กองทุนเพื่อคนเร่ร่อนชายแดนแม่สาย
เมื่อคนเร่ร่อนขาดแคลนทั้งอาหาร ยา และเครื่องนุ่มห่ม กลุ่มครูน้ำที่ดูแลจึงอยากชวนทุกคนมาร่วมกันตั้งกองทุนเพื่อคนเร่ร่อนที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดนไทย-พม่า (จ.เชียงราย-จ.ท่าขี้เหล็ก)ให้ได้รับการดูแลบ้าง
ระยะเวลาโครงการ 6 เดือน พื้นที่ดำเนินโครงการ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
ยอดบริจาคขณะนี้
47,099 บาทเป้าหมาย
39,600 บาทสำเร็จแล้ว
ความคืบหน้าโครงการ
รักษาพยาบาลคนเร่ร่อนกว่า 100 คน
จากการบริจาค 42,390 บาท ที่ได้รับตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2560 ทางมูลนิธิบ้านครูน้ำ ได้นำเงินไปใช้จ่าย ดังนี้
1.ซื้อยาสำหรับแจกคนเร่ร่อนที่ชายแดนแม่สาย กว่า 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนชาติพันธ์อาข่า มูเซอ ที่ยังเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุขทั้งจากทางไทยและเมียนมา ยาที่ซื้อ ได้แก่ แอลกอฮอล์ วิตามินบี ยาธาตุ ยาแก้ไข ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ ยาทาแก้ผื่นคัน น้ำยาล้างตา ด่างทับทิมสำหรับฆ่าเชื้อ น้ำเกลือ สำลีก้อน แผ่นแปะลดไข้ เครื่องสูดยาสำหรับโรคหืดหอบ
แจกยาให้ชาวอาข่าที่ชายแดนแม่สาย
2.เป็นค่ารักษาพยาบาลของกลุ่มคนเร่ร่อนที่ชายแดนแม่สายและท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ส่วนใหญ่เป็นญาติหรือคนในหมู่บ้านของเด็กๆ ที่มูลนิธิบ้านครูน้ำดูแลอยู่ การรักษาได้แก่ การตรวจครรภ์ โรคหิด อาการปวดท้อง
3.จ่ายค่าประกันสุขภาพให้เด็กที่ยากจนและเร่ร่อนที่เข้ามาใหม่ในมูลนิธิบ้านครูน้ำ จำนวน 14 คน
เด็กๆ ที่มูลนิธิบ้านครูน้ำดูแล
4.ซื้อยาสามัญประจำบ้านและยาตามอาการโรคของเด็กที่มูลนิธิบ้านครูน้ำ
ความประทับใจ
ครอบครัวอาข่าและมูเซอที่ชายแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็กพูดภาษาไทยไม่ได้ แต่ก็ได้ขอบคุณเป็นภาษาของเขาทุกครั้งที่ได้รับยาและการรักษาจากมูลนิธิ ส่วนเด็กที่มูลนิธิรับเข้ามาใหม่เป็นกลุ่มคนที่ไม่มีสิทธิในการรักษาพยาบาล ก็ได้มีประกันสุขภาพที่ทางมูลนิธิช่วยอุดหนุน และมีเงินสำรองไว้สำหรับการรักษาพยาบาล ซึ่งส่วนใหญ่ เด็กมักจะเป็นโรคหิด โรคกลากเกลื้อน และมีบางคนที่เป็นโรคร้าย เช่น มะเร็ง แม้เงินที่ได้รับจะใช้รักษาโรคทั้งหมดไม่ได้ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยรักษาอาการให้บรรเทาลงได้
บริเวณชายแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก มีกลุ่มคนเร่ร่อนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนชนเผ่าต่าง ๆ เช่น อาข่า มูเซอ ที่เดินทางไกลมาจากเชียงตุง เพื่อมาหาชีวิตที่ดีกว่าในพื้นที่เศรษฐกิจชายแดน แต่หลายคนกลับต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน เร่ขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ผักจากป่า เพราะไม่มีงานทำ ไม่มีที่ดินทำกิน หรือบางคนเป็นคนขอทานอยู่ที่บริเวณสะพานข้ามด่านไทย-พม่า นั่งตั้งแต่เช้าถึงเย็น ทั้งเด็กเล็ก หนุ่มสาว คนแก่ วันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 20 ชีวิต คนกลุ่มนี้เมื่อป่วยทีก็ไม่มีเงินซื้อยา ไม่มีเงินเข้าโรงพยาบาล บางคนอยากทำหมัน เพราะจำนวนลูกที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นภาระแก่ตัวเอง แต่ก็มีเงินไม่เพียงพอ หลายคนที่พักพิงอยู่ในหมู่บ้านอาข่าที่อยู่บริเวณชายแดนป่วยเป็นวัณโรค แต่ก็ไม่รักษา เพราะไม่รู้จักวิธี และขาดความรู้เรื่องการรักษาสมัยใหม่ จนบางครอบครัวต้องสูญเสียคนที่รักไปถึงจะเข้าใจความสำคัญของหมอ
ทางมูลนิธิบ้านครูน้ำได้ทำงานกับคนกลุ่มนี้มาเป็นเวลากว่า 15 ปี ดูแลด้านปัจจัยสี่ต่าง ๆ ส่วนการดูแลระยะยาวที่ผ่านมาทางมูลนิธิฯ ได้ช่วยเหลือเด็ก และผู้หญิงเร่ร่อนที่อยู่ในความเสี่ยงด้านยาเสพติดและถูกนำไปค้ามนุษย์กว่า 200 คน โดยการให้ที่พักและส่งเด็กเข้าระบบการศึกษา ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็ส่งเสริมด้านอาชีพ เช่น งานฝีมือ ปัจจุบันมีเด็กในความดูแลอยู่ที่มูลนิธิฯ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จำนวน 83 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ยังคอยไปเยี่ยมครอบครัวเด็กเหล่านี้อยู่สม่ำเสมอเพื่อสอบถามความเป็นอยู่ หากเขาขาดแคลนอะไรก็จะนำไปให้เท่าที่หาได้
ส่วนกลุ่มคนหน้าใหม่ที่มาเร่ร่อนเพิ่มขึ้น ขณะนี้มีเด็กจำนวนประมาณ 50 คน และผู้ใหญ่อีกเกือบ 100 คน ซึ่งยังมีคุณภาพที่ไม่ดี และงบประมาณที่มีก็ไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง การระดมทุนครั้งนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อหาแรงสนับสนุนในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่สำคัญว่าจะสัญชาติไหน หรือมีสัญชาติหรือไม่ และเพื่อต้องการให้คนที่อยู่ไกลออกไปรับรู้ถึงปัญหาบริเวณชายแดน
ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน ก็สามารถร่วมกันช่วยเหลือกลุ่ม “คนชายขอบ” เหล่านี้ได้
ขั้นตอนการดำเนินโครงการ
- ประชาสัมพันธ์เรื่องปัญหาชายแดนและทำการระดมทุนผ่านเว็บไซต์เทใจดอทคอม รวมไปถึงการเปิดรับบริจาคยา (ส่งมาที่อยู่: มูลนิธิบ้านครูน้ำ โครงการมิตรข้างถนน 128 หมู่ 7 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย 57130 ระบุว่า “บริจาคยาจาก taejai.com” ติดต่อที่ โทร. 053 731 422)
- เมื่อระดมทุนได้จำนวนตามที่กำหนดแล้ว นำเงินไปซื้อยารักษาโรค ได้แก่ ยาพาราเซตามอล ยาแก้ไอ ยาถ่ายพยาธิ ยาแก้อักเสบ แผ่นแปะลดไข้ ด่างทับทิม วิตามินบี ยาแก้แพ้ ยาสำหรับทำแผล ยาธาตุน้ำขาว ยาหยอดยา ยาหยอดหู สำลี แอลกอฮอล์ เอาไปแจกที่หมู่บ้านบริเวณชายแดนพม่าส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งจะเก็บไว้ที่ศูนย์ Drop-in ของมูลนิธิบ้านครูน้ำ ตั้งอยู่ห่างจากด่านชายแดนไทย-พม่า ประมาณ 500 เมตร เพื่อเป็นศูนย์กลางของการรักษา เมื่อกลุ่มเป้าหมายป่วย จะเดินทางมาบอกอาการและขอรับยาที่ศูนย์แห่งนี้ได้
- นำเงินเก็บไว้เป็นกองทุนสำหรับทำอาหารแจกคนเร่ร่อน
- พากลุ่มคนที่ต้องการทำหมันไปรักษาที่โรงพยาบาลแม่สาย จ.เชียงราย
- สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการได้ที่ Facebook: แม่สาย 2017 และ Facebook: มูลนิธิบ้านครูน้ำ โครงการมิตรข้างถนน
ประโยชน์ของโครงการ
- ช่วยเหลือด้านสุขอนามัยแก่กลุ่มคนชนเผ่าที่ไม่มีเงินหรือไม่มีโอกาสได้ไปโรงพยาบาล
- ช่วยลดปัญญาโรคติดต่อในชุมชนชายแดน
- ช่วยลดปัญหาการค้ามนุษย์จากการลดจำนวนเด็กที่จะเกิดมาในครอบครัวที่ยังเร่ร่อนอยู่
- เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับชุมชนชายแดน
สมาชิกภายในทีม
- นางสาวศากุน บางกระ (SAKUN BANGKRA) จบวารสารฯ ธรรมศาสตร์ เคยเป็นนักข่าวเซคชั่นไลฟ์สไตล์ สังคม วัฒนธรรม ชุมชน สิ่งแวดล้อม ของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งอยู่สองปี แล้วลาออกมาเป็นบัณฑิตอาสาสมัครของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปฏิบัติงานด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการรวมกลุ่มประชากรอาเซียน ลงพื้นที่อยู่ที่บ้านเกาะทราย ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ทำงานช่วยเหลือกลุ่มคนชนเผ่าที่อยู่ทั้งฝั่งไทย-พม่า ในด้านการศึกษา อาชีพ คุณภาพชีวิต ร่วมกับมูลนิธิบ้านครูน้ำ (โครงการมิตรข้างถนน)
ติดต่อได้ที่ โทร. 097 979 1535, e-mail : sakun.bk@gmail.com, Facebook : Sakun Joe Facebook Fanpage : แม่สาย 2017 - นายทวีศิลป์ หงส์หิน (THAWEESIN HONGHIN) ผู้จัดการมูลนิธิบ้านครูน้ำ หรือ “ครูอู๊ด” คนแม่สายที่ทำงานเพื่อคนเร่ร่อนมา 6 ปี นอกจากจะลงพื้นที่เก็บข้อมูล ดูแลคนชนเผ่าที่เร่ร่อนบริเวณสะพานข้ามด่านไทย-พม่า และรัศมีใกล้เคียง ยังเป็นครูสอนภาษาไทยพื้นฐานให้กับกลุ่มคนแรงงานและคนชนเผ่าที่สนใจ ประจำอยู่ที่มูลนิธิบ้านครูน้ำ (โครงการมิตรข้างถนน)
ติดต่อได้ที่ โทร. 053 731422 e-mail : vcdf.dropin@gmail.com, Facebook Fanpage : มูลนิธิบ้านครูน้ำ โครงการมิตรข้างถนน
ภาคี
ความประทับใจจากโครงการกองทุนเพื่อคนเร่ร่อนชายแดนแม่สาย
รับผิดชอบโดย : มูลนิธิบ้านครูน้ำ
การดำเนินโครงการหลังจากนี้ จะนำเงินไปซื้อยารักษาโรคให้กลุ่มเป้าหมาย คือ คนเร่ร่อน และกลุ่มคนที่ขาดแคลนยาบริเวณชายแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก สำหรับระยะเวลา 6 เดือน ยาที่จัดซื้อได้แก่ ยาพาราเซตามอล ยาแก้ไอ ยาถ่ายพยาธิ ยาแก้อักเสบ แผ่นแปะลดไข้ ด่างทับทิม วิตามินบี ยาแก้แพ้ ยาสำหรับทำแผล ยาธาตุน้ำขาว ยาหยอดตา ยาหยอดหู สำลี แอลกอฮอล์ และซื้อยาสำหรับเด็กๆ ที่เคยเร่ร่อนและมาอยู่ในความดูแลของมูลนิธิบ้านครูน้ำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เช่น ยาสามัญประจำบ้าน
นอกจากนี้จะรวบรวมกลุ่มแม่เด็กหรือผู้หญิงที่ต้องการทำหมันที่อยู่ในหมู่บ้านหรือเร่ร่อนบริเวณชายแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก พาไปดำเนินการการทำหมันที่โรงพยาบาลต่อไป
เงินส่วนหนึ่งจะเป็นกองทุนมูลนิธิบ้านครูน้ำ สนับสนุนโครงการมิตรข้างถนน ศูนย์ดรอปอิน (drop-in) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากด่านชายแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ประมาณ 500 เมตร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือกลุ่มคนเร่ร่อนด้านอาหารและการพยาบาลในกรณีฉุกเฉินต่างๆ
ความประทับใจ
ทางมูลนิธิบ้านครูน้ำขอขอบคุณผู้บริจาคทุกท่านที่สนใจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่อยู่บริเวณชายขอบ ในตอนแรกเราไม่แน่ใจว่า จะมีคนสนใจประเด็นปัญหาเช่นนี้มากเท่าไร เพราะเป็นเรื่องที่ไกลตัวหลายคน โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในเมือง แต่หลังจากที่โครงการระดมทุนนี้ออกไป มีหลายคนถามถึงมากขึ้น และสนใจจะช่วยเหลือด้านอื่นๆ เช่น เสื้อผ้า ด้วย ทำให้เราดีใจที่มีคน "มองเห็น" และเมื่อโครงการนี้ระดมทุนได้สำเร็จ ก็ยิ่งทำให้เราดีใจมากขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องการสนับสนุนด้านค่าใช้จ่าย แต่ยังบอกได้ว่า เรื่องของคนชายขอบได้มีการรับรู้มากขึ้นแล้ว
เราเชื่อว่า เมื่อปัญหาได้มีการรับรู้ร่วมกันระดับหนึ่ง อย่างน้อยการเร่ร่อน การขาดแคลนการดูแล การขาดการศึกษาของกลุ่มคนชายขอบ ก็จะถูกบอกต่อออกไป และ "พวกเรา" ก็จะเป็นฟันเฟืองที่ช่วยกันขับเคลื่อนการแก้ปัญหานี้ร่วมกันได้
เมื่อเราลงพื้นที่มอบยาหรือของเล็กๆ น้อยๆ ให้กับกลุ่มคนอาข่าที่เราดูแล จะบอกกับเราเสมอว่า "กื่อหล่องหึมาเด" แปลว่า "ขอบคุณนะ"
เราจึงขอบอกกับทุกคนว่า "กื่อหล่องหึมาเด" ขอบคุณแทนผู้ที่ได้รับโอกาสด้วยค่ะ
รักษาพยาบาลคนเร่ร่อนกว่า 100 คน
จากการบริจาค 42,390 บาท ที่ได้รับตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2560 ทางมูลนิธิบ้านครูน้ำ ได้นำเงินไปใช้จ่าย ดังนี้
1.ซื้อยาสำหรับแจกคนเร่ร่อนที่ชายแดนแม่สาย กว่า 100 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนชาติพันธ์อาข่า มูเซอ ที่ยังเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุขทั้งจากทางไทยและเมียนมา ยาที่ซื้อ ได้แก่ แอลกอฮอล์ วิตามินบี ยาธาตุ ยาแก้ไข ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ ยาทาแก้ผื่นคัน น้ำยาล้างตา ด่างทับทิมสำหรับฆ่าเชื้อ น้ำเกลือ สำลีก้อน แผ่นแปะลดไข้ เครื่องสูดยาสำหรับโรคหืดหอบ
แจกยาให้ชาวอาข่าที่ชายแดนแม่สาย
2.เป็นค่ารักษาพยาบาลของกลุ่มคนเร่ร่อนที่ชายแดนแม่สายและท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ส่วนใหญ่เป็นญาติหรือคนในหมู่บ้านของเด็กๆ ที่มูลนิธิบ้านครูน้ำดูแลอยู่ การรักษาได้แก่ การตรวจครรภ์ โรคหิด อาการปวดท้อง
3.จ่ายค่าประกันสุขภาพให้เด็กที่ยากจนและเร่ร่อนที่เข้ามาใหม่ในมูลนิธิบ้านครูน้ำ จำนวน 14 คน
เด็กๆ ที่มูลนิธิบ้านครูน้ำดูแล
4.ซื้อยาสามัญประจำบ้านและยาตามอาการโรคของเด็กที่มูลนิธิบ้านครูน้ำ
ความประทับใจ
ครอบครัวอาข่าและมูเซอที่ชายแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็กพูดภาษาไทยไม่ได้ แต่ก็ได้ขอบคุณเป็นภาษาของเขาทุกครั้งที่ได้รับยาและการรักษาจากมูลนิธิ ส่วนเด็กที่มูลนิธิรับเข้ามาใหม่เป็นกลุ่มคนที่ไม่มีสิทธิในการรักษาพยาบาล ก็ได้มีประกันสุขภาพที่ทางมูลนิธิช่วยอุดหนุน และมีเงินสำรองไว้สำหรับการรักษาพยาบาล ซึ่งส่วนใหญ่ เด็กมักจะเป็นโรคหิด โรคกลากเกลื้อน และมีบางคนที่เป็นโรคร้าย เช่น มะเร็ง แม้เงินที่ได้รับจะใช้รักษาโรคทั้งหมดไม่ได้ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยรักษาอาการให้บรรเทาลงได้
แผนการใช้เงิน
รายการ | จำนวนเงิน(บาท) |
1. ค่ายารักษาโรค(สำหรับแจกเป็นเวลา 6 เดือน) | 15,000 |
2. ค่ารักษาพยาบาล | 12,000 |
3. ค่าอาหาร | 3,000 |
4. อื่น ๆ (กรณีรักษาฉุกเฉิน) | 6,000 |
5. ค่าธรรมเนียมเทใจ 10% | 3,600 |
รวมเป็นเงิน | 39,600 |