแบบเด็กปกติตามที่ความจะเป็น และจากการทำกิจกรรม “ พาเด็กป่วยเที่ยวทะเลสัตหีบ” พบว่า เด็กป่วยและครอบครัวได้ใกล้ชิดกันผ่านการทำกิจกรรมร่วมกัน เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ ในวัยใกล้เคียงกัน ที่มีความเจ็บป่วยเหมือนกัน ได้ความรู้เรื่องพันธุ์เต่าทะเล เล่นน้ำทะเล ผู้ปกครองเด็กป่วยได้แลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นกันในเรื่องการดูแลบุตรหลานป่วย พูดคุยเพื่อแบ่งเบาและเยียวยาจิตใจด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน ทีมงาน อาสาสมัครและครอบครัวเด็กป่วยกว่า 50 คนได้เดินทางร่วมกันครั้งแรก
การดำเนินแบ่งเป็น 3 ช่วง
1. พาเด็กป่วยและครอบครัวเดินทางจากโรงพยาบาลรามาธิบดี ไปถึงศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ
2. เด็กป่วยและครอบครัวทานอาหารสโมสรริมชลรวี
3. เด็กป่วยและครอบครัวพักผ่อนตามอัธยาศัย เล่นน้ำทะเล ระบายสีปูนพลาสเตอร์ ณ หาดนางรำ
แทนความรู้สึกของเด็กป่วยและผู้ปกครอง ที่ได้เข้าร่วมกิจกรรม พาเด็กเจ็บป่วยเรื้อรังเที่ยวทะเลสัตหีบ
ทางโครงการโรงพยาบาลมีสุข ยินดีและดีใจที่เด็กๆ และผู้ปกครอง มีความสุขจากการได้ออกมาเที่ยวและใช้ชีวิตนอกรั้วโรงพยาบาล และกิจกรรมนี้อยากให้เด็กป่วย พ่อ-แม่ ผู้ปกครอง ได้ใช้เวลาในการทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับสถาบันครอบครัว
นี่ คือ คำขอบคุณของเด็กป่วยและผู้ปกครอง
ที่ืทางโครงการฯ ขอส่งต่อให้กับผู้มีส่วนร่วมและทำให้กิจกรรมนี้เกิดขึ้นได้ค่ะ
เด็กเจ็บป่วยที่เข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาล ต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ในสถานพยาบาล
สิ่งเหล่านี้มีผลต่อจิตใจของเด็กมากบ้าง น้อยบ้าง เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปและไม่คุ้นเคย ความสับสนวุ่นวายต่างๆ ที่ดำเนินไปรอบตัวเด็กที่ต้องจากบ้านบางคนการไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง อาจทำให้เด็กมีความรู้สึกว้าเหว่ บางคนอาจมีอาการเหงาหงอย ไม่สดชื่นเท่าที่ควรเด็กอาจเกิดความเครียดขึ้นได้
นอกจากนี้เด็กบางคนแม้ไม่ได้นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่ยังต้องเข้ามาตรวจที่โรงพยาบาลตามหมอนัดเป็นระยะ สถานที่ที่เด็กคุ้นเคยเป็นอย่างดีคือ บ้านกับโรงพยาบาลเป็นแบบนี้อยู่เป็นประจำ
ดังนั้น กิจกรรมพาเด็กป่วยเที่ยว “เรียนรู้โลกกว้าง สร้างกำลังใจให้เด็กป่วย” จึงเป็นกิจกรรมที่จะนำพาเด็กป่วยได้ออกจากสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ โดยท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ที่ตนเองชื่นชอบ มีความสนใจ มีความสุข อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่สามารถสร้างการเรียนรู้ ทำให้เข้าไปเสริมสร้างกำลังใจ ที่เกิดจากแรงกระตุ้น จากสิ่งแวดล้อมภายนอกส่งผลให้มีความกระตือรือร้น มีการไหลเวียนของความสุข ความผ่อนคลายส่งผ่านไปยังเด็กป่วยและครอบครัว ทำให้มีพลังกาย พลังใจ ในการต่อสู้กับโรคภัยที่เป็นอยู่ได้อย่างมีพลังที่เต็มไปด้วยความสุข
กิจกรรมทัวร์ เรียนรู้โลกกว้าง สร้างกำลังใจให้เด็กป่วย จะสามารถเข้าไปสร้างกลไกที่เรียกว่า “เพิ่มความสุข ลดความทุกข์” สำหรับเด็กป่วยให้เกิดขึ้น ซึ่งความสุขของเด็กป่วยถือเป็นกำลังใจที่สำคัญที่เด็กป่วยได้รับจากคนในสังคมที่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการรักษาเด็กป่วยอย่างเป็นองค์รวมนั้นคือ การรักษากาย และจิตใจไปพร้อม ๆ กัน
กิจกรรมที่จะดำเนินโครงการ
- พาเด็กป่วยเที่ยว เรียนรู้โลกกว้าง สร้างกำลังใจให้เด็กป่วย “ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลกองทัพ เรือ สัตหีบ ”
- เราจะพาเดินเล่น พักผ่อน ริมชายหาด ทะเลสัตหีบ หากใครสุขภาพดีจะเล่นน้ำ เล่นทรายก็ไประโยชน์ของโครงการ
- เด็กป่วยได้เปลี่ยนสภาพแวดล้อมใหม่ๆ
- เกิดการเรียนรู้จากสังคมภายนอกของเด็กป่วย
- เกิดกระบวนการเยียวยา สร้างกำลังใจ ให้แก่ผู้ป่วยเด็ก ผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เกิดการเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีที่มากกว่าการรักษาพยาบาล
- คนในสังคมได้มีส่วนร่วมในการส่งความสุข สร้างกำลังใจให้แก่เด็กป่วย
- เกิดการมีส่วนร่วมของคนในสังคมผ่านงานอาสาสมัครในโรงพยาบาล
ผู้ร่วมเดินทาง
- เด็กป่วยและครอบครัว จำนวน 10 ครอบครัว
- เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ 5 ท่าน เพื่อดูแลเด็กระหว่างเดินทาง
- อาสาสมัครจากโครงการโรงพยาบาลมีสุข 10 ท่าน
สมาชิกภายในทีม
นางสาวจามจุรี แซ่ซื้อ
นางสาววิภารัตน์ พุ่มคำ
ติดตามกิจกรรมโครงการได้ที่ www.happyhospital.org , www.facebook.com/happyhospitalMR
กิจกรรม พาเด็กป่วยเที่ยวทะเลสัตหีบ
จากกกิจกรรม พาเด็กป่วยเที่ยวทะเลสัตหีบ ครั้งที่2 กิจกรรมในครั้งนี้ ทางโครงการโรงพยาบาลมีสุข มูลนิธิกระจกเงา ต้องการที่จะจัดกิจกรรมนันทนาการนอกสถานที่ให้กับเด็กๆ กลุ่มเจ็บป่วยเรื้อรัง ซึ่งบางคนต้องพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลานาน หรือบางครอบครัวมีปัญหาในส่วนของฐานะทางเศรษฐกิจ ทำให้ขาดโอกาสในการออกไปเรียนรู้โลกภายนอกที่นอกเหนือจากโรงพยาบาล
การออกไปทำกิจกรรมนอกโรงพยาบาล จะเป็นการเพิ่มพื้นที่ความทรงจำดีๆ ให้กับเด็กป่วย การเป็นเด็กเจ็บป่วยเรื้อรังสามารถออกไปเล่น ไปทานอาหาร ไปทำกิจกรรม รวมถึงได้ใช้ชีวิตแบบเด็กปกติตามที่ความจะเป็น และจากการทำกิจกรรม “ พาเด็กป่วยเที่ยวทะเลสัตหีบ” พบว่า เด็กป่วยและครอบครัวได้ใกล้ชิดกันผ่านการทำกิจกรรมร่วมกัน เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ ในวัยใกล้เคียงกัน ที่มีความเจ็บป่วยเหมือนกัน ได้ความรู้เรื่องพันธุ์เต่าทะเล เล่นน้ำทะเล ผู้ปกครองเด็กป่วยได้แลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นกันในเรื่องการดูแลบุตรหลานป่วย พูดคุยเพื่อแบ่งเบาและเยียวยาจิตใจด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน ทีมงาน อาสาสมัครและครอบครัวเด็กป่วยกว่า 50 คนได้เดินทางร่วมกันครั้งแรก
การดำเนินแบ่งเป็น 3 ช่วง
1. พาเด็กป่วยและครอบครัวเดินทางจากโรงพยาบาลรามาธิบดี ไปถึงศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ
2. เด็กป่วยและครอบครัวทานอาหารสโมสรริมชลรวี
3. เด็กป่วยและครอบครัวพักผ่อนตามอัธยาศัย เล่นน้ำทะเล ระบายสีปูนพลาสเตอร์ ณ หาดนางรำ
แทนความรู้สึกของเด็กป่วยและผู้ปกครอง ที่ได้เข้าร่วมกิจกรรม พาเด็กเจ็บป่วยเรื้อรังเที่ยวทะเลสัตหีบ
ทางโครงการโรงพยาบาลมีสุข ยินดีและดีใจที่เด็กๆ และผู้ปกครอง มีความสุขจากการได้ออกมาเที่ยวและใช้ชีวิตนอกรั้วโรงพยาบาล และกิจกรรมนี้อยากให้เด็กป่วย พ่อ-แม่ ผู้ปกครอง ได้ใช้เวลาในการทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับสถาบันครอบครัว
นี่ คือ คำขอบคุณของเด็กป่วยและผู้ปกครอง
ที่ืทางโครงการฯ ขอส่งต่อให้กับผู้มีส่วนร่วมและทำให้กิจกรรมนี้เกิดขึ้นได้ค่ะ
แผนการใช้เงิน
รายการ | บาท |
1.ค่าเดินทางรถบัส กทม. - สัตหีบ (ค่าเช่ารถ-ค่าน้ำมัน-ค่าทางด่วน) | 20,000 |
2.ค่าอาหาร (เช้า-กลางวัน-ขนม-น้ำ) | 15,000 |
3.ค่าเซอร์เวย์สถานที่ | 5,000 |
4.ค่าอุปกรณ์ (ไวนิล-ประสานงาน) | 1,000 |
5.ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ | 1,000 |
6.ค่าเช่าเสื่อ และค่าประกันการเดินทาง | 5,000 |
7.ค่าใช้จ่ายในการระดมทุนของเทใจโดยประมาณ | 4,700 |
รวมงบประมาณ | 51,700 |