สร้างเด็กรุ่นใหม่ ด้วยแนวคิดแบบ “ใหม่-พรรณรจน์" แห่ง Raintree International School

At 6 October 2021

ริมถนนนางลิ้นจี่ ณ ใจกลางเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร จะมีพื้นที่สีเขียวขนาด 1.5 ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนนานาชาติสำหรับเด็กเล็กที่มีชื่อว่า Raintree International School ซึ่งหากใครได้ลองก้าวข้ามรั้วเข้าไปในเขตโรงเรียนแล้ว จะรู้สึกได้ทันทีถึงความร่มรื่นภายใต้ร่มไม้ของต้นจามจุรีหลายต้น จนรู้สึกสบายตัว สบายใจ ไม่เหมือนอยู่ใจกลางเมืองที่วุ่นวาย ขวักไขว่ อย่างที่เป็น

Raintree international School

และเบื้องหลังพื้นที่สีเขียวของเด็กเล็กในเมืองกรุงแห่งนี้ คือผู้หญิงที่ชื่อ ใหม่-พรรณรจน์ ชลิตอาภรณ์ ผู้ซึ่งใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีจากทั่วทุกมุมโลก กลับมาพัฒนาเยาวชนรุ่นใหม่ที่บ้านเกิดของเธอเอง ซึ่งวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่เราได้มาฟังคุณใหม่แชร์แนวคิดใหม่ๆ ให้เราคิดตามกันต่อไปว่า เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ต้องมีคุณสมบัติหรือความสามารถอะไรที่คนรุ่นก่อนไม่มี และโรงเรียนที่เธอก่อตั้งแห่งนี้สามารถมอบอะไรให้ได้บ้าง


คุณใหม่-พรรณรจน์ ชลิตอาภรณ์

ศิลปะในการใช้ข้อมูลเพื่อแก้ปัญหา

สิ่งแรกที่คุณใหม่อยากให้เด็กทุกคนได้รับจาก Raintree คือเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งนิยามของคำว่าความคิดสร้างสรรค์ของเธอนั้นน่าสนใจทีเดียว “บางทีเวลาพูดถึงความคิดสร้างสรรค์ คนจะไปคิดถึงเรื่องศิลปะ แต่สำหรับใหม่แล้ว มันต่อยอดถึงไปความคิดสร้างสรรค์ในการใช้ทรัพยากรและข้อมูลเท่าที่มีในการแก้ปัญหา”

ซึ่งในปัจจุบันนี้ ข้อมูลที่เราสามารถเข้าถึงนั้นมีอยู่มากมาย แต่ปัญหาคือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าข้อมูลนี้จริงหรือไม่ ซึ่งคุณใหม่มองว่า “ก่อนจะไปถึงเรื่องความคิดสร้างสรรค์ เราต้องสอนให้มีการคิดวิเคราะห์ก่อน สอนให้เด็กรู้ว่าสิ่งไหนน่าเชื่อถือ แล้วถึงค่อยดูว่าจะเอามาแก้ปัญหาได้อย่างไร”

บรรยากาศการเรียนการสอนใน Raintree International School

สื่อสารอย่างลึกซึ้ง

เรื่องที่สองที่เธอให้ความสำคัญอย่างมากคือเรื่องภาษาและการสื่อสาร ซึ่งในขณะที่พ่อแม่อาจจะรู้สึกว่า การเรียนภาษาที่ 2 และ 3 ในเด็กเล็กนั้นเร็วเกินไป แต่คุณใหม่มองว่าหากเด็กได้สัมผัสภาษาอื่นๆในช่วงอายุระหว่าง 0-6 ปี เด็กจะสามารถเรียนรู้ภาษานั้นได้เหมือนเป็นภาษาแม่ของตน

ที่ Raintree จึงมีการสอนทั้งภาษาไทย อังกฤษ และจีนเพราะคุณใหม่เห็นว่าทั้ง 3 ภาษามีความสำคัญในอนาคตของเด็กยุคนี้ แต่ความสำคัญของภาษาในนิยามของคุณใหม่นั้น มากกว่าแค่การพูดได้ แต่รวมไปถึงการเข้าใจภาษากาย และ การเข้าใจคนที่กำลังรับฟังเรา “โลกมันเล็กลงเรื่อยๆ เราจะคุยกับคนที่มาจากต่างวัฒนธรรมอย่างไรให้สามารถเข้าใจกันได้ และมีความเห็นอกเห็นใจให้แก่คนคนนั้น จริงๆนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เราอยากจะมาตั้งโรงเรียนด้วย เพราะอยากเน้นให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องการเข้าใจกัน”

บรรยากาศการเรียนการสอนใน Raintree International School

รักที่จะเรียนรู้ไปตลอดชีวิต

คุณสมบัติสำคัญสุดท้ายที่เด็กยุคนี้ควรจะต้องมี คือความรักในการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะความสงสัยและการใฝ่เรียนรู้ เป็นพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาให้เด็กสามารถต่อยอดความรู้ในอนาคต ไม่ว่าเด็กจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม หลังจากออกจากบ้าน Raintree ไปแล้ว

แต่พ่อแม่หลายท่านกลับสงสัยว่าเราจะสร้างให้เด็กรักการเรียนรู้ไปตลอดชีวิตได้อย่างไรในเด็กที่อายุน้อยขนาดนี้ ซึ่งคุณใหม่อธิบายว่า “ช่วงเวลาเด็กเล็กมันเป็นช่วงสำคัญในการสร้างค่านิยมและนิสัยที่จะติดตัวเด็กไปตลอด เพราะบางอย่างอาจจะเปลี่ยนยากเมื่อโตขึ้น ใหม่จึงให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นฐานในช่วงอายุนี้ ถ้าพื้นฐานคุณดี คุณจะต่อยอดทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าพื้นฐานคุณไม่แน่น จะไปต่อยอดในขณะที่มันไม่แข็งแรงข้างล่าง มันก็ไปไม่ได้สูง”

การเรียนการสอน: เน้นการเรียนรู้ระหว่างทางและความสุขของผู้เรียน

บรรยากาศการเรียนการสอนใน Raintree International School

เพื่อเป็นการสนับสนุนและฝึกฝนให้เด็กได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ของตัวเอง คุณใหม่ย้ำว่า “เราไม่ได้เน้นผลลัพธ์ ไม่มีถูก ไม่มีผิด” โดยเธอยกตัวอย่างผ่านการสอนวิชาศิลปะ ที่เรียกว่า Process Art ซึ่งไม่ใช่การสอนวาดรูปโดยการบอกว่าของสิ่งใดควรจะหน้าตาอย่างไร แต่เป็นการสอนให้เด็กหาข้อมูล และใช้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ มาสร้างสรรค์ผลงานในแบบของตัวเอง

ส่วนทักษะการใช้ภาษานั้น โรงเรียนจะเน้นวิธีการสอนในแบบที่เป็นธรรมชาติที่สุด ผ่านการนำครูต่างชาติมาอยู่กับเด็กและทำกิจกรรมร่วมกัน แทนการนั่งเรียนในห้องและวัดผลผ่านการท่องจำ ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เด็กได้เรียนภาษาอย่างสนุกสนาน พร้อมฝึกทักษะการสื่อสารและการเข้าใจผู้อื่นในบริบทของชีวิตจริง

เห็นได้ชัดว่าวิธีการเรียนการสอนของ Raintree จะเน้นการเรียนรู้ระหว่างกระบวนการ และให้ความสำคัญกับความสุขของผู้เรียน ซึ่งความสุขนี้จะพัฒนาเป็นความรักในการเรียนรู้อย่างง่ายดาย

กิจกรรม: ฝึกใช้ทักษะในชีวิตจริง พร้อมสร้างค่านิยมในแบบ Raintree

โรงเรียนใช้กิจกรรมหลากหลาย ในการสร้างเด็กยุคใหม่ที่มีคุณภาพในแบบ Raintree เช่น งานประมูลผลงานศิลปะของนักเรียน ซึ่งทางโรงเรียนได้ร่วมกับเทใจออกแบบกิจกรรมนี้ เพื่อเป็นตัวอย่างให้เด็กมองเห็นแนวทางการสร้างสรรค์ทรัพยากร มาใช้แก้ปัญหาจริงในสังคม โดยรายได้จากการประมูลนั้น ทางโรงเรียนจะนำไปสนับสนุนโครงการที่ช่วยเหลือสังคมในประเด็นที่โรงเรียนสนใจในปีนั้นๆ

นอกจากกิจกรรมนี้จะสอนให้เด็กๆได้เห็นคุณค่าของความคิดสร้างสรรค์แล้ว คุณใหม่ยังอยากปลูกฝังให้เด็กๆได้เรียนรู้ที่จะให้ และรักที่จะแบ่งปัน จนเกิดเป็นนิสัยที่จะติดตัวเด็กตลอดไป เพราะเธอมองว่า “บางทีเราอาจจะลืมไปว่า มีคนที่ได้น้อยกว่าเรา ใหม่เลยอยากให้เด็กๆที่นี่เป็นคนใจดี และไม่ใช่แค่กับคนนะ แต่กลับโลกใบนี้ด้วย มันเป็นหน้าที่เรา”

กิจกรรมนี้จึงได้ดำเนินมาเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน และถึงแม้การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ผลปรากฏว่ายอดบริจาคก็ไม่ได้ลดน้อยลงแต่อย่างใด ซึ่งคุณใหม่เล่าพร้อมรอยยิ้มว่า “พ่อแม่ก็ยังอยากที่จะให้ ก็ภูมิใจนะ เพราะมันแสดงให้เห็นถึงค่านิยมในแบบ Raintree จริงๆ และมันเป็นสิ่งที่เราพยายามปลูกฝังมาเรื่อยๆ ทั้งกับเด็ก ผู้ใหญ่ และทุกคนในโรงเรียน”

นอกจากการเรียนการสอนแล้ว Raintree ยังสอนให้เด็กรู้จักการให้

พอได้เข้าใจแนวคิดของคุณใหม่และแนวทางของ Raintree แล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่ามีความหวังกับทั้งสังคมและวงการการศึกษาในประเทศไทย และคงจะไม่น่าแปลกใจหากเราจะได้เห็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีความคิด ใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ พร้อมใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมรอบข้าง อย่างที่คุณใหม่พยายามปลูกฝังให้กับทุกคนในสังคมใต้ Raintree ต้นนี้