project กลุ่มคนเปราะบาง

Street Style Thailand: ตามติด ชีวิตคนไร้บ้าน

ชีวิต "Street" ที่หลายคนมองข้าม แต่วันนี้เราจะชวนคุณสัมผัส...ตามติด...ชีวิตของคนไร้บ้าน เพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัสของคุณ

ระยะเวลาโครงการ 3 เดือน พื้นที่ดำเนินโครงการ กรุงเทพ

ยอดบริจาคขณะนี้

8,155 บาท

เป้าหมาย

8,055 บาท
ดำเนินการไปแล้ว 101%
จำนวนผู้บริจาค 13

สำเร็จแล้ว

ความคืบหน้าโครงการ

จากใจเจ้าของโครงการStreet Style Thailand: ตามติด ชีวิตคนไร้บ้าน

25 พฤษภาคม 2015
โครงการ Street Style Thailand: ตามติดชีวิตคนไร้บ้าน โดยนายฐิติฤกษ์ พรหมวนิช จะดำเนินการมอบมือถือเพื่อให้คนไร้บ้านได้สื่อสารชีวิตและความรู้สึกนึกคิดของตนเอง วันนี้เขามีเรื่องราวความประทับใจ ที่อยากให้ผู้บริจาคได้ร่วมประสบการณ์ไปกับเขาดังต่อไปนี้
 
เป็นเวลากว่า 7 เดือนแล้ว นับตั้งแต่ที่ผมได้เริ่มเข้าไปคุยกับพี่คนไร้บ้านครั้งแรก ที่อยากมอบมือถือเพื่อสื่อสารเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ ความรู้สึกนึกคิดที่คนทั่วไปไม่ค่อยได้สนใจและแทบไม่เคยได้สัมผัส
 
จากที่ได้สัมผัสชีวิตของคนไร้บ้านฝนช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทำให้ผมได้เห็นว่าประเด็นเรื่องคนไร้บ้าน เป็นเรื่องที่สะท้อนถึงปัญหาสังคมได้หลายฉากหลายมุมมาก เช่น ปัญหาการเอาเปรียบคนจน/คนไร้บ้าน ปัญหาการแก้ไขปัญหาสาธารณะในมุมมองของรัฐ
 
ปัญหาเหล่านี้อยู่คู่บ้านเมืองเรามานาน บางครั้งเรามองว่ามันไกลตัว ซึ่งประเด็นเรื่องคนไร้บ้านเองก็เป็นเหมือนพื้นที่ที่สะท้อนปัญหานี้ได้อย่างน่าสนใจ
 
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา ยื่งทำให้ผมรู้สึกว่าประเด็นเรื่องคนไร้บ้านยิ่งทวีความน่าสนใจมากขึ้น ทุกครั้งที่ได้คุยกับคนไร้บ้านก็จะได้ประเด็นใหม่ๆ เกือบทุกครั้ง
 
ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาที่ได้ริเริ่มโครงการกับคนไร้บ้านคนที่ 2 เริ่มมีผู้คนเข้ามาทักทางเพจ Street Style Thailand ในทำนองว่า "ฉันพอจะช่วยเรื่องคนไร้บ้านได้บ้างหรือไม่?" และในจำนวนที่ทักมาก็มีหลายคนที่ผมพาไปดูพื้นที่ที่คนไร้บ้านอยู่กันจริงๆ เช่น นักศึกษาที่สนใจด้านการเขียน กลุ่มดีไซน์เนอร์ที่สนใจอยากทำประเด็นทางสังคม และผู้คนจากหลากหลายสาขาอาชีพ ปรากฏการณ์เหล่านี้ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว
 
ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมสนับสนุนเงินทุกให้กับโครงการ Street Style Thailand และขอขอบคุณทางเทใจที่เป็นตัวกลางในการรับบริจาคเงิน
นี่คือจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคนตัวเล็กๆก็สามารถเริ่มทำอะไรบางอย่างเพื่อสังคมได้ แม้ว่ามันจะเล็กน้อยสักเพียงใดก็ตาม และมันจะดียิ่งขึ้นเมื่อคนเล็กๆ เหล่านั้นได้ประกาศเจตนารมณ์ถึงเรื่องราวดีๆ ที่พวกเขาอยากจะเริ่ม
 
สุดท้ายนี้ผมจะยินดีเป็นอย่างมากถ้ามีโอกาสได้พาทุกท่านไปดูบรรยากาศและพูดคุยกับคนไร้บ้าน ผมเชื่อว่าท่านจะได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ ของคนตัวเล็กๆ อีกกลุ่มหนึ่งที่สังคมมองข้าม
 
ขอบคุณมากๆ ครับ :)
 
ฐิติฤกษ์ พรหมวนิช (ปืน)
ผู้ริเริ่มโครงการ Street Style Thailand
090-9949472
naocrituss@gmail.com
 
***สำหรับท่านที่ร่วมสนับสนุนโครงการนี้ตั้งแต่ 300 บาทเป็นต้นไป กรุณาส่งชื่อนามสกุล และที่อยู่ของท่านมาด้วยนะครับ ทีมงานจะขอส่งโปสการ์ดให้ในช่วงเดือนมิถุนายนครับ***
***สำหรับท่านที่ร่วมสนับสนุนโครงการนี้ตั้งแต่ 500 บาทเป็นต้นไป ทางทีมงานจอขอเชิญทุกท่านเข้าร่วม Homeless Tour ที่จะจัดในช่วงเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม โดยจะขอนัดผ่านทางอีเมล์อีกทีนะครับ***
อ่านต่อ »
ดูความคืบหน้าโครงการทั้งหมด

ที่มา/ความสำคัญโครงการ :

ชีวิต "Street" ที่ทุกคนมองข้าม
วันนี้ Street Style Thailand จะชวนคุณสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของคนไร้บ้าน เพียงนิ้วสัมผัส
 
ผม "ฐิติฤกษ์ พรหมวนิช" จบรัฐศาสตร์ แต่สนใจด้านการสื่อสารเพื่อสังคม จับพลัดจับผลูมาเขียนบล็อกเล่าเรื่องแคมเปญสร้างสรรค์เพื่อสังคมกับทีม Zero Sum Good 
 
เมื่อ 2 เดือนที่แล้วผมมีโอกาสได้ไปดูโครงการ Food For Friends (รถหมูแดง) โครงการนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากเศรษฐีคนหนึ่งได้ติดต่อไปที่มูลนิธิกระจกเงา บอกว่ามีเงินอยู่ 2 ล้านบาท อยากจะเปิดโรงทาน มูลนิธิคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าถ้าสร้างโรงทานมันคงช่วยคนได้ไม่เยอะ ก็เลยตั้งใจว่าจะให้โรงทานนี้เป็นโรงทานที่เคลื่อนที่ได้ ช่วยเหลือคนได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการจัดข้าวและยาสามัญไปให้ ทุกๆวันจันทร์ที่เสาชิงช้าจะมีคนไร้บ้านมารอรับข้าวรับยานับสองร้อยคนได้ ทันทีที่รถหมูแดงมาจอดเทียบปุ๊บ คนไร้บ้านเหล่านี้ก็จะเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ
 
ครั้งนั้น ผมมีโอกาสได้รู้จักกับพี่จี พี่จีเป็นฝ่ายสื่อสารของมูลนิธิกระจกเงา ครั้งนั้นพี่เค้าได้แนะนำให้ผมรู้จักคนไร้บ้านคนหนึ่งที่ชื่อว่า "พี่เอ"
ผมพยายามเล่าถึงโปรเจ็คที่ผมอยากจะทำหลังจากที่ได้เห็นเคสของออสเตรียที่ชื่อ  VinziRast  โปรเจ็คที่ว่านี้คือการมอบสมาร์ทโฟนให้กับคนไร้บ้านเพื่อถ่ายทอดชีวิต ความรู้สึกนึกคิด และเหตุการณ์ที่ได้ประสบพบเจอในแต่ละวัน ด้วยภาษาที่เรียบง่ายที่สุดในตอนนั้น
 
(จากนี้คือบทสนทนาที่ผมคุยกับพี่เอ เป็นจุดที่ทำให้ผมเห็นความเป็นไปได้ที่แคมเปญนี้จะสำเร็จ)
 
ผม: พี่เล่นเฟซบุคมั้ย?
พี่เอ: เล่นๆ (คำตอบนี้ทำผมอึ้งไปสักพัก เพราะคิดว่าลองถามเล่นๆดูเผื่อได้)
ผม: จริงปะพี่ แล้วพี่เล่นได้ยังไง
พีเอ: เพื่อนคนที่อ่านหนังสือออกเค้าสมัครให้
ผม: ไม่ใช่พี่ ผมหมายถึงพี่ใช้อะไรเล่น
พี่เอ: เนี่ย เครื่องเนี่ย (แกล้วงๆในถุงสีน้ำตาล แล้วก็ควักไอพอดขึ้นมา)
ผม: เฮ้ยพี่ ใช้ของดีกว่าผมอีก พี่ได้มายังไงเนี่ย
พี่เอ: เจ้าของร้านเค้าให้มา
ผม: แล้วเค้าให้พี่มาทำไม
พี่เอ: เค้าสงสาร
ผม: แล้วเวลาพี่เล่นมันต้องต่อเน็ต แล้วพี่ใช้เน็ตที่ไหน
พี่เอ: ก็มันจะมีที่ หรือไม่ก็ไปเล่นร้านเน็ต
ผม: งั้นผมขอดูเฟซบุคของพี่หน่อย ขอเป็นเพื่อนพี่ละกัน
พี่เอ: (ไม่พูดพร่ำทำเพลง ความหาสมุดจด เมื่อได้แล้วก็เอาให้ผมดู ชี้ไปที่อีเมล์) เนี่ยๆ พี่หาอันเนี้ย (สาพภาพตามตรงว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเสิร์ชหาใครด้วยอีเมล์)
ผม: เฮ้ยพี่ ทำไมชื่อนี้อะ (ลองหาดูแล้วมันก็ขึ้นจริงๆ ตอนนั้นชื่อเฟซพี่แกคือ "อ้วน ระเบิดตูด")
พี่เอ: มักตลกดี
(ระหว่างที่กำลังส่งเฟซพี่แก อยู่ดีๆพี่แกก็ยื่นมือเอานิ้วลากเพื่อให้ดูโปรไฟล์ของแกในส่วนล่างๆ)
พี่เอ: พี่ๆผมเล่นเกมด้วยนะ
ผม: (ด้วยความสงสัยว่าเกมอะไรวะ ก็ลองดู เชดเด้! พี่แก่เล่นแคนดี้ครัชนะครัช และที่สำคัญคือคะแนนเยอะว่ากรูอีก! นี่เป็นอีกครั้งที่ทำให้ผมอึ้ง)
 
หลังจากนั้นก็คุยกันทั่วๆไป ไม่ได้มีใจความอะไรสำคัญมากนัก
 
หลังจากที่ได้คุยกับพี่แกก็เริ่มมีความหวังว่าแคมเปญนี้้น่าจะสำเร็จได้แน่ๆ เพียงแต่ต้องขอเวลาคุยอีกสักพักเพื่อสร้างความสนิทสนมและไว้ใจเรา
 
หลังจากที่คุยไปได้สักพัก แต่ละสัปดาห์พี่แกจะทักเฟซบุคมาคุยกับผมประมาณสองครั้ง ทุกครั้งก็ทักมาว่า "วัสดี" เพราะแกจำได้เท่านี้ และมีอีกครั้งที่ทำให้ผมได้อึ้งกับพี่แกอีกครั้งคือพี่แก Video Call มาหาผมครับ คุยทักทายกันตามปกติ แล้วก็วางสายไปเพระาผมต้องทำงานต่อ
 
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมได้เริ่มคิดว่าทำไมเค้าถึงทักเรามาหรือ Video Call มาหาเราทั้งๆที่เค้าก็ไม่ได้มาขอความช่วยเหลืออะไร แล้วเป็นแบบนี้หลายครั้งจนเรารู้สึกได้ว่าจริงๆแล้วไม่ใช่แค่ปัจจัย 4 เท่านั้นที่เค้าต้องการ (ผมไม่ได้บอกนะครับว่าไม่สำคัญ) สิ่งที่เค้าอาจจะต้องการนอกเหนือจากปัจจัย 4 คือต้องการเพื่อนหรือใครสักคนที่มาพูดคุยมาคอยรับฟัง

ประโยชน์ของโครงการ :

สิ่งที่ทำให้ผมเริ่มทำโครงการนี้ ผมมองเห็น "ความเป็นไปได้" ใน 3 ระดับ

1. สร้างการตระหนักรู้เรื่องชีวิตของคนไร้บ้านด้วยการสื่อสารที่เรียบง่ายและย่อยง่าย (การอยู่ในหน้าฟีดเฟซบุคผมเข้าใจว่าคนจะติดตามง่ายกว่าการเปิดอ่านบทความยาวๆ ซึ่งอาจจะไม่ค่อยเหมาะกับวิถีชีวิตคนยุคนี้นัก) ในระดับนี้ผมสามารถรับประกันได้ว่าสื่อแบบใหม่นี้จะช่วยให้เราเห็นชีวิตของคนไร้บ้านในมิติที่แปลกออกไป
 
2. สร้างความร่วมมือหรือเป็นช่องทางให้ความช่วยเหลือแก่คนไร้บ้านมากขึ้น ผมเชื่อว่าการเข้าถึง Mass มันจะทำให้เกิดโอกาสการกระจายทรัพยากรได้ง่ายขึ้น เช่น อาจจะมีคนมาบริจาคข้าวของให้กับกระจกเงามากขึ้น มีคนมาเสนองานให้คนไร้บ้าน มาให้กำลังใจ ให้คำแนะนำ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในออสเตรีย และผมก็คิดว่าเรื่องราวแบบนี้ก็สามารถเกิดขึ้นในบ้านเราได้เช่นกัน (จุดหมายในระดับนี้ผมไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ คงเป็นเรื่องที่ต้องให้สังคมตัดสินว่าประเด็นเรื่องคนไร้บ้านเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญหรือไม่ และจะช่วยเค้าได้อย่างไรบ้าง)
 
3. ในระยะยาว ถ้าประเด็นเรื่องคนไร้บ้านได้กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจจริงๆ ประชาชนอาจมีการเคลื่อนไหวเพื่อผลักดันนโยบายรัฐเพื่อสนับสนุนโอกาสให้กับคนไร้บ้าน ซึ่งเป็นกลไลหนึ่งที่จะช่วยให้คนไร้บ้านหลุดจากวงจรของการอยู่ข้างถนน (จุดหมายนี้ผมยิ่งรับประกันไม่ได้ใหญ่เลย เพราะเป็นเรื่องที่สังคมต้องตัดสินว่าคนไร้บ้านเหล่านี้ควรจะได้รับการปฏิบัติพื้นฐานเหมือนมนุษย์คนอื่นๆในสังคมหรือไม่)
 
จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ผมรับประกันได้มีเพียงสิ่งเดียวคือการทำให้คุณได้ "เห็น" อีกมุมหนึ่งของชีวิต ซึ่งผมว่าเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ประเมิณไว้คร่าวๆก็น่าจะเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่ทำให้คนทั่วไปได้เห็นมุมมองใหม่ๆของสังคม

กิจกรรมที่จะดำเนินโครงการ :

สิ่งที่เราจะทำคือการมอบสมาร์ทโฟนให้กับคนไร้บ้าน เพื่อถ่ายทอดชีวิต ความรู้สึกนึกคิดและประสบการณ์ของการเป็นคนไร้บ้านในแต่ละวัน เค้ากินอะไร นอนยังไง ไปเจอใคร รู้สึกยังไง ความรู้สึกเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดให้เป็นสื่อที่ย่อยง่ายซึ่งเหมาะกับชีวิตอันเร่งรีบของคนในยุคปัจจุบัน

ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ เราได้ทดลองโครงการนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแม้จะยังไม่มีคนติดตามมากนัก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จขั้นแรกที่ทำให้ได้เรียนรู้ (ติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/pages/Street-Style-Thailand/789732634397602)

เมื่อเดือนกว่าๆ ผมได้ข่าวสุดช็อคจากพี่เอ ที่ทำให้ผมรู้สึกทั้งเสียใจและก็ยินดีในคราวเดียวกัน ข่าวล่าสุดนี้ พี่แกบอกว่าแกได้งานที่มูลนิธิกระจกเงาแล้ว ซึ่งมันหมายความว่าพี่แกมีงานทำ มีบ้านอยู่เป็นหลักเป็นแหล่งแล้ว แต่นั่นก็ทำให้พี่เอไม่สามารถเป็นตัวแทนของ "คนไร้บ้าน" ได้อีกต่อไป ทั้งๆที่โครงการกำลังไปได้สวย

แต่โชคดีฟ้าเป็นใจ พี่เอ๋ หัวหน้าโครงการ Food For Friends และโครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา ได้แนะนำให้ผมรู้จักกับคนไร้บ้านคนใหม่ แกชื่อว่าพี่บิน เป็นคนที่รู้จักเพื่อนคนไร้บ้านเยอะมาก ครั้งหนึ่งแกเคนเป็นไกด์นำทัวร์คนไร้บ้านที่มูลนิธิกระจกเงาเป็นคนจัด พาอาสาสมัครไปพูดคุย แจกของกินของใช้ให้กับคนไร้บ้านในย่านสนามหลวง-ราชดำเนิน

ณ วันนี้ ผมได้รับบริจาคมือถือมาหนึ่งเครื่อง แต่ยังขาดปัจจัยสนับสนุนทางด้านเงินทุนในด้านอื่นๆ เช่น ค่าอินเตอร์เน็ตรายเดือน ค่าอุปกรณ์ ค่าเดินทาง รวมไปถึงผมตั้งใจว่าอยากจะให้ค่าแรงให้กับพี่คนไร้บ้านที่ร่วมโครงการทั้งสองคน 

สมาชิกภายในทีม :

ฐิติฤกษ์ พรหมวนิช (Thitirerk Phromvanich)

เรียนจบรัฐศาสตร์ แต่สนใจด้านการสื่อสารเพื่อสังคม จับพลัดจับผลูมาเขียนบล็อกเล่าเรื่องแคมเปญสร้างสรรค์เพื่อสังคมกับทีม Zero Sum Good (https://www.facebook.com/zerosumgood) เขียนเรื่องคนอื่นมาเยอะ ถึงเวลาที่จะต้องลุยเองบ้าง

เบอร์โทรศัพท์ 090-9949472

E-mail: naocrituss@gmail.com

FB: https://www.facebook.com/thitirerk

ภาคี :

จากใจเจ้าของโครงการStreet Style Thailand: ตามติด ชีวิตคนไร้บ้าน

25 พฤษภาคม 2015

โครงการ Street Style Thailand: ตามติดชีวิตคนไร้บ้าน โดยนายฐิติฤกษ์ พรหมวนิช จะดำเนินการมอบมือถือเพื่อให้คนไร้บ้านได้สื่อสารชีวิตและความรู้สึกนึกคิดของตนเอง วันนี้เขามีเรื่องราวความประทับใจ ที่อยากให้ผู้บริจาคได้ร่วมประสบการณ์ไปกับเขาดังต่อไปนี้
 
เป็นเวลากว่า 7 เดือนแล้ว นับตั้งแต่ที่ผมได้เริ่มเข้าไปคุยกับพี่คนไร้บ้านครั้งแรก ที่อยากมอบมือถือเพื่อสื่อสารเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ ความรู้สึกนึกคิดที่คนทั่วไปไม่ค่อยได้สนใจและแทบไม่เคยได้สัมผัส
 
จากที่ได้สัมผัสชีวิตของคนไร้บ้านฝนช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทำให้ผมได้เห็นว่าประเด็นเรื่องคนไร้บ้าน เป็นเรื่องที่สะท้อนถึงปัญหาสังคมได้หลายฉากหลายมุมมาก เช่น ปัญหาการเอาเปรียบคนจน/คนไร้บ้าน ปัญหาการแก้ไขปัญหาสาธารณะในมุมมองของรัฐ
 
ปัญหาเหล่านี้อยู่คู่บ้านเมืองเรามานาน บางครั้งเรามองว่ามันไกลตัว ซึ่งประเด็นเรื่องคนไร้บ้านเองก็เป็นเหมือนพื้นที่ที่สะท้อนปัญหานี้ได้อย่างน่าสนใจ
 
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา ยื่งทำให้ผมรู้สึกว่าประเด็นเรื่องคนไร้บ้านยิ่งทวีความน่าสนใจมากขึ้น ทุกครั้งที่ได้คุยกับคนไร้บ้านก็จะได้ประเด็นใหม่ๆ เกือบทุกครั้ง
 
ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาที่ได้ริเริ่มโครงการกับคนไร้บ้านคนที่ 2 เริ่มมีผู้คนเข้ามาทักทางเพจ Street Style Thailand ในทำนองว่า "ฉันพอจะช่วยเรื่องคนไร้บ้านได้บ้างหรือไม่?" และในจำนวนที่ทักมาก็มีหลายคนที่ผมพาไปดูพื้นที่ที่คนไร้บ้านอยู่กันจริงๆ เช่น นักศึกษาที่สนใจด้านการเขียน กลุ่มดีไซน์เนอร์ที่สนใจอยากทำประเด็นทางสังคม และผู้คนจากหลากหลายสาขาอาชีพ ปรากฏการณ์เหล่านี้ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว
 
ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมสนับสนุนเงินทุกให้กับโครงการ Street Style Thailand และขอขอบคุณทางเทใจที่เป็นตัวกลางในการรับบริจาคเงิน
นี่คือจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคนตัวเล็กๆก็สามารถเริ่มทำอะไรบางอย่างเพื่อสังคมได้ แม้ว่ามันจะเล็กน้อยสักเพียงใดก็ตาม และมันจะดียิ่งขึ้นเมื่อคนเล็กๆ เหล่านั้นได้ประกาศเจตนารมณ์ถึงเรื่องราวดีๆ ที่พวกเขาอยากจะเริ่ม
 
สุดท้ายนี้ผมจะยินดีเป็นอย่างมากถ้ามีโอกาสได้พาทุกท่านไปดูบรรยากาศและพูดคุยกับคนไร้บ้าน ผมเชื่อว่าท่านจะได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ ของคนตัวเล็กๆ อีกกลุ่มหนึ่งที่สังคมมองข้าม
 
ขอบคุณมากๆ ครับ :)
 
ฐิติฤกษ์ พรหมวนิช (ปืน)
ผู้ริเริ่มโครงการ Street Style Thailand
090-9949472
naocrituss@gmail.com
 
***สำหรับท่านที่ร่วมสนับสนุนโครงการนี้ตั้งแต่ 300 บาทเป็นต้นไป กรุณาส่งชื่อนามสกุล และที่อยู่ของท่านมาด้วยนะครับ ทีมงานจะขอส่งโปสการ์ดให้ในช่วงเดือนมิถุนายนครับ***
***สำหรับท่านที่ร่วมสนับสนุนโครงการนี้ตั้งแต่ 500 บาทเป็นต้นไป ทางทีมงานจอขอเชิญทุกท่านเข้าร่วม Homeless Tour ที่จะจัดในช่วงเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม โดยจะขอนัดผ่านทางอีเมล์อีกทีนะครับ***

แผนการใช้เงิน

 

รายละเอียดค่าใช้จ่าย
1. ค่าแรงพี่เอ ร่วมโครงการ 1 เดือน900
2. ค่าแรงพี่บิน ร่วมโครงการ 3 เดือน2,700
3. ค่าอินเตอร์เน็ตรายเดือน 3 เดือน1,200
4. ค่าอุปกรณ์ เช่น ที่ชาร์จมือถือ450 
5. ค่าใช้จ่ายส่วนสำรอง 2,000 
6. ค่าธรรมเนียมสำหรับการเข้าร่วมกับ Taejai 805 
รวมทั้งสิ้น8,055

หากระดมทุนเกินเป้าหมายที่กำหนด จะถูกนำไปเพิ่มในส่วนค่าใช้จ่ายส่วนสำรอง

หากระดมทุนเกิน 150% จะถูกนำไปใช้ในกิจกรรมเพื่อคนไร้บ้านต่อไป