project ผู้พิการและผู้ป่วย

กองทุนช่วยเด็กป่วยไปหาหมอกับมูลนิธิยุวรักษ์

เพราะเด็กป่วยและยากไร้อาจจะไม่มีโอกาสไปหาหมอ เพราะขาดค่าเดินทาง และค่ายาบางชนิด มูลนิธิยุวรักษ์ ก่อตั้งเพื่อช่วยเหลือเด็กที่เจ็บป่วยยากไร้ทั่วประเทศให้หายจากเจ็บป่วย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการพาเด็กเหล่านี้ให้เข้าถึงการรักษา

Duration ตลอดปี Area ทั่วประเทศ

Current donation amount

330,674 THB

Target

1,100,000 THB
ดำเนินการไปแล้ว 30%
259 days left จำนวนผู้บริจาค 599

Project updates

พาเด็กป่วย 5 คนไปหาหมอกับมูลนิธิยุวรักษ์ ปี 2566

12 April 2024

มูลนิธิยุวรักษ์ได้ทำการช่วยเหลือเด็กป่วยที่ครอบครัวที่ยากจน ยากไร้ ด้อยโอกาส บางกรณีก็มีส่วนต่างจากสิทธิ์ที่คนไข้ได้รับ บางกรณีครอบครัวเดียวกันแต่ลูกป่วยหมดทุกคน ฐานะก็ยากจน บางครอบครัวสามีทำงานคนเดียวแต่ลูกป่วยโรคร้ายแรง ต้องรักษาตัวระยะยาว จำเป็นต้องได้รับยาที่แพงอย่างต่อเนื่อง มูลนิธิยุวรักษ์จึงเข้าไปช่วยเหลือด้านต่างๆ

  • ช่วยเหลือในด้านให้ค่าเดินทางไปพบแพทย์
  • ช่วยเหลือด้านค่ารักษาพยาบาลในส่วนเกินของที่คนไข้ได้รับ
  • ช่วยเหลือด้านพัฒนาการด้านร่างกายของคนไข้ ที่อาจต้องไปพบนักกายภาพเป็นประจำ
  • ช่วยเหลือเกี่ยวกับสิ่งของที่จำเป็นของคนไข้ที่ต้องใช้ประจำ เช่น แพมเพิท ยาบางตัวที่มีราคาแพงนอกสิทธิ์ที่ได้รับ รวมถึงนมและอาหารเสริมทางการแพทย์

มูลนิธิยุวรักษ์ได้นำเงินที่ได้รับบริจาคจากโครงการฯ ไปช่วยเหลือเด็กป่วยทั้ง 5 คน ต่อเนื่องต่อไปนี้ 

เด็กคนที่ 1

เด็กหญิงนะ อยู่ในความดูแลของมูลนิธิยุวรักษ์ ปี 2558 ป่วยเป็นโรคหัวใจชนิดเขียว และมีปัญหาทางการได้ยิน และระบบทางเดินหายใจ มีอาการนอนกรน หายใจทางปากและมีกลั้นหายใจขณะนอนหลับ คุณหมอนัดให้มาตรวจดูอาการเรื่อยๆ จนกระทั่งอาการเริ่มหนักขึ้นถึงขั้นหยุดหายใจตอนหลับ คุณหมอเลยนัดส่องกล้องทางจมูก ได้พบก้อนเนื้อเป็นพังผืดบริวณโคลนลิ้นและในโพรงจมูก และนัดผ่าตัด ในวันที่ 2 มิย. 66 และตรวจการนอนหลับหลังผ่าตัด ในวันที่ 17 มิย.66 ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี จนกระทั่ง 3-4 เดือนต่อมา น้องนะเริ่มมีอาการเหมือนเดิม คุณหมอได้ทำการส่องกล้องอีกครั้งพบก้อนเนื้อโตขึ้นมาอีกและพบหลายจุด คุณหมอทำการผ่าตัดอีกครั้งเมื่อวันที่ 3 มค. 67 และดูอาการอยู่ห้อง ICU จนถึงวันที่ 5 มค.67 และได้มาพักรักษาต่อที่บ้าน ปัจจุบันน้องนะยังต้องพบหมอเพื่อติดตามอาการตามคุณหมอนัดต่อไป

ปัจจุบันคุณหมอโรคหัวใจต้องนัด 6 เดือน/ครั้ง หรือเมื่อมีอาการ และคุณหมอหูคอจมูก นัดทุก 3 เดือน

เด็กคนที่ 2

เด็กชายแดง อยู่ในความดูแลของมูลนิธิยุวรักษ์ ปี 2560 เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนดตอนอายุครรภ์ได้ 7 เดือน ตอนคลอดน้องแดงหยุดหายใจประมาณ 1 ชั่วโมง คุณหมอช่วยปั้มหัวใจจนน้องแดงฟื้น และต้องอยู่ในตู้อบอีก 3 เดือน พออายุ 9 เดือน คุณหมอทำการ X-Ray ร่างกายและสมอง ผลออกมาน้องแดงมีอาการสมองฝ่อและกล้ามเนื้ออ่อนแรง ปัจจุบันต้องทำกายภาพบำบัดเพื่อพัฒนาการทางด้านร่างกาย แต่จากที่น้องแดงตัวโตและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น จะไม่สามารถนั่งนานๆได้ เพราะกระดูกช่วงเอวเล็ก ทำให้ช่วงบนจะใหญ่กว่าช่วงล่าง ทำให้การพัฒนาทางด้านร่างกายไม่ค่อยดีนัก แต่ทางด้านสมองมีความจำดี สอนอะไรจำได้หมด

ปัจจุบันคุณหมอนัดไปทำกายภาพอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

เด็กคนที่ 3

เด็กชายวัต อยู่ในความดูแลของมูลนิธิยุวรักษ์ ปี 2563 ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง เริ่มแรกน้องวัตมีอาการปวดหัว อาเจียน มองเห็นภาพช้อน และเริ่มมีแขนขาอ่อนแรง และชักเกร็ง จึงตรวจเจอเนื้องอกในสมอง เมื่อวันที่ 30 พย. 2562 และโรงพยาบาลได้ส่งตัวมารักษาที่ต่อโรงพยาบาลจุฬา เนื่องจากโรงพยาบาลเดิมมีเครื่องมือในการรักษาไม่พร้อม และรักษาอาการอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาลจุฬา โดยทำการผ่าตัดและให้ยาเคมีบำบัดและฉายแสง จนครบการรักษา และคุณหมอนัดติดตามอาการและทำ MRI ปีละ 1 ครั้ง เพื่อดูค่ามะเร็งและก้อนเนื้อในสมอง และผลของการทำ MRI ปี 2566 ก้อนเนื้อในสมองมีอาการเล็กลง และไม่มีเชื้อมะเร็งแต่โอกาสจะกลับมาเป็นใหม่ได้ อาการปวดหัวของน้องวัตดีขึ้น คุณหมอให้ยา แคลเซี่ยม วิตามิน D มารับประทาน และติดตามผลตามอาการต่อไป

ปัจจุบันน้องวัตสามารถไปโรงเรียนได้ แต่ร่างกายยังไม่เต็มร้อย เพราะยังมีปัญหาเรื่องการมองเห็น และสายตาสั้น จึงต้องใส่แว่นเพื่อถนอมสายตา และคุณหมอนัดตรวจเลือดและมะเร็ง ปีละ 1 ครั้ง ส่วนด้านหูคอจมูก นัดทุก 6 เดือน

เด็กคนที่ 4

เด็กหญิงนี ป่วยด้วยโรค Case Hydrocephalus ตาด้านขวาไม่มีลูกตา มองไม่เห็น ต้องรักษาตัวด้วยแพทย์เฉพาะทางเพื่อทำศัลยกรรมจมูกและตา รวมถึงผ่าตัดสมองเพื่อสอดท่อระบายน้ำออก 

น้องนีเกิดภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง (Hydrocephalus) ตั้งแต่แรกเกิด ทำให้ตาด้านขวาไม่มีลูกตา ตาด้านซ้ายมองเห็นบ้างแต่ไม่ชัด ต้องได้รับการผ่าตัดช่วยเหลือในการระบายน้ำออกจากสมอง ศัลยกรรมตกแต่งจมูกและตา ส่งผลให้พัฒนาการล่าช้าทุกด้าน จึงจำเป็นต้องไปรักษาตัวจากที่ต่างจังหวัดและต้องกระตุ้นพัฒนาการที่โรงพยาบาลใกล้บ้านอย่างสม่ำเสมอ และได้ผ่าตัดศัลยกรรมแล้วเมื่อวันที่ 4 ม.ค.63 นัดติดตามอาการโดยวิธีการ Telemedicine โดยมีสหวิชาชีพทั้งแพทย์ นักจิตวิทยาพูดคุยเกี่ยวการอาการทั้งทางกายและทางจิตใจ ด้านพัฒนาการหลังจากผ่าตัดจมูกแล้ว น้องนีสามารถพูดสื่อสารพอได้ บอกความต้องการได้ ทำกิจวัตรประจำวันได้แต่มารดาต้องช่วยเหลือเรื่องความสะอาด ทำตามคำสั่งได้ แยกหมวดหมู่และสีได้ถูกต้องแต่ทั้งนี้ยังต้องให้มีคนดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด 

ปัจจุบันน้องนี ยังคงต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง และหากผู้ป่วยมีประจำเดือนแพทย์เจ้าของไข้จะทำหัตการตัดมดลูก เนื่องจากผู้ป่วยดูแลตนเองได้น้อย และต้องศัลยกรรมตกแต่งจมูกให้ดูดีขึ้น

เด็กคนที่ 5

เด็กหญิงมูนา อยู่ในความดูแลของมูลนิธิยุวรักษ์ ปี 2561 ตั้งแต่อายุ 1 เดือน ป่วยด้วยโรคภาวะต่อมใต้สมองอักเสบ มีภาวะชักต่อเนื่อง ส่งผลให้หยุดการเจริญเติบโต แพทย์จำเป็นต้องให้ยากระตุ้นการเจริญเติบโต เป็นเวลาต่อเนื่อง 15 ปี เพื่อให้เติบโตได้ใกล้เคียงเด็กปกติ คุณแม่ได้ส่งผู้ป่วยไปเรียนที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ 2 ปี แล้ว หลังจากเข้าเรียน ทำให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้มากขึ้น กลัวคนน้อยลง ปัจจุบันสามารถพูดได้เป็นประโยคสั้นๆ แต่พูดยังไม่ค่อยชัด ไม่สามารถเดินเองได้ต้องมีคนช่วยพยุงเจ้าหน้าที่ศูนย์การศึกษาพิเศษช่วยน้องมูนาได้ฝึกเดินและทำกายภาพ

ปัจจุบันน้องมูนาอาการดีขึ้น คุณหมอนัดติดตามอาการและรับยานัดทุกๆ 3 เดือน และกระตุ้นยาฉีดเพิ่มฮอร์โมนวันละ 1 ครั้ง

ความประทับใจจากคุณแม่น้องมูนา


Read more »
See all project updates

ปัญหาสังคมและวิธีการแก้ไขปัญหา

เพราะเด็กแต่ละคนป่วยด้วยโรคที่ไม่เหมือนกัน...

แต่ที่เหมือนกันคือ ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง หลายครอบครัวแบกภาระค่าใช้จ่ายอย่างหนัก บางคนเลือกที่จะไม่รักษาต่อ

เคสตัวอย่าง

ด.ญ. นี อายุ 14 ปี : ป่วยด้วยโรคน้ำในสมองมากเกินและพัฒนาการล่าช้าตั้งแต่แรกเกิด ก่อนหน้านี้ผ่าตัดสมองเพื่อสอดท่อระบายน้ำออก ต่อมาได้รับการผ่าตัดจมูกเพื่อให้หายใจได้สะดวก ทุกวันนี้ด.ญ.นีอาศัยอยู่กับครอบครัวที่จังหวัดพิษณุโลก น้องเริ่มจะพูดสื่อสารพอได้ แต่ก็ยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ การไปกลับระหว่างบ้านที่จังหวัดพิษณุโลกและโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์กรุงเทพจึงมีค่าใช้จ่ายที่สูง โดยเฉลี่ยมูลนิธิยุวรักษ์สนับสนุนค่าใช้จ่ายปีละ 36,000 บาท

ด.ญ. มูนา อายุ 4 ปี : มูลนิธิยุวรักษ์ได้ดูแลน้องตอนอายุ 1 เดือน เพราะป่วยด้วยโรคภาวะต่อมใต้สมองอักเสบ มีภาวะชักต่อเนื่อง เข้ารักษาที่โรงพยาบาลปัตตานีและส่งต่อโรงพยาบาลหาดใหญ่ ผลของโรคทำให้หยุดการเจริญเติบโต หมอจำเป็นต้องให้ยยากระตุ้นการเจริญเติบเป็นเวลาต่อเนื่อง 13 ปี ๆละ 60,000 บาท เพื่อให้น้องเติบโตได้ใกล้เคียงเด็กปกติ 

ดช.แดง อายุ 10 ปี มีปัญหาด้านพัฒนาการการตั้งแต่กำเนิด มีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงและสมองฝ่อ คนไข้ต้องทำกายภาพบำบัดเป็นประจำ ที่ศูนย์พัฒนาเด็กพิเศษ จังหวัดกระบี่ มูลนิธิยุวรักษ์ดูแลดช.แดงตั้งแต่ 4 ขวบ ตอนนี้คนไข้มีพัฒนาการด้านสมองดีขึ้นและมีความจำดีขึ้น ได้ มูลนิธิยุวรักษ์สนับสนุนค่าเดินทางและกายภาพบำบัด เฉลี่ยสนับสนุนปีละ 36,000 บาท 

ดช.วัด อายุ 13 ปี คนไข้ป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง รักษาอยู่ที่ รพ.จุฬา น้องได้มีการผ่าตัดสมองและให้ยาเคมีบำบัดและฉายแสง ตอนนี้อาการดีขึ้นมาก สามารถไปโรงเรียนได้ คุณหมอได้นัดติดตามอาการของน้อง และทำ MRI ทุก 6 เดือน 

ดญ.นะ อายุ 10 ปี ป่วยเป็นโรคหัวใจตั้งแต่กำเนิด ปัจจุบันคนไข้เริ่มหายใจทางปากตอนนอนและมีหายใจดังตอนนอนหงาย คล้ายหายใจไม่ค่อยสะดวก คุณหมดนัดดูอาการทุกเดือนเพื่อวางแผนการผ่าตัดอีก 2- 3 ปี มูลนิธิยุวรักษ์จึงต้องให้การสนับสนุนค่าเดินทางเพื่อไปกลับระหว่างโรงพยาบาลศิริราชและค่ายานอกบัญชี เฉลี่ยสนับสนุนปีละ 36,000 บาท

นี่คือตัวอย่างเด็กจาก 5 คนใน 478 คนที่มูลนิธิช่วยเหลืออยู่

ปัจจุบันมีประชากรเจ็บป่วยด้วยโรคมากมายจากสาเหตุต่างๆ และนับวันจะเพิ่มมากขึ้น มูลนิธิยุวรักษ์มีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือด้านรักษาพยาบาลและสุขพลานามัยของเด็กเจ็บป่วยที่มาจากครอบครัวยากจนยากไร้ด้อยโอกาส โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อนาคตจะเป็นกำลังของครอบครัวและประเทศชาติ เด็กมีจำนวนการเจ็บป่วยเพิ่มมากขึ้น เป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโต มูลนิธิฯ มุ่งหวังที่จะช่วยเหลือเด็กไทยที่เจ็บป่วยยากไร้ทั่วประเทศให้หายจากเจ็บป่วย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต ปัจจุบันมูลนิธิ  มีจำนวนเด็กป่วย 478 คน 


ขั้นตอนการดำเนินโครงการ

  1. พาคนไข้ไปพบแพทย์ตามหมอนัด
  2. โอนค่ารักษาพยาบาลและค่าเดินทางให้คนไข้
  3. ติดตามอาการคนไข้

ผู้รับผิดชอบโครงการ

-

พาเด็กป่วย 5 คนไปหาหมอกับมูลนิธิยุวรักษ์ ปี 2566

12 April 2024

มูลนิธิยุวรักษ์ได้ทำการช่วยเหลือเด็กป่วยที่ครอบครัวที่ยากจน ยากไร้ ด้อยโอกาส บางกรณีก็มีส่วนต่างจากสิทธิ์ที่คนไข้ได้รับ บางกรณีครอบครัวเดียวกันแต่ลูกป่วยหมดทุกคน ฐานะก็ยากจน บางครอบครัวสามีทำงานคนเดียวแต่ลูกป่วยโรคร้ายแรง ต้องรักษาตัวระยะยาว จำเป็นต้องได้รับยาที่แพงอย่างต่อเนื่อง มูลนิธิยุวรักษ์จึงเข้าไปช่วยเหลือด้านต่างๆ

  • ช่วยเหลือในด้านให้ค่าเดินทางไปพบแพทย์
  • ช่วยเหลือด้านค่ารักษาพยาบาลในส่วนเกินของที่คนไข้ได้รับ
  • ช่วยเหลือด้านพัฒนาการด้านร่างกายของคนไข้ ที่อาจต้องไปพบนักกายภาพเป็นประจำ
  • ช่วยเหลือเกี่ยวกับสิ่งของที่จำเป็นของคนไข้ที่ต้องใช้ประจำ เช่น แพมเพิท ยาบางตัวที่มีราคาแพงนอกสิทธิ์ที่ได้รับ รวมถึงนมและอาหารเสริมทางการแพทย์

มูลนิธิยุวรักษ์ได้นำเงินที่ได้รับบริจาคจากโครงการฯ ไปช่วยเหลือเด็กป่วยทั้ง 5 คน ต่อเนื่องต่อไปนี้ 

เด็กคนที่ 1

เด็กหญิงนะ อยู่ในความดูแลของมูลนิธิยุวรักษ์ ปี 2558 ป่วยเป็นโรคหัวใจชนิดเขียว และมีปัญหาทางการได้ยิน และระบบทางเดินหายใจ มีอาการนอนกรน หายใจทางปากและมีกลั้นหายใจขณะนอนหลับ คุณหมอนัดให้มาตรวจดูอาการเรื่อยๆ จนกระทั่งอาการเริ่มหนักขึ้นถึงขั้นหยุดหายใจตอนหลับ คุณหมอเลยนัดส่องกล้องทางจมูก ได้พบก้อนเนื้อเป็นพังผืดบริวณโคลนลิ้นและในโพรงจมูก และนัดผ่าตัด ในวันที่ 2 มิย. 66 และตรวจการนอนหลับหลังผ่าตัด ในวันที่ 17 มิย.66 ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี จนกระทั่ง 3-4 เดือนต่อมา น้องนะเริ่มมีอาการเหมือนเดิม คุณหมอได้ทำการส่องกล้องอีกครั้งพบก้อนเนื้อโตขึ้นมาอีกและพบหลายจุด คุณหมอทำการผ่าตัดอีกครั้งเมื่อวันที่ 3 มค. 67 และดูอาการอยู่ห้อง ICU จนถึงวันที่ 5 มค.67 และได้มาพักรักษาต่อที่บ้าน ปัจจุบันน้องนะยังต้องพบหมอเพื่อติดตามอาการตามคุณหมอนัดต่อไป

ปัจจุบันคุณหมอโรคหัวใจต้องนัด 6 เดือน/ครั้ง หรือเมื่อมีอาการ และคุณหมอหูคอจมูก นัดทุก 3 เดือน

เด็กคนที่ 2

เด็กชายแดง อยู่ในความดูแลของมูลนิธิยุวรักษ์ ปี 2560 เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนดตอนอายุครรภ์ได้ 7 เดือน ตอนคลอดน้องแดงหยุดหายใจประมาณ 1 ชั่วโมง คุณหมอช่วยปั้มหัวใจจนน้องแดงฟื้น และต้องอยู่ในตู้อบอีก 3 เดือน พออายุ 9 เดือน คุณหมอทำการ X-Ray ร่างกายและสมอง ผลออกมาน้องแดงมีอาการสมองฝ่อและกล้ามเนื้ออ่อนแรง ปัจจุบันต้องทำกายภาพบำบัดเพื่อพัฒนาการทางด้านร่างกาย แต่จากที่น้องแดงตัวโตและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น จะไม่สามารถนั่งนานๆได้ เพราะกระดูกช่วงเอวเล็ก ทำให้ช่วงบนจะใหญ่กว่าช่วงล่าง ทำให้การพัฒนาทางด้านร่างกายไม่ค่อยดีนัก แต่ทางด้านสมองมีความจำดี สอนอะไรจำได้หมด

ปัจจุบันคุณหมอนัดไปทำกายภาพอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

เด็กคนที่ 3

เด็กชายวัต อยู่ในความดูแลของมูลนิธิยุวรักษ์ ปี 2563 ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง เริ่มแรกน้องวัตมีอาการปวดหัว อาเจียน มองเห็นภาพช้อน และเริ่มมีแขนขาอ่อนแรง และชักเกร็ง จึงตรวจเจอเนื้องอกในสมอง เมื่อวันที่ 30 พย. 2562 และโรงพยาบาลได้ส่งตัวมารักษาที่ต่อโรงพยาบาลจุฬา เนื่องจากโรงพยาบาลเดิมมีเครื่องมือในการรักษาไม่พร้อม และรักษาอาการอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาลจุฬา โดยทำการผ่าตัดและให้ยาเคมีบำบัดและฉายแสง จนครบการรักษา และคุณหมอนัดติดตามอาการและทำ MRI ปีละ 1 ครั้ง เพื่อดูค่ามะเร็งและก้อนเนื้อในสมอง และผลของการทำ MRI ปี 2566 ก้อนเนื้อในสมองมีอาการเล็กลง และไม่มีเชื้อมะเร็งแต่โอกาสจะกลับมาเป็นใหม่ได้ อาการปวดหัวของน้องวัตดีขึ้น คุณหมอให้ยา แคลเซี่ยม วิตามิน D มารับประทาน และติดตามผลตามอาการต่อไป

ปัจจุบันน้องวัตสามารถไปโรงเรียนได้ แต่ร่างกายยังไม่เต็มร้อย เพราะยังมีปัญหาเรื่องการมองเห็น และสายตาสั้น จึงต้องใส่แว่นเพื่อถนอมสายตา และคุณหมอนัดตรวจเลือดและมะเร็ง ปีละ 1 ครั้ง ส่วนด้านหูคอจมูก นัดทุก 6 เดือน

เด็กคนที่ 4

เด็กหญิงนี ป่วยด้วยโรค Case Hydrocephalus ตาด้านขวาไม่มีลูกตา มองไม่เห็น ต้องรักษาตัวด้วยแพทย์เฉพาะทางเพื่อทำศัลยกรรมจมูกและตา รวมถึงผ่าตัดสมองเพื่อสอดท่อระบายน้ำออก 

น้องนีเกิดภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง (Hydrocephalus) ตั้งแต่แรกเกิด ทำให้ตาด้านขวาไม่มีลูกตา ตาด้านซ้ายมองเห็นบ้างแต่ไม่ชัด ต้องได้รับการผ่าตัดช่วยเหลือในการระบายน้ำออกจากสมอง ศัลยกรรมตกแต่งจมูกและตา ส่งผลให้พัฒนาการล่าช้าทุกด้าน จึงจำเป็นต้องไปรักษาตัวจากที่ต่างจังหวัดและต้องกระตุ้นพัฒนาการที่โรงพยาบาลใกล้บ้านอย่างสม่ำเสมอ และได้ผ่าตัดศัลยกรรมแล้วเมื่อวันที่ 4 ม.ค.63 นัดติดตามอาการโดยวิธีการ Telemedicine โดยมีสหวิชาชีพทั้งแพทย์ นักจิตวิทยาพูดคุยเกี่ยวการอาการทั้งทางกายและทางจิตใจ ด้านพัฒนาการหลังจากผ่าตัดจมูกแล้ว น้องนีสามารถพูดสื่อสารพอได้ บอกความต้องการได้ ทำกิจวัตรประจำวันได้แต่มารดาต้องช่วยเหลือเรื่องความสะอาด ทำตามคำสั่งได้ แยกหมวดหมู่และสีได้ถูกต้องแต่ทั้งนี้ยังต้องให้มีคนดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด 

ปัจจุบันน้องนี ยังคงต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครอง และหากผู้ป่วยมีประจำเดือนแพทย์เจ้าของไข้จะทำหัตการตัดมดลูก เนื่องจากผู้ป่วยดูแลตนเองได้น้อย และต้องศัลยกรรมตกแต่งจมูกให้ดูดีขึ้น

เด็กคนที่ 5

เด็กหญิงมูนา อยู่ในความดูแลของมูลนิธิยุวรักษ์ ปี 2561 ตั้งแต่อายุ 1 เดือน ป่วยด้วยโรคภาวะต่อมใต้สมองอักเสบ มีภาวะชักต่อเนื่อง ส่งผลให้หยุดการเจริญเติบโต แพทย์จำเป็นต้องให้ยากระตุ้นการเจริญเติบโต เป็นเวลาต่อเนื่อง 15 ปี เพื่อให้เติบโตได้ใกล้เคียงเด็กปกติ คุณแม่ได้ส่งผู้ป่วยไปเรียนที่ศูนย์การศึกษาพิเศษ 2 ปี แล้ว หลังจากเข้าเรียน ทำให้ผู้ป่วยสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้มากขึ้น กลัวคนน้อยลง ปัจจุบันสามารถพูดได้เป็นประโยคสั้นๆ แต่พูดยังไม่ค่อยชัด ไม่สามารถเดินเองได้ต้องมีคนช่วยพยุงเจ้าหน้าที่ศูนย์การศึกษาพิเศษช่วยน้องมูนาได้ฝึกเดินและทำกายภาพ

ปัจจุบันน้องมูนาอาการดีขึ้น คุณหมอนัดติดตามอาการและรับยานัดทุกๆ 3 เดือน และกระตุ้นยาฉีดเพิ่มฮอร์โมนวันละ 1 ครั้ง

ความประทับใจจากคุณแม่น้องมูนา


Budget plan

ลำดับ รายการ จำนวน จำนวนเงิน (บาท)
1 ค่าเดินทางเด็กป่วยไปหาหมอ และยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ 1 ปี 1,000,000.00
รวมเป็นเงินทั้งหมด
1,000,000.00
ค่าธรรมเนียมของเทใจ (10%)
100,000.00

ยอดระดมทุน
1,100,000.00

Donate to
กองทุนช่วยเด็กป่วยไปหาหมอกับมูลนิธิยุวรักษ์

Select a donation

Amount
Payment Methods

Pay by scan/upload QR code via mobile banking application of Siam Commercial bank, TMB bank, Krungthai bank, Bangkok bank, Krungsri bank, Thanachart bank, Kasikorn bank, GSB Bank

You will get the QR code after you confirm donation.

Tax Deduction

การบริจาคด้วย QR Code ชื่อ- นามสกุลบนใบเสร็จเพื่อลดหย่อนภาษีจะเป็นชื่อเจ้าของบัญชี Mobile banking
Filling out to send confirmation email
Filling out to send confirmation email

We will send receipt to your email after donation succeed.


Credit card information will be securely processed by provider with international standard PCI-DSS Compliant Omise logo

Invite Friends